เรียกได้ว่า Disney สามารถสร้างเม็ดเงินได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นหนังเรื่องใดก็ตามที่ออกฉายในปีนั้น แต่กลับกัน ปี 2023 ที่ผ่านมานั้น อาจเป็นสัญญาณว่า Disney อาจไม่ได้ทรงพลังดั่งเช่นเมื่อ 4 ปีก่อนอีกแล้ว
โดยผลงานล่าสุดที่ทาง Disney ได้ทำหน้าที่จัดจำหน่าย คือ “Wish” ภาพยนตร์แอนิเมชันจาก Walt Disney Animation Studios ซึ่งกลายเป็นผลงานยักษ์ล้มเรื่องล่าสุดของ Disney ไปโดยปริยาย หลังเปิดตัวขึ้นอันดับสาม ด้วยรายได้รวมห้าวัน เพียงแค่ $31.7 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างระดับพระกาฬถึง $200 ล้านเหรียญ
และกลายเป็นหนึ่งในผลงานหนังฟอร์มยักษ์น่าผิดหวังประจำปีของ Disney ตามหลัง ตามหลังหนังอย่าง “The Marvels“, “Indiana Jones and the Dial of Destiny“, “The Haunted Mansion” และ “Ant-Man and the Wasp: Quantumania”
ส่วนสำหรับ “The Little Mermaid” เอง ก็อยู่ในเกณฑ์คาบเส้นของหนังที่เกือบจะล้มเหลวบนตารางทำเงิน แต่ก็สามารถทำรายได้รวมทั่วโลกกว่า $569 ล้านเหรียญ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ประสบความสำเร็จแบบเดียวกับผลงานดัดแปลงจากแอนิเมชันก่อนหน้านี้อย่าง “The Lion King” และ “Beauty and the Beast” ซึ่งล้วนทำรายได้รวมทั่วโลกขึ้นระดับพันล้านเหรียญแทบทั้งสิ้น
ความยากลำบากในการหวนคืนสู่ความเกรียงไกรของ Disney ในปี 2023 สามารถเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ๆ ด้วยกรณีของหนังฟอร์มยักษ์อย่าง “Avatar: The Way of Water” ของ 20th Century Studios (ซึ่งอยู่ภายใต้ชายคาของ Disney อีกที) ซึ่งตัวหนัง เข้าฉายในช่วงปลายปี 2022 ด้วยซ้ำ แต่กลับทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ภายในปีนี้ รวมทั้งสิ้น $283 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 7 ของปีนี้
และมันยังสูงกว่าหนังฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่ของ Disney ที่ออกฉายในปีนี้อย่าง “Ant-Man and the Wasp: Quantumania”, “Indiana Jones and the Dial of Destiny”, “Elemental”, “The Marvels” และ “The Haunted Mansion” เสียอีก