4 ธ.ค. 2023 เวลา 22:34 • ประวัติศาสตร์

พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข ในหลวง ร.9

"ถ้าคนเรามีสุขภาพเสื่อมโทรม ก็จะไม่สามารถพัฒนาชาติได้ เพราะทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ ก็คือ พลเมือง นั่นเอง"
1
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ที่ยังคงดังก้องอยู่ในใจของปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน ถึงแม้ว่าพระรากรณียกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ จะมุ่งเน้นไปในเชิงการเกษตร เศรษฐกิจ เช่น โครงการแก้มลิง โครงการแกล้งดิน โครงการฝนหลวง และเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ แต่มีน้อยคนมากที่จะทราบว่า พระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากต่อวงการสาธารณสุขไทย
โครงการในพระราชดำริด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่พระองค์ได้ทรงริเริ่มขึ้น อาทิ โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน ได้ทรงพระราชทานโครงการแพทย์หลวงพระราชทาน เมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยที่มีการจัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้เพื่อตรวจรักษาราษฎรในถิ่นทุรกันดารโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และอบรมหมอหมู่บ้านเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพของประชาชน และถ้าจำเป็นก็จัดส่งไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ
ในปี พ.ศ. 2510 พระองค์ทรงริเริ่มโครงการแพทย์หลวงเคลื่อนที่พระราชทาน เพื่อตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดารโดยไม่คิดมูลค่า และถ้าจำเป็นก็จัดส่งไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ที่พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม และในท้องถิ่นต่างๆ ที่ห่างไกลตัวเมืองมาก ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล เครื่องมือเครื่องใช้ ตลอดจนยารักษาโรค ออกทำการตรวจรักษาราษฎรในท้องถิ่นกันดาร
ต่อมาทรงริเริ่มโครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ เริ่มเมื่อ พ.ศ. 2517 เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส นิคมนี้มีสถานีอนามัยเพียงแห่งเดียว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดแพทย์หมุนเวียนเข้าไปบริการตรวจรักษา แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล นราธิวาส และโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ออกไปปฏิบัติการสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นประจำ
ต่อมาทรงริเริ่มหน่วยทันตกรรมพระราชทานจึงก่อกำเนิดขึ้น โดยทรงมีพระราชดำรัสว่า
"เวลาพระองค์มีปัญหาเกี่ยวกับฟันก็มีทันตแพทย์ดูแลรักษา แล้วเวลาราษฎรที่อยู่ห่างไกลจะมีทันตแพทย์ช่วยรักษาหรือเปล่า"
1
โดยพระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อรถยนต์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือทำฟัน มีทันตแพทย์อาสาออกปฏิบัติงาน โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๒ โดยมี ทันตแพทย์ สี สิริสิงห์ เป็นหัวหน้าทีม เพื่อส่งทันตแพทย์อาสาสมัครออกช่วยเหลือบำบัดโรคเกี่ยวกับฟัน ตลอดจนสอนการรักษาอนามัยของปากและฟันแก่เด็ก นักเรียนและประชาชนที่อยู่ในท้องที่ทุรกันดาร
ต่อมาเมื่อแพทย์อาสาสมัครซึ่งเป็นแพทย์อาวุโสและมากประสบการณ์เล็งเห็นความสำคัญและจำเป็นที่จะต้องมีศัลยแพทย์ไปช่วยปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลประจำจังหวัดสกลนคร ในช่วงที่พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานประทับที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จึงได้มีการศึกษาหาข้อมูลและความต้องการของโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ในด้านศัลยกรรม และรวบรวมจัดทำทำเนียบศัลยแพทย์อาสา
แล้วก่อตั้งวิทยาลัยศัลยแพทย์ขึ้น ภายหลังพระองค์ทรงรับวิทยาลัยศัลยแพทย์ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเปลี่ยนชื่อเป็น ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
1
ต่อมาในปี พ.ศ. 2522 มีราษฎรจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคหู คอ จมูก และโรคภูมิแพ้ จึงโปรดเกล้าฯให้จัดหน่วยแพทย์อาสาสมัครผลัดกันออกไปปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่เสด็จแปรพระราชฐาน โดยอาศัยแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า รามาธิบดี ราชวิถี โรงพยาบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา และโรงพยาบาลประจำจังหวัดนครพนม ผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติราชการชุดละ ๒ สัปดาห์เริ่มที่จังหวัดนราธิวาสก่อน ต่อมาขยายการปฏิบัติงานไปที่จังหวัดสกลนคร และที่โรงพยาบาลค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่
ความเจ็บป่วยของราษฎรเกิดจากการไม่ได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง ประกอบกับไม่มีสถานพยาบาลอยู่ใกล้ บ้างก็เกิดจากการบริโภคอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ จึงมีพระราชดำริจัดตั้งโครงการอบรมหมอหมู่บ้านในพระราชประสงค์ โดยคัดเลือกคนในหมู่บ้านรับการฝึกอบรมการรักษาพยาบาลเบื้องต้น การรักษาโรคอย่างง่าย เพื่อสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมหมู่บ้านได้ โดยเริ่มบรรเทาความเจ็บปวดของราษฎรที่นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในอีกหลายพระราชกรณียกิจของพระองค์ ซึ่งล้วนแต่แสดงถึงความตั้งพระราชหฤทัยในการแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรอย่างแท้จริง โดยพระองค์ทรงคำนึงถึงตั้งแต่การสร้างรากฐานที่ดีทางด้านการศึกษา ไปจนถึงการประกอบอาชีพ และการเข้าถึงการรักษาพยาบาลยามป่วยไข้ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
ขอขอบคุณ
โฆษณา