2 ธ.ค. 2023 เวลา 07:25 • ความคิดเห็น

ปลาปิรันย่าในองค์กร

ผมฟังแท้ป รวิศ หาญอุตสาหะบรรยายทีไรก็จะได้ความรู้ใหม่ๆที่ทั้งเปิดหูเปิดตาและนำไปใช้ได้ทุกครั้ง เพราะคุณแท้ปเป็นคนที่อ่านมากฟังมาก และยังเป็นเจ้าของศรีจันทร์ที่มีสนามให้ได้นำความรู้นั้นไปทดลองไปปฏิบัติจริงอยู่เสมอ สิ่งที่แท้ปเล่าจึงเป็นประโยชน์กับคนทำงานอยู่ทุกครั้งที่ได้ฟัง
ล่าสุดผมฟังแท้ปเล่าเรื่องเทรนด์และการบริหารจัดการองค์กรที่หลักสูตร BASE แท้ปโชว์สไลด์ที่แบ่งพนักงานในบริษัทเป็นหลายประเภทบนแกนสองแกน แกนตั้งเป็นแกน performance ที่สูงสุดคือพนักงานที่มีผลงานโดดเด่นในระดับท็อปและสมควรที่จะได้เลื่อนตำแหน่ง ต่ำสุดคือพนักงานที่ขาดทักษะขาดสมาธิและต้องได้รับการช่วยเหลืออยู่เสมอ
ส่วนแกนนอนนั้นเป็นแกน Core value มี A ถึง C พนักงานระดับ A คือพนักงานที่แสดงทัศนคติที่ดีจนเป็นตัวอย่าง คิดบวกและปล่อยพลังงานบวกอย่างต่อเนื่อง ส่วนพนักงาน C คือพวกที่มีทัศนคติด้านลบและปล่อยพนักงานลบออกมาตลอดเวลา
แล้วแท้ปก็ใส่รูปปลามาแทนกลุ่มพนักงานที่มีลักษณะต่างๆกัน กลุ่มที่มี performance สูงแถมมีทัศนคติดีนั้นเป็นกลุ่มปลาโลมา เป็นพวก star ดาวรุ่งทั้งหลายที่ใครๆก็ต้องการและต้องดูแลอย่างดี
ส่วนกลุ่มที่ performance กลางๆ ทัศนคติกลางๆ ก็เป็นรูปปลานีโมที่เป็นคนส่วนใหญ่ขององค์กร เราต้องพยายามเทรน พยายามดันให้เขาไปเป็นโลมาให้ได้ กลุ่มที่ทัศนคติดีแต่ performance ต่ำก็แทนด้วยปลาทอง ซึ่งเราก็ต้องเน้นเทรนทักษะที่จำเป็นอย่างเข้มข้น ส่วนกลุ่มที่พิจารณาง่ายสุดคือกลุ่มที่ performance ก็ต่ำ ทัศนคติก็ไม่ได้ เป็นรูปปลากัด กลุ่มนี้ต้องรีบเอาออกจากบริษัทตามการประเมินทั่วไป
2
แต่กลุ่มที่แท้ปบอกว่ายากสุดๆและผู้บริหารส่วนใหญ่ต้องคิดหนักมากก็คือกลุ่มที่มี performance สูง อาจจะเป็นเซลล์ที่ขายเก่งมากๆ ทำยอดได้ดี หรือยอดฝีมือด้านใดด้านหนึ่งที่มีผลงานดีเด่น แต่มีทัศนคติที่เป็นลบมากๆ
ในระดับ C กลุ่มนี้แท้ปแทนรูปด้วยปลาปิรันย่า เป็นกลุ่มที่ผู้บริหารมักจะไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวเสียยอดหรือผลงานรวมจะตกลง ก็ได้แต่กลุ้มใจและยื้อเวลาไม่กล้าตัดสินใจ อย่างมากก็เตือนนิดเตือนหน่อย จะลงโทษก็ยังไม่กล้า หลายคนพยายามเอาปลานีโม่หรือปลาโลมาไปล้อมๆไว้หวังว่าจะทำให้ปลาปิรันย่าเปลี่ยน แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าปลาโลมาปลานีโม่กลายพันธุ์ ได้ปิรันย่าเพิ่มมาอีก เพราะทัศนคติที่เป็นลบนั้น toxic มาก เหมือนหมึกดำบนกระดาษขาวที่หยดนิดเดียวก็เปื้อนได้ในวงกว้าง
1
แต่ข้อสรุปเรื่องนี้จากประสบการณ์ตรงของแท้ปและผู้บริหารที่เก่งๆ หลายท่านนั้นบอกตรงกันว่า ปลาปิรันย่านั้นอันตรายที่สุด เพราะมีอิทธิฤทธิ์ในการปล่อยพลังลบได้มากกว่าใครเนื่องจากเป็นคนที่โดดเด่นด้านผลงาน
มีแต่คนจับจ้อง และจะทำให้พฤติกรรมลบของปลาปิรันย่านั้นกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องในองค์กรเพราะไม่มีใครกล้าทำอะไร แถมได้โบนัสดีอีก เข้ามาในห้องก็กร่างโวยวายไม่กลัวใคร เอาดีเข้าตัว ไม่สนอะไรนอกจากตัวเอง ในที่สุดปลาอื่นๆก็จะมีพฤติกรรมเลียนแบบหรือไม่กล้าท้าทายปลาปิรันย่าในที่สุด
ผมจำได้ว่าเคยมีเจ้าของ SME ท่านหนึ่งเคยถามพี่เล้ง ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกรแห่ง MFEC ในคลาสเอบีซีเพราะกลุ้มใจมากไม่รู้จะทำยังไง จะให้ปลาปิรันย่าออกก็เสียดาย แต่เอาไว้ก็ toxic คนอื่นไม่มีความสุขเลยในการทำงานแม้กระทั่งเจ้าของ แล้วก็ไม่กล้าตัดสินใจมาเป็นปีๆ คนดีๆ ก็เริ่มออก บรรยากาศก็มาคุทุกวัน พี่เล้งก็เลยแนะนำตามประสบการณ์ที่เคยเจอมาเยอะว่าต้องรีบกำจัดปลาปิรันย่าโดยด่วนจากประสบการณ์อันยาวนานของตัวเอง
1
หลังจากนั้นหนึ่งเดือนถัดมา เจ้าของคนนั้นมาเล่าให้ผมฟังด้วยแววตาที่เป็นประกายว่า ตั้งแต่กลั้นใจเอาปลาปิรันย่าออกไป ออฟฟิศคึกคักขึ้นมาก ทุกคนพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องระแวง บทสนทนาที่เสียเวลาไปกับความกลุ้มใจปลาปิรันย่าตัวนั้นในทุกวงของบริษัทก็หายไป บรรยากาศที่สดใสทำให้ผลงานโดยรวมนั้นดีขึ้นไปมากกว่าเดิมมาก
3
ใกล้สิ้นปีแล้ว ลองทำแกนตั้งแกนนอนง่ายๆ ลองสำรวจทีมงานกันดู เพื่อตั้งคำถามกับตัวเองดูว่าเราอยากมีปลานีโม่ ปลาโลมา ว่ายกันในบริษัทอย่างสนุกสนาน หรือเราจะเลี้ยงปลาปิรันย่าให้คอยงับปลาอื่นๆและออกลูกออกหลานจนเต็มบริษัทกันดี ยิ่งคิดช้า ปลาสวยงามก็ยิ่งหาย ปลาปิรันย่าก็ยิ่งเพิ่ม
2
เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะระบบนิเวศน์ของปลาโดยธรรมชาติที่ทัศนคติลบมักจะมีพลังกว่าทัศนคติบวกมากๆซึ่งได้ไม่คุ้มเสียเลยไม่ว่าปลาตัวนั้นจะเก่งแค่ไหน จากประสบการณ์ของผมและอีกหลายท่านนะครับ…
โฆษณา