26 พ.ย. 2023 เวลา 00:58 • การศึกษา

ครูและนักเรียนสนทนากับหลวงปู่หาเรื่อง กาลามสูตร

เช้านี้มีอาจารย์ท่านหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัด เพื่อนำนักเรียนมาชมพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร
แล้วจึงพานักเรียนขึ้นมาวัดเพื่อมากราบหลวงพ่อบันดาล(พระพุทธบันดาลฤทธิผล) พระพุทธรูปโบราณคู่วัดสักกะวัน
และเมื่อเห็นหลวงปู่นั่งอยู่จึงเข้ามาแวะกราบ สนทนากันได้ระยะหนึ่งจึงเอ่ยถามหลวงปู่ว่า
อาจารย์ : หลวงปู่ครับ พระพุทธเจ้าทรงตรัสในกาลามสูตร ในสิ่งไม่ควรเชื่อ ๑๐ อย่าง
ท่านให้พิสูจน์ทดลองก่อน จึงเชื่อผมไม่เห็นด้วย ถ้าอย่างนั้นเราอยากรู้ว่า ตายแล้วไปไหน
ไม่ต้องพิสูจน์ ด้วยการตายก่อนหรือครับถึงจะทราบ
หลวงปู่: คุณมาจากไหน
อาจารย์: ร้อยเอ็ด ครับผม
หลวงปู่ : ถ้าคนกาฬสินธุ์ เขามีพิธีกรรมบางอย่าง ที่คนร้อยเอ็ดไม่มี ไม่ทำ คุณว่าคนกาฬสินธุ์ของงมงาย เขาทำถูกหรือทำผิด
อาจารย์ : ไม่งมงายไม่ผิดครับหลวงปู่ เพราะคนกาฬสินธุ์ก็คือคนกาฬสินธุ์ จะเอาความคิดคนร้อยเอ็ดมาตัดสินคนกาฬสินธุ์ไม่ได้ครับผม
หลวงปู่ : เออ ตอบคำถามสมกับเป็นครูคน ก็ในเมื่อเอาคนร้อยเอ็ดมาตัดสินความเป็นคนกาฬสินธุ์ไม่ได้ ก็เอาคนกาลามะมาตัดสินคนไทยไม่ได้
เหมือนกัน คนที่ศึกษาแต่ข้อความทั้ง๑๐ แล้วไม่ได้ดูที่ไปที่มาของเรื่องเลย จะสรุปว่าข้อความทั้ง๑๐ คือทั้งหมดไม่ได้ คนกาลามะเป็นคนหัวอ่อนเชื่อง่าย
ใครสอนอะไร บอกอะไรเชื่อหมด ไม่ไตร่ตรองเสียก่อน พระองค์ท่านจึงให้ข้อตัดสินความเชื่อไว้อย่างนั้น ก็ในเมื่อเราไม่ได้มีจริตนิสัยเป็นอย่างนั้นเราจะเอามาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้
ศาสนธรรมคำสอนพระองค์เจ้า มี๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ คุณอย่าเอามาใช้ทั้งหมด สมัยก่อนพระองค์เทศน์สอนใคร เทศน์เรื่องเดียว อย่างเดียวคนนั้นก็บรรลุธรรม คนทุกวันนี้ชอบแบกคัมภีร์แบกธรรม แบกจนหนักโดยไม่รู้ตัว
มัววุ่นอยู่แต่กับหนังสือกับข้อความ รับมาก ฟังมาก แบกมาก หนักมาก เลยเอาหนังสือ เอาคัมภีร์มาข้องมาคา มาติดมาขัด ไปไหนก็ไม่ได้ มันติดคัมภีร์ มันติดความรู้ ความรู้ที่รู้เพื่อหนักสมอง รกสมอง ใช้ประโยชน์ไม่ได้ สังเกตไหมว่า คนในสมัยพระพุทธเจ้า เขาปฏิบัติอย่างเดียว เอาธรรมตัวเดียว
สิงคาลมาณพ เอาทิศ ๖ หลวงพ่อโมคคัลลา เอาความง่วง หลวงพ่อพาหิยะ ฟังธรรมสั้นๆ หลวงพ่อ นาลกะ เอาโมเนยยะ ท่านเหล่านี้ไม่ต้องแบกคัมภีร์ ไม่ต้องแบกความรู้ที่รกสมอง
พระองค์เจ้าเป็นสัพพัญญูเป็นผู้รู้แจ้งนะ สัพพัญญูไม่ได้แปลว่ารู้ทุกเรื่อง เรื่องไม่เป็นประโยชน์ ท่านก็ไม่รู้ บางเรื่องรู้แล้วมันทุกข์ อย่ารู้เสียดีกว่า
ทุกวันนี้มันมีแต่ประเภท " รู้ไปหมด แต่มันอดไม่ได้ รู้ไปทั่ว แต่เอาตัวไม่รอด" เลือกเอาธรรมที่เป็นตัวเรา เข้าจริต นิสัยเรามาปฏิบัติ ไม่ใช่มีแต่แบกแต่ขน ขนไปหมดจนไม่รู้จะใช้ได้หรือไม่ อย่าเอาคนอื่นมาเป็นมาวัดกับเรานะ เรากับเขามันคนละคน
การปฏิบัติตามธรรมเป็นเรื่องส่วนตัว ของใครของมัน อย่าเอามาอวดมาอ้างกัน อย่าเอาเขามาทำให้เราทุกข์ เหมือนคุณที่ทุกข์กับคนกาลามะ ส่วนการพิสูจน์ชีวิตหลังความตายนั้น
โลกคนตายเป็นโลกทิพย์ อยากเห็นโลกทิพย์ต้องมีตาทิพย์ อยากได้ยินเสียงทิพย์ต้องมีหูทิพย์ อยากไปโลกทิพย์ต้องมีกายทิพย์ การมีกายทิพย์ เกิดจากการปฏิบัติ พากเพียรภาวนาและการตาย มันมีวิธีอื่นนอกจากการตาย แล้วแต่คุณจะเลือกหรอก
โฆษณา