1 ธ.ค. 2023 เวลา 12:52 • การเมือง

พูดถึง An enemy of the people กับ Don't look up

พลังของการเล่าเรื่องไม่เพียงอยู่ที่ความสามารถในการสร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการสะท้อนสังคมที่เราอาศัยอยู่ด้วย บทละครของ Henrik Ibsen เรื่อง An Enemey of the people และภาพยนต์เรื่อง Don’t look up ของผู้กำกับ Adam Mckay ถือเป็นผลงานศิลปะสองชิ้นที่น่าสนใจซึ่งเน้นประเด็นที่คล้ายคลึงกันแม้ว่าบริบทจะต่างกันก็ตาม เราจะมาสำรวจประเด็นและมุมมองอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับความท้าทายที่สังคมเผชิญและที่ตามมาของความไม่รู้และความพึงพอใจผ่านเรื่องราวสองเรื่องนี้กัน
An Enemy of the people นำเสนอมุมมองที่เน้นการต่อสู้ระหว่างมโนธรรมส่วนบุคคลและบรรทัดฐานทางสังคม สำรวจแรงขับเคลื่อนที่ซับซ้อนของมนุษย์และสังคมระหว่างความซื่อสัตย์ส่วนบุคคลและเจตจำนงร่วมกัน ในขณะที่ โทมัส สต็อกมันน์ ต่อสู้เพื่อเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับน้ำที่ปนเปื้อนแม้จะเผชิญกับการต่อต้านจากชุมชนก็ตาม
ในทางกลับกัน Don’t look up นำเสนอมุมมองเสียดสีเกี่ยวกับภูมิทัศน์ของสื่อสมัยใหม่และความเฉยเมยทางการเมือง มันสะท้อนมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเตือนมนุษยชาติเกี่ยวกับเหตุการณ์หายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น เพียงแต่กลับพบกับความกังขาและการหลบหลีกทางการเมือง
ในปี 1882 เป็นครั้งแรกที่มีการแสดงเรื่อง An Enemy of the people ในช่วงเวลานั้น ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาอุตสาหกรรมกำลังเติบโตขัดแย้งกับคุณค่าทางสังคม ละครเรื่องนี้สะท้อนถึงความกดดันระหว่างสิทธิส่วนบุคคลและผลประโยชน์ส่วนรวม ตลอดจนการต่อสู้เพื่อความจริงในสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยผลกำไรและผลปรโยชน์ส่วนรวม
ในขณะที่ Don’t look up มีเรื่องราวอยู่ในโลกร่วมสมัย ซึ่งอิทธิพลของสื่อและการเมืองก้าวไปถึงระดับที่สามารถเชื่อมโยงโลกทั้งใบเข้าด้วยกันได้โดยง่าย ภาพยนต์เรื่องนี้สะท้อนถึงสถานะปัจจุบันทางสังคม ซึ่งข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์มักจะเก็บงำเอาไว้เบื้องหลังวาระส่วนตัวหรือผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจและเงินทุน
ทั้งสองเรื่องสะท้อนสังคมทั้งด้านของปัญหาและประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน มันมีความร่วมสมัยอย่างเห็นได้ชัดเพราะแม้กระทั่งทุกวันนี้การบิดเบือนความจริง การจัดลำดับความสำคัญของรัฐหรือกลุ่มผู้มีอำนาจและเงินทุนมักจะเห็นผลของกำไรมากกว่าสิ่งที่ดีและสำคัญต่อมวลมนุษย์ รวมถึงการเพิกเฉยต่อความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์ ผลงานทั้งสองเป็นเสมือนนิทานที่คอยเตือนใจกระตุ้นให้เราเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่อาจจะอึดอัดและท้าทายให้เราตั้งคำถามถึงพลังอำนาจที่มีอยู่ก็ตาม
ใน An enemy of the people โทมัส สต็อกมันน์ เป็นตัวแทนของเสียงเดียวแห่งเหตุผล ต่อสู้กับความไม่รู้และความไม่พึงพอใจของคนส่วนมาก ตัวละครของเขาต่อสู้อย่างดิ้นและแสวงหาความจริง ซึ่งมักจะพบว่าตัวเองโดดเดี่ยวและถูกใส่ร้ายป่้ายสี Don’t look up ใช้สัญลักษณ์ที่คล้ายกันผ่านตัวละครเอก ซึ่งต้องเผชิญกับความสงสัยและการเยาะเย้ย รวมถึงการถูกบงการทางการเมือง ในขณะที่พวกเขาพยายามกอบกู้โลก ผลงานทั้งสองแสดงมุมที่เห็นได้ชัดของผู้ที่เสียสละและการต่อสู้ในสภาพที่เป็นอยู่
โดยรวมแล้วถึงแม้ An enemy of the people และ Don’t look up จะสร้างขึ้นห่างกันเป็นศตวรรษ แต่ก็ยังส่องประเด็นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เจ้าของผลงานได้ตีแพร่ถึงอันตรายของการเพิกเฉยต่อความเป็นจริงที่มีผลตามมาอันเลวร้าย และผลเสียของการให้ความสำคัญกับผลกำไรระยะสั้นมากกว่าการอยู่รอดในระยะยาว ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองเรื่องจะเป็นเครื่องเตือนใจว่าการต่อสู้เพื่อความจริง ความซื่อสัตย์และความเป็นอยู่ที่โดยรวมนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เราควรจะละเอียดอ่อนและใส่ใจให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและระมัดระวังที่สุด
โฆษณา