18 ธ.ค. 2023 เวลา 11:22 • ประวัติศาสตร์

เรื่องราวการสิ้นพระชนม์ของ “เจ้าหญิงเกรซ เคลลี (Grace Kelly)”

ในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) สำนักพระราชวังโมนาโกได้แถลงข่าวการสิ้นพระชนม์ของ “เจ้าหญิงเกรซ เคลลี (Grace Kelly)” สร้างความตกตะลึงแก่ผู้คนและเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก
ในวันก่อนนั้น นั่นคือวันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) เจ้าหญิงเกรซ เคลลีแห่งโมนาโกได้ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากแต่สำนักพระราชวังได้แถลงว่าพระอาการของพระองค์นั้นไม่ได้น่าเป็นห่วง พระองค์เพียงแค่กระดูกหักเพียงไม่กี่ท่อน
1
แต่ในความเป็นจริงนั้น เจ้าหญิงอดีตดาราฮอลลีวู้ดพระองค์นี้ทรงไม่ได้พระสติตั้งแต่ถูกนำส่งมายังโรงพยาบาลตั้งแต่เวลา 10:30 น. ของวันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) และแพทย์ก็ได้ลงความเห็นว่าโอกาสที่พระองค์จะหายกลับเป็นปกตินั้นคือ 0%
เจ้าหญิงเกรซ เคลลี (Grace Kelly)
หลังจากนั้น ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเกรซ เคลลีก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว
เจ้าหญิงเกรซ เคลลีมีพระชนม์เพียง 52 ปี และเกิดพระอาการโรคหลอดเหลืองสมองหรือสโตรก ในขณะที่กำลังทรงขับรถยนต์ ทำให้รถยนต์เสียการควบคุม และรถยนต์ที่พระองค์ทรงขับมาพร้อมด้วยผู้นั่ง นั่นคือ “เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งโมนาโก (Princess Stéphanie of Monaco)” พระราชธิดาพระชนม์ 17 ปีของพระองค์
รถยนต์ที่พระองค์ทรงขับมานั้นพุ่งลงข้างทาง และร่วงลงไปในหุบเขาด้วยความสูง 120 ฟุต (ประมาณ 36 เมตร)
สภาพรถยนต์ที่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีทรงขับ
เจ้าหญิงสเตฟานีนั้นทรงรอดชีวิต หากแต่ในวันต่อมา “เจ้าชายแรนีเยที่ 3 เจ้าผู้ครองโมนาโก (Rainier III, Prince of Monaco)” พระราชสวามีของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ได้ทรงมีรับสั่งให้ถอดอุปกรณ์ช่วยชีวิตของเจ้าหญิงเกรซ เคลลีออก และหลังจากอยู่ในโคม่ามาเป็นเวลา 24 ชั่วโมง แพทย์ก็ได้ทูลว่าเจ้าหญิงเกรซ เคลลีนั้นพระสมองตายแล้ว
2
สำหรับพระประวัติของเจ้าหญิงเกรซ เคลลีนั้น เดิมทีพระองค์เป็นชาวอเมริกัน ก่อนที่จะเป็นเจ้า เกรซ เคลลีเกิดในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.1929 (พ.ศ.2472) ในครอบครัวไอริชคาทอลิกในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
เคลลีนั้นต้องการจะเป็นนักแสดงมาตั้งแต่ยังเด็ก และได้ออกจากโรงเรียนมัธยมปลาย ย้ายไปนิวยอร์กเพื่อไล่ตามความฝัน
เจ้าหญิงเกรซ เคลลีขณะมีพระชนม์ 18 ปี และถ่ายแบบ
อาชีพทางการแสดงของเคลลีเริ่มขึ้นในปีค.ศ.1950 (พ.ศ.2493) เมื่อเธอได้ไปเทสต์หน้ากล้องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Taxi” และสุดท้ายเธอก็ไม่ได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ หากแต่ก็เป็นก้าวแรกสู่อาชีพการแสดง
ต่อมาในปีค.ศ.1952 (พ.ศ.2495) ผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง “จอห์น ฟอร์ด (John Ford)” ได้ไปเห็นฟิล์มเทสหน้ากล้องของเคลลี และได้เลือกให้เธอมาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง “Mogambo” ซึ่งเคลลีก็ได้แสดงกับดาราระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง “คลาร์ก เกเบิล (Clark Gable)”
ไม่เพียงแค่ฟอร์ดที่สนใจเคลลี แต่ผู้กำกับชื่อดังอย่าง “อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock)” ก็สนใจ และให้เคลลีแสดงภาพยนตร์ของตนติดกันถึงสามเรื่อง สร้างชื่อเสียงให้เคลลีเป็นอย่างมาก และทำให้ชื่อของเคลลีขึ้นมาอยู่ในระดับแถวหน้าทันที
แต่แล้วในปีค.ศ.1955 (พ.ศ.2498) เคลลีก็ได้ออกจากวงการบันเทิงเนื่องจากเธอกำลังจะหมั้นหมายกับ “เจ้าชายแรนีเยที่ 3 เจ้าผู้ครองโมนาโก (Rainier III, Prince of Monaco)” ซึ่งหลังจากอภิเษกสมรสแล้ว ก็ยังคงมีภาพยนตร์ติดต่อเข้ามาให้แสดง หากแต่เคลลีซึ่งได้กลายเป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโกไปแล้ว ก็ได้ปฏิเสธภาพยนตร์ และตกลงเพียงแค่จะให้เสียงบรรยายในสารคดีเท่านั้น
1
สำหรับสาเหตุที่เคลลีได้เข้ามาอยู่ในพระราชวงศ์โมนาโก ก็เริ่มจากในปีค.ศ.1955 (พ.ศ.2498) เคลลีในวัย 26 ปีได้เดินทางไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Swan” ในโมนาโก และได้พบกับเจ้าชายแรนีเยที่ 3 วัย 32 พรรษา
บทบาทในภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำนั้น เคลลีแสดงเป็นเจ้าหญิงด้วย และสำหรับสื่อมวลชน ก็ดูเหมือนเจ้าชายแห่งโมนาโกและดาราดังแห่งฮอลลีวู้ดผู้นี้จะเป็นคู่ที่ถูกสร้างมาเพื่อกันและกัน
1
เจ้าหญิงเกรซ เคลลีในฉลองพระองค์ชุดแต่งงาน
หลังจากอภิเษกสมรสและเป็นเจ้าหญิงแห่งโมนาโก เจ้าหญิงเกรซ เคลลีก็เคยเกือบจะกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้ง โดยในปีค.ศ.1964 (พ.ศ.2507) ภาพยนตร์เรื่อง “Marnie” ของฮิตช์ค็อกได้ติดต่อให้พระองค์มาแสดง แต่พระองค์ก็ตัดสินพระทัยปฏิเสธเนื่องจากความกดดันในราชสำนัก ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงคิดถึงการแสดงก็ตาม
1
เจ้าหญิงเกรซ เคลลีและเจ้าชายแรนีเยที่ 3 ทรงมีพระราชบุตรด้วยกันสามพระองค์ และเจ้าหญิงสเตฟานีซึ่งอยู่ในรถยนต์คันที่ประสบอุบัติเหตุ ก็เป็นพระราชบุตรองค์สุดท้อง
และวันที่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีสิ้นพระชนม์ก็เป็นวันก่อนหน้าที่เจ้าหญิงสเตฟานีจะเสด็จไปศึกษายังปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ตามข้อมูลนั้น ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) ขณะที่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีทรงขับรถยนต์เพื่อที่จะไปส่งเจ้าหญิงสเตฟานีไปขึ้นรถไฟไปปารีส อยู่ๆ เจ้าหญิงเกรซ เคลลีก็มีพระอาการสโตรก ทำให้พระองค์ทรงหมดพระสติ ไม่สามารถควบคุมรถ และทำให้รถยนต์ชนเข้ากับแผงกั้นจนตกลงไปในหน้าผา
เจ้าชายแรนีเยที่ 3 เจ้าผู้ครองโมนาโก (Rainier III, Prince of Monaco)
รถยนต์พุ่งอยู่กลางอากาศ ชนเข้ากับต้นสนและก้อนหิน ก่อนจะหยุดบนสวนของบ้านที่อยู่เบื้องล่าง 120 ฟุต (ประมาณ 36 เมตร) และทั้งสองพระองค์ก็ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย
หลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเกรซ เคลลี ก็ได้มีข่าวลือตามมามากมาย มีคนตั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุที่แท้จริง และคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีและเจ้าหญิงสเตฟานีอาจจะทรงมีปากเสียงกันก่อนอุบัติเหตุ และเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ที่ขับรถยนต์นั้น แท้จริงแล้วคือเจ้าหญิงสเตฟานี ไม่ใช่เจ้าหญิงเกรซ เคลลี
ในขณะนั้น เจ้าหญิงสเตฟานีมีพระชนม์เพียง 17 ปี ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์ทำใบขับขี่ และคนสวนที่ได้ไปช่วยทั้งสองพระองค์ออกมาจากรถยนต์ก็ได้ให้ข้อมูลว่าเจ้าหญิงสเตฟานีนั้นอยู่ในที่นั่งคนขับ
แต่เจ้าหญิงสเตฟานีก็ได้ทรงปฏิเสธ พระองค์ตรัสว่าพระองค์ไม่ได้เป็นคนขับรถยนต์ แต่ประตูที่นั่งฝั่งคนนั่งนั้นบุบเข้ามา ทำให้ทางเดียวที่พระองค์จะออกไปจากรถได้ก็คือทางฝั่งคนขับ
2
สภาพที่เกิดเหตุ
เจ้าหญิงสเตฟานีนั้นมีกระดูกหัก ส่วนเจ้าหญิงเกรซ เคลลีนั้นมีพระอาการสโตรก โดยพระอาการสโตรกนี้เป็นต้นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ ก่อนที่จะมีอาการอีกครั้งหลังอุบัติเหตุ
เจ้าหญิงเกรซ เคลลีอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลา 24 ชั่วโมง และแพทย์ก็ได้แถลงว่าพระองค์นั้นพระสมองตายแล้ว ทำให้เจ้าชายแรนีเยที่ 3 ต้องทรงตัดสินพระทัยให้ถอดเครื่องช่วยชีวิตเจ้าหญิงเกรซ เคลลีในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525)
หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยก็คือ ทำไมเจ้าหญิงเกรซ เคลลีจึงทรงขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง?
เจ้าหญิงสเตฟานีก็ยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะขับรถด้วยพระองค์เองได้ และเจ้าหญิงเกรซ เคลลีก็ไม่ได้โปรดการขับรถ พระองค์ทรงโปรดที่จะให้มีโชเฟอร์เป็นคนขับรถมากกว่า เนื่องจากในยุค 70 (พ.ศ.2513-2522) พระองค์ก็ทรงเคยขับรถยนต์และประสบอุบัติเหตุในโมนาโก
แต่จากข้อมูลอีกด้านกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งสาม คือเจ้าหญิงเกรซ เคลลี เจ้าหญิงสเตฟานี และโชเฟอร์ จะเข้าไปอยู่ในรถคันเดียวกันได้
เนื่องจากเจ้าหญิงสเตฟานีจะเสด็จไปศึกษายังปารีส ทำให้บนรถยนต์นั้นเต็มไปด้วยข้าวของและสัมภาระของเจ้าหญิงสเตฟานีมากมาย เบาะหลังนั้นเต็มไปด้วยสัมภาระจนไม่อาจนั่งได้
โชเฟอร์นั้นได้ทูลอาสาว่าจะขับรถถวายให้สองเที่ยว ทั้งไปรับและไปส่งทีละพระองค์ แต่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีก็ทรงยืนยันจะขับรถด้วยพระองค์เอง ซึ่งนับว่าแปลกมาก
แม้กระทั่งทุกวันนี้ แม้แต่เจ้าหญิงสเตฟานีก็ยังไม่เข้าพระทัยว่าเหตุใดพระราชมารดาจึงทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้
ก่อนจะสิ้นพระชนม์ สาธารณชนไม่ทราบว่าพระอาการบาดเจ็บชองเจ้าหญิงเกรซ เคลลีนั้นร้ายแรงเพียงใด ในขณะที่สำนักพระราชวังก็แถลงเพียงว่าพระอาการไม่รุนแรง มีเพียงกระดูกหักเท่านั้น
เจ้าหญิงสเตฟานีแห่งโมนาโก (Princess Stéphanie of Monaco)
รายละเอียดของอุบัติเหตุก็ยังไม่มีการแถลง ทำให้ในภายหลัง หลายคนคาดเดาว่าเป็นเพราะการถวายการรักษาไม่ดีหรือไม่ หรืออาจจะมีอะไรที่เป็นเบื้องลึกเบื้องหลัง
มีทฤษฎีสมคบคิดว่ามาเฟียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุนี้ แต่เจ้าชายแรนีเยที่ 3 ก็ทรงให้สัมภาษณ์ โดยตรัสว่า
“ผมคิดไม่ออกแม้ซักชั่วขณะว่าทำไมพวกมาเฟียถึงต้องการจะสังหารเธอ”
ส่วนทฤษฎีอื่นๆ ก็คือเจ้าหญิงเกรซ เคลลีอาจจะทรงมีปากเสียงกับเจ้าหญิงสเตฟานี ทำให้ขาดพระสติ และทำให้เกิดอุบัติเหตุ
1
ในฤดูร้อนของปีนั้น เจ้าหญิงเกรซ เคลลีได้ทรงมีปัญหากับเจ้าหญิงสเตฟานี เนื่องจากเจ้าหญิงสเตฟานีมีพระประสงค์จะเสกสมรสกับคนรัก ซึ่งเป็นไปได้ว่าในวันนั้นทั้งสองพระองค์อาจจะทรงมีปากเสียงกันก็เป็นได้
แต่เจ้าหญิงสเตฟานีก็ได้ให้ข่าวว่าก่อนเกิดอุบัติเหตุ พระองค์กับพระราชมารดาไม่ได้ทะเลาะกัน
และแพทย์ก็ได้แถลงว่าเจ้าหญิงเกรซ เคลลีไม่ได้มีความดันพระโลหิตสูง ไม่ได้มีน้ำหนักพระวรกายเกินกำหนด ไม่ได้เป็นโรคอ้วน ดังนั้นสาเหตุที่เกิดอาการสโตรกก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
พระศพของเจ้าหญิงเกรซ เคลลีถูกฝังในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) โดยเหล่าพระราชวงศ์ทุกพระองค์ได้เข้าร่วมในพิธี มีเพียงเจ้าหญิงสเตฟานีที่ไม่ได้เข้าร่วมเนื่องจากยังทรงพักรักษาพระองค์จากพระอาการบาดเจ็บ
งานพระศพเจ้าหญิงเกรซ เคลลี
จนกระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังมีหลายคนขบคิดถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เจ้าหญิงเกรซ เคลลีสิ้นพระชนม์ หากแต่คำตอบที่แท้จริงนั้น คงไม่มีใครอาจทราบ
โฆษณา