7 ธ.ค. 2023 เวลา 05:09 • ประวัติศาสตร์
ไทย

เชื่อหรือไม่?เนื้อหาหลักสูตรวิทยาศาสตร์ ที่เด็กๆเรียนกันอยู่กลับเป็นความรู้เมื่อ 200 ปีที่แล้ว!

ไม่น่าแปลกใจ เมื่อหลักสูตรวิทยาศาสตร์ที่เราสอนจะล้าหลังโลกไปถึง 70 ปี
และเนื้อหาที่เด็กๆเรียนอยู่นี้กลับเป็นความรู้เมื่อ 200 ปีที่แล้ว!
1
ไม่ใช่แค่ความรู้ 200 ปี แต่ความคิดที่เด็กๆย้อนหลังไปเมื่อ 500 ปี นั้นหนักหนากว่า...
1
ผมมั่นใจได้เช่นกันว่าอย่างน้อย 85% ของคนทั่วๆไปไม่เคยได้ยินคำกล่าวอ้างเช่นนี้
หลักสูตรวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมต้นของเรา เช่น ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา
มุ่งเน้นไปที่การตอบคำถาม(ทำข้อสอบ)มากกว่าการแก้ปัญหาเสมอ
1
ดังนี้แล้ว...หลักสูตรวิทยาศาสตร์ของเราล้าหลังกว่าโลกถึง 70 ปี และเนื้อหาจำนวนมากเป็นความรู้เมื่อ 200 ปีที่แล้ว
1
ทำไมสถานการณ์เหล่านี้จึงไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วเหตุใดกิจกรรมเผยแพร่หลักสูตรวิทยาศาสตร์ของวัยรุ่นจึงมักอยู่ในระดับที่นักวิชาการสนใจเท่านั้น
โดยขาดการฝึกฝนความรู้ วิธีการ ทักษะ และจิตวิญญาณทางวิทยาศาสตร์
วิธีที่จะช่วยให้เด็กๆ เปลี่ยนจากการสนใจที่จะก้าวข้ามไปสู่ความทะเยอทะยานนั้นยังไม่ชัดเจน
3
แม้ในทุกวันนี้ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในวิทยาเขตของโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษากำลังกลายเป็น
"ระดับไฮเอนด์" มากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับขาดการประดิษฐ์ หรือการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ๆที่มีคุณค่า ภายใต้สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นอาจมีการอ้างถึงบุคคลผู้สร้างสรรค์ หรือสังคมหรือขอบเขตภายในที่ได้สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ขึ้นมา
แม้แต่ใน โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย หรือ The Essence School
1
แต่กิจกรรมนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังคงขาดการคิดระดับสูงและขาดเอามากๆในประสบการณ์เชิงลึก
2
ไม่ต้องพูดถึงว่า ในปัจจุบันมีภาพยนตร์เวทมนตร์ รายการทีวี เกมเวทมนตร์
และหนังสือการ์ตูนเวทมนตร์จำนวนมากยังปรากฏอยู่ในสังคม
1
ซึ่งส่งผลเสียต่อการพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของคนหนุ่มๆสาวๆ
ครูและผู้ปกครองได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้หรือไม่?
ผมจะไม่ขอพูดถึงภาระงาน การทำชำนาญการพิเศษ การจ้างทำวิทยานิพนธ์ หรือจำนวนบุคลากรที่มีปัญหา(มันก็มีปัญหาทุกวงการน่ะแหละครับ)โดยทั่วๆไป การกระจายความคิดเป็นแก่นแท้ของนวัตกรรม
1
และความสามารถด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใน...
"ทักษะของเด็ก" มันต้องมีรากฐานที่มั่นคงตั้งแต่วัยเด็ก
1
เพราะหากคุณฝึกฝน "ทักษะของเด็ก" นี้หลังมัธยมปลาย ก็อาจจะสายเกินไปด้วยซ้ำ
มันได้ทำลายความมั่นใจในตนเองและความภาคภูมิใจ และเพิ่มความวิตกกังวลอันใหญ่หลวง
แม้ว่าผมจะอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยก็ตาม
หากสิ่งที่พวกเขาพูดนั้นเป็นความจริง แม้เราจะล้ำหน้าโลกไปไกลในสาขาของเรา
และ นักวิชาการบางคนพบว่าคนอังกฤษและอเมริกันล้วนเป็นต้นแบบของการเรียนการสอน
แต่เราจะเรียนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ศิลปศาสตร์ และเคมีอย่างแท้จริงได้อย่างไร ?
เราจะเอาชนะเทคนิคที่ติดคอขวดแบบนี้ได้ดีขึ้นได้อย่างไร?
แน่นอนคุณสามารถพิจารณาส่งเด็กๆเข้าศึกษาต่อต่างประเทศได้...
หากในประเทศไทยไม่มีทางที่จะเข้าถึงข้อมูลและความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของโลกได้ทันเวลา
แม้แต่ ดูแลการศึกษาด้านกฎหมายของผู้พิพากษาของศาลประชาชน หรือการเรียนต่อต่างประเทศแล้ว(กล้า)กลับมารับใช้ประเทศหลังจากเรียนจบแล้ว
ก็ถือเป็นทางออกที่ดี
1
เมื่อผลการประเมิน PISA ออกมา แล้วนักเรียนไทยวัย 14-15 ปี รู้และทำอะไรได้บ้าง ?
อย่างไรก็ตาม หลังจากเลือกตั้งเมื่อไม่นานมานี้ บางคนเชื่อว่านักเรียนต่างชาติถูกสงสัยว่าถูกล้างสมอง และบางแห่งถึงกับไม่อนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้าสอบเพื่อเข้าสู่ระบบด้วยซ้ำ
หรือไม่ พอจบนอกมาแล้วมาเรียนต่อที่ไทย ด้านคุณภาพการเรียนการสอน หลักสูตร ความกระตือรือร้นของอาจารย์และเพื่อนร่วมคลาส อาจจะทำให้หนุ่มๆสาวๆเหล่านี้ผิดหวัง
เพราะบ้านเรายังห่างชั้นอีกมาก เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว
แต่บางคนก็ยอมกลับมาเรียนโทที่ไทย(ซึ่งการเรียนการสอนก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่)อย่างมากก็เพื่อเอา connection (โดยเฉพาะสายธุรกิจ)
หรือบางเรื่องที่มันจำเพาะกับไทยมากๆ เช่น กฏหมาย วิทยาการจัดการ หรือเพื่อเป็นนักการเมือง
1
ก็...แค่นั้น...
1
แล้วอนาคตในการศึกษาเราควรทำอย่างไรดี เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้? ผมรู้เพียงแต่ว่า เมืองไทยไม่มี๊ ขอรับฉัน ส่วย กาหรี่ ลอตรี่แพง
โฆษณา