8 ธ.ค. 2023 เวลา 15:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

สมมติ Supposed (2023) - สมมติว่า "เรารักกัน"

กำกับโดย ธนกร พงษ์สุวรรณ
"สมมติ Supposed (2023)" เป็นหนังที่รีบตัดสินใจไปดูทันที เพราะเห็นว่า นี่เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของ คุณอั๋น ธนกร พงษ์สุวรรณ ผู้กำกับที่สร้างผลงานน่าจดจำอย่าง "Fake โกหกทั้งเพ" (ดูได้บน Netflix)
อีกทั้งเห็นหลายเพจชมว่า หนังเรื่องนี้ เป็น "หนังไทยที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้"
ดังนั้นอยากจะมาแชร์รีวิวเชิญชวนให้ได้ไปดูกัน !
[ เรื่องย่อ ]
"หนุ่ม" (หรือ "นนท์" ในโลกออนไลน์) (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) พนักงานออฟฟิศขี้เหงาที่ได้พบกับ "เดียร์" (ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช) หญิงสาวน่าค้นหาผ่านทางโซเชียลมีเดีย
ทั้งคู่ตกลงที่จะสมมติ "ตัวตน" ของตัวเองขึ้นมาในการทำความรู้จักกัน ทว่าเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้น ก็พาให้ "นนท์" พยายามตามความตัวตนที่แท้จริงของ "เดียร์"
 
ว่าแท้จริงแล้ว ตัวตนและความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นอย่างไร
[ ความรู้สึกหลังชม ]
- เกริ่นนำถึงสไตล์ภาพยนตร์ของคุณ "อั๋น ธนกร พงษ์สุวรรณ"
แม้จะไม่ได้ชมผลงานของคุณอั๋นครบทุกเรื่อง อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเคยได้ชม "Fake โกหกทั้งเพ" ซึ่งพอจะสัมผัสความคล้ายกันระหว่าง 2 เรื่องนี้
หนังของคุณอั๋น มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น 2 อย่าง ที่คาบเกี่ยวกัน
-- อย่างแรกคือ "บรรยากาศสภาพแวดล้อม (Vibe)" ไม่ว่าจะทางภาพ เสียง ดนตรีประกอบ หรือโลเคชั่น ทั้งหมดสื่อถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี และอารมณ์ที่ว่าก็ไม่ใช่แค่อารมณ์แบบทั่วไป แต่มักเป็นการสะท้อน "ความรู้สึกที่ซ่อนลึก" ในใจ
-- ส่วนถัดมาคือ "การพรรณนาอารมณ์ (Emotion)" คุณอั๋นเป็นคนที่เล่าอารมณ์ของตัวละครเก่ง โดยเฉพาะ "ความเหงา" ของแต่ละตัวละครที่ถูกขับออกมาผ่านสีหน้าท่าทาง บทสนทนา และเสียงความนึกคิด
- "สมมติ Supposed" เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่อง "ความเปลี่ยวเหงาของหนุ่มสาวในเมืองใหญ่" และ "การสำรวจอารมณ์ภายใต้เงื่อนไขของตัวตนสมมติ"
"นนท์" เป็นตัวตนสมมติที่สร้างขึ้นมาจากความรู้สึกโหยหา "ความอบอุ่น" ในหัวใจ ขณะที่ตัวตนของ "เดียร์" เป็นตัวตนที่ต้องการความรักเช่นกัน แต่ก็มีข้อจำกัด เมื่อในโลกความเป็นจริง เธอไม่ใช่คนที่มั่นคงในความรักมากนัก
เรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองใหญ่อย่าง "กรุงเทพมหานคร" ที่แม้ชื่อว่ามหานครที่ไม่เคยหลับใหล แต่ก็สับสนวุ่นวาย จนทำให้ผู้คนต่างเหงาอ้างว้างไม่แพ้กัน
หลายครั้งที่ความเหงาก็ทำให้เราทึกทัก (Suppose) บางอย่างผิดพลาดไป
เชื่อว่า หลายคนคงรู้สึกปวดร้าวแน่ ๆ ถ้าได้ไปอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้
- ขอชมว่า "ผู้กำกับถ่ายทอดอารมณ์ได้คมจริง"
Vibes โดยรวมทั้งภาพ ดนตรี เพลงประกอบ โลเคชัน มุมกล้อง ถ่ายทอดได้ประณีตสวยงาม ขณะที่ซีนพรรณนาก็ถูกยิงออกมาอย่างแม่นยำ ทั้งอารมณ์ความรัก ความอ่อนไหว และความเปราะบางของ 2 ตัวละคร
ฟีลลิ่งของหนังมีความคล้ายกับเรื่อง Lost in Transalation (2003) และ Her (2013) จนอดรู้สึกว่า ไม่ได้เห็นหนังไทยอีโมชันคลาสสิคคม ๆ แบบนี้มานานแล้ว
ถ้านึกถึงนิยาย ก็นึกถึงสไตล์เรื่องแบบ "มุราคามิ" ที่มีความเซอร์เรียล แอบแฟนตาซีเล็ก ๆ แต่ต่อยหนักด้านอีโมชัน
เนื้อเรื่องของหนังมีตัวละครอยู่แค่ 2 คน พร้อมกับปมประเด็นเรียบง่าย แต่ทำได้น่าติดตามตั้งแต่ต้นไปจนจบ
- อีกส่วนที่ไม่ชมไม่ได้ ขอยกให้ "ความงดงามของกรุงเทพมหานคร"
งานถ่ายสวยจนเหมือนอยู่ต่างประเทศและแทบเป็นหนังจดหมายเหตุบันทึกบรรยากาศกรุงเทพฯ ได้ ไม่คิดเหมือนกันว่า กรุงเทพฯ จะสวยและเหงาได้ขนาดนี้
- หลังดูจบ ก็นึกถึงเพลง "แอบหวัง" ของ ANATOMY RABBIT เพลงที่ไม่ได้มีอยู่ในหนัง แต่รู้สึกว่าตรงกับหนังเรื่องนี้อย่างบอกไม่ถูก
- ในหนังมีเพลงและดนตรีประกอบเพราะ ๆ เยอะมาก
- ชอบการแสดงของทั้ง 2 นักแสดงหลักเลย
โดยเฉพาะ "อนันดา" ดีใจที่ได้เห็นอนันดาแสดงในคาแรคเตอร์มนุษย์ออฟฟิศสบาย ๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่เรียบง่าย แต่ใช้อารมณ์ลึก
ขณะที่ "ชญานิษฐ์" ก็แสดงได้เยี่ยม
[ สรุป ]
เป็นหนังไทยที่ไม่รู้จะติตรงไหน เพราะ หนังถ่ายทอด Vibe ความสนุก และอารมณ์ได้ลึกซึ้งสมบูรณ์
ดูแล้วก็น่าส่งไปแข่งในเวทีต่างประเทศ หรือเป็นตัวแทนหนังไทยไปแข่งออสการ์ก็ยังเหมาะสม
อาจจะมีรอบฉายน้อยและกระแสเงียบไปหน่อย แต่แนะนำเลย
ที่สำคัญ หวังว่าในอนาคตจะเข้าสตรีมมิ่งสักที่ เผื่อจะหามาดูซ้ำอีกรอบ !
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
IG: benjireview

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา