20 ธ.ค. 2023 เวลา 04:00 • ธุรกิจ

7 ห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่ เตรียมเปิดทำการปี 2567

ยักษ์รีเทลแลกหมัดต่อเนื่อง! เตรียมเปิดทำการห้างสรรพสินค้าอีก 7 แห่ง “กลุ่มเซ็นทรัล” เร่งเครื่อง ลุย 6 ศูนย์การค้า ครอบคลุมกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ฟาก “เจ้าสัวเจริญ” ได้ฤกษ์เคาะระฆัง “One Bangkok” หลังทุ่มงบแสนล้าน ตั้งเป้าปั้นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโลก!
ความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มเซ็นทรัล” ในปี 2567 ที่จะถึงนี้มี “บิ๊กโปรเจกต์” สำคัญที่มีมูลค่ารวมมากถึง 46,000 ล้านบาท โดย “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) เป็นโครงการลักชัวรีมิกซ์ยูสภายใต้ความร่วมมือระหว่าง “กลุ่มดุสิตธานี” และ “กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา” ในนามของบริษัท “วิมานสุริยา” บนพื้นที่โรงแรมดุสิตธานีเดิมที่ปิดให้บริการไปตั้งแต่ปี 2562 บนทำเลทองหัวมุมถนนพระราม 4-สีลม ซึ่งจะประกอบไปด้วยศูนย์การค้า โรงแรม คอนโดมิเนียม และอาคารสำนักงานสุดหรู
ในเฟสแรก “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” จะเปิดให้บริการส่วนของโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จากนั้นจะทยอยเปิดอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และโครงการที่พักอาศัยภายในปี 2569 โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่างสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ เชื่อมต่อทั้งโครงการพร้อมลู่วิ่ง พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ฟาร์มผักออแกนิก ฯลฯ ภายใต้แนวคิดเรื่องอาคารสีเขียว
ข้อสังเกตของโครงการขนาดใหญ่ใต้ร่ม “กลุ่มเซ็นทรัล” ในระยะหลังจะพบว่า มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาพื้นที่ให้ครอบคลุม-ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มมากขึ้น ไม่ได้วางจุดยืนตัวเองเป็นเพียงศูนย์การค้าหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์สำหรับขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความเป็นอยู่แบบองค์รวมเพื่อเชื่อมโยงความเป็นกลุ่มก้อน-คอมมูนิตี้ของผู้คนด้วย
ด้าน “วัน แบงค็อก” เมกะโปรเจกต์ของ “ตระกูลสิริวัฒนภักดี” ที่มี “ปณต สิริวัฒนภักดี” ลูกชายคนเล็ก “เจ้าสัวเจริญ” กุมบังเหียน หมายมั่นปั้นมือดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2561 ใกล้จะแล้วเสร็จและถึงคิวเปิดทำการในปี 2567 เช่นกัน โดยเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดถึง 120,000 ล้านบาท
มีไฮไลต์สำคัญอย่าง “Signature Tower” ตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย โรงแรมกว่า 5 แห่ง พื้นที่ร้านค้าปลีก 180,000 ตารางเมตร ที่พักอาศัยสุดหรู 3 อาคาร เรียกว่า เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดและมีมูลค่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการลงทุนในโครงการพัฒนาที่ดินของตระกูลราชาที่ดินเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามในบรรดาศูนย์การค้าที่จะเปิดทำการในปีหน้า “4 จาก 7 แห่ง” มี “เซ็นทรัลพัฒนา” เป็นผู้พัฒนาโครงการ โดยในปี 2567 “เซ็นทรัลพัฒนา” ลุยเปิดศูนย์การค้าต่างจังหวัดเพิ่มอีกสามแห่ง ได้แก่ “เซ็นทรัล กระบี่” “เซ็นทรัล นครปฐม” และ “เซ็นทรัล นครสวรรค์” โมเดลของทั้งสามแห่งมีจุดร่วมเหมือนกัน คือเป็นโครงการ “มิกซ์ยูส” ตามกลยุทธ์ที่ “เซ็นทรัลพัฒนา” เดินเกมมาตลอดหลายปี
ก่อนหน้านี้พื้นที่ จ.นครปฐม มี “เซ็นทรัล ศาลายา” ตามแผน “Strategic Rings” ปั้นย่านการค้าครอบคลุมทั่วทิศรอบกรุงเทพฯ อยู่แล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะก่อนหน้านี้ “ชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เคยให้ข้อมูลกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ไว้ว่า จุดแข็งของ “เซ็นทรัลพัฒนา” คือการมีบิ๊กดาต้าหลังบ้านที่แม่นยำ
โดยเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากบัตร “เดอะวัน” (The 1 Card) รวมถึงข้อมูลการลงทุนจากภาครัฐและเอกชนมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อเจาะลึกไลฟ์สไตล์และเป็นภาพสะท้อนกำลังซื้อของแต่ละพื้นที่ได้ตรงจุดมากขึ้น
ข้อมูลอินไซต์จากหลังบ้านของ “เซ็นทรัลพัฒนา” พบว่า “นครปฐม” เป็นเมืองที่มีศักยภาพโดดเด่น มีตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product: GPP) โตต่อเนื่อง รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ 21,000 บาท สามารถรองรับการขยายตัวจากกรุงเทพฯ ได้ ทั้งยังเป็นประตูเชื่อมต่อไปยังจังหวัดใกล้เคียงอย่าง “ราชบุรี” และ “กาญจนบุรี” ด้วย
กราฟิก: จิรภิญญาน์ พิษถา
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness
โฆษณา