13 ธ.ค. 2023 เวลา 22:44 • ข่าว

"เกือบเสียแม่เพราะไลน์กลุ่ม" ความสำคัญของการเท่าทันสื่อ

กลายเป็นเรื่องราวที่ได้รับการพูดถึงในวงกว้าง ทั้งในแวดวงเภสัชกรรมและบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อมีผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ว่า ตนเกือบต้องสูญเสียแม่เนื่องจากไลน์กลุ่มสวัสดีวันจันทร์ ที่มาที่ไปของเรื่องเกิดจากไลน์กลุ่มดังกล่าวมีการส่งต่อข่าวโคมลอยในทำนองว่า "ถ้ากินยาลดความดัน ลดไขมัน มากๆจะเสี่ยงเป็นมะเร็ง" เมื่อแม่ของผู้ใช้เฟสบุ๊กรายดังกล่าวเห็นข้อความที่ถูกส่งต่อมา จึงเลิกรับประทานยาโรคประจำตัว โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือแม้กระทั่งคนในครอบครัว
6
สุดท้ายคุณแม่เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก เมื่อตรวจวัดความดันพบว่ามีความดันสูงจนอยู่ในระดับอันตราย มีภาวะหัวใจขาดเลือดกระทันหัน จนเสี่ยงที่จะเสียชีวิต และต้องรักษาในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน
3
เชื่อว่าใครหลายคนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ จะมีความรู้สึกร่วมกันอยู่ชุดหนึ่ง ก็คือ "ทำไมเราต้องกินยาต่อเนื่อง" "กินไปก็ไม่หาย จะกินทำไม" "ถ้าไม่กินจะเป็นอะไรมั้ย?" เรื่องนี้หากมองผิวเผินอาจเป็นแค่ความคิดลอยๆ แต่ในทางความเป็นจริง โดยเฉพาะมุมมองของบุคลากรทางการแพทย์ เรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างมากต่อการให้การรักษาและลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(non-communicable diseases:NCDs)
4
การที่ผู้ป่วยลดยา ปรับยา หยุดยาเอง โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ นำมาซึ่งปัญหาต่างๆมากมายตามมา ทั้งต่อตัวผู้ป่วยเองและต่อระบบสาธารณสุของค์รวม การหยุดยาหรือปรับยาเอง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงจากยา ลดประสิทธิภาพของยาจนไม่ได้ผลการรักษา ส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ เช่น ยาลดความดันโลหิตที่รับประทานต่อเนื่องจนสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ หากหยุดยาเองทันทีอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นมากจนเกิดอันตรายได้ อย่างที่เกิดขึ้นกับกรณีดังกล่าวข้างต้น
4
ปัญหาการปรับยาหรือหยุดยาโรคเรื้อรังเอง เป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ปัจจุบันว่า การใช้คำสั่ง บังคับ ใช้คำพูดที่ไม่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวผู้ป่วย ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อบุคลากรทางการแพทย์และต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ผู้ป่วยมีแหล่งข้อมูลทางเลือกมากมายเข้ามานำเสนอจนรับไม่ไหว
3
ในปัจจุบัน จึงมีความพยายามนำเอาเครื่องมือต่างๆมาใช้เพื่อส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ และความร่วมมือในการรักษา(compliance) ซึ่งมีความสำคัญในการทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมการดำเนินไปของโรคและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนจากโรคประจำตัวที่เป็น มีสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดี แม้จะต้องควบคู่ไปกับการรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้ และมีความจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบันและอนาคต คือ "การรู้เท่าทันสื่อ"
2
ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันโซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข่าวสาร ติดตามกระแสหรือเทรนด์ต่าง ๆ และโซเชียลมีเดียมีความสะดวกสบายในการใช้งาน เข้าถึงได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนนิยมใช้โซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็นเด็กและผู้ใหญ่
5
จากการศึกษาพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของผู้สูงอายุพบว่า ผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มในการใช้โซเชียลมีเดียเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปนิยมใช้
ไลน์ร้อยละ 50 โดยใช้ในการเช็คข้อมูลข่าวสาร และติดต่อสื่อสาร นิยมใช้เฟซบุ๊กร้อยละ 16 เพื่อดูข่าวสาร อัพเดตสังคมติดต่อสื่อสารและดูเพจต่าง ๆ เมื่อพิจารณาในการเข้าถึงการรับโฆษณาของผู้สูงอายุ นิยมเปิดรับโซเชียลมีเดียไลน์ร้อยละ 19 และเฟซบุ๊กร้อยละ 18
2
จากข้อมูลดังกล่าว จึงไม่แปลกเลยที่ข้อมูลจากโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากไลน์ จะมีผลต่อการรับรู้และการตัดสินใจของผู้สูงอายุ การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเี่วกับการก้าวทันสื่อจึงมีความสำคัญ โดยองค์ประกอบของการรู้เท่าทันสื่อประกอบด้วย 5 องค์ประกอบคือ
2
1.การเปิดรับสื่อ การรู้เท่าทันการเปิดรับสื่อของประสาทสัมผัสของเรา ซึ่งเมื่อเปิดรับแล้วสมองจะสั่งการให้คิดและปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ต่าง ๆ ตามมา การรู้เท่าทันสื่อในขั้นของการรับรู้อารมณ์ตนเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแยกความคิดและอารมณ์ออกจากกัน และความคิดจะทำให้เรารับรู้ความจริงว่า อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
2.การวิเคราะห์สื่อ การแยกแยะองค์ประกอบในการนำเสนอของสื่อว่ามีวัตถุประสงค์อะไร เป็นสื่อประเภทใด และต้องการที่จะสื่ออะไรกับผู้รับสาร
1
3.การเข้าใจสื่อ ตีความสื่อหลังจากเปิดรับสื่อไปแล้ว เพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่สื่อนำเสนอ ซึ่งผู้รับสารแต่ละคนก็จะมีความเข้าใจสื่อได้ไม่เหมือนกัน ตีความไปคนละแบบ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ พื้นฐานการศึกษา คุณสมบัติในการเรียนรู้ ตลอดจนการรับรู้ข้อมูลของแต่ละบุคคลที่ไม่เท่ากันมาก่อน
1
4.การประเมินค่า หลังการวิเคราะห์และทำความเข้าใจสื่อแล้ว เราควรประเมินค่าสิ่งที่สื่อนำสนอว่ามีคุณภาพและคุณค่ามากน้อยเพียงใด
5.การใช้สื่อให้เกิดประโยชน์ นำสิ่งที่เราได้จากสื่อมาใช้ให้เกิดประโยน์กับตนเองและคนรอบตัว
2
ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใด ในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพในการคัดกรองข้อมูลข่าวสารที่เข้ามาอย่างมากมายและรวดเร็วในปัจจุบัน นอกจากนี้คนในครอบครัวควรหมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตรวจสอบการรับรู้ข้อมูลต่างๆซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีสมาชิกในครอบครัวตกเป็นเหยื่อของข่าวโคมลอยที่ไร้ความน่าเชื่อถือ ขาดหลักฐานอ้างอิงที่ชัดเจน ซึ่งอาจนำพาอันตรายมาสู่ตนเองและครอบครัวได้
5
อ้างอิง
โฆษณา