22 ธ.ค. 2023 เวลา 00:54 • ความคิดเห็น

เมื่อเมืองไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงินของจีนเทา

อย่างทราบกันอยู่แล้วว่าประเทศไทยของเรานั้นปัจจุบันมีกลุ่มจีนเทาเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นพวกคอลเซ็นเตอร์หรือพวกธุรกิจลงทุนเพื่อฟอกเงิน เข้ามาทำคาสิโนลับๆ (บ่อน)ของกลุ่มคนจีนหรือการจ้างคนไทยมาเป็นตัวแทนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์จัดตั้งบริษัทเพื่อทำการฟอกเงินพวกธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ
ซึ่งพวกกลุ่มจีนเทาปัจจุบันถูกกดดันจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ให้ออกนอกประเทศส่วนใหญ่ก็จะมาตั้งพวกคาสิโนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของเราไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา พม่าหรือแม้แต่ในประเทศลาวซึ่งทั้งฝั่งโน้นจะจัดตั้งง่ายกว่าเพราะว่าทางฝั่ง ประเทศไทยเรื่องพวกนี้ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และไม่สามารถทำแบบโจ่งแจ้งได้
อย่างไรเสียเราก็จะเห็นได้ว่ายังมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือพนักงานตำรวจของไทยที่รับเงินใต้โต๊ะเพื่อให้เกิดการสร้างหรือก่อสร้างพวกอาคารตึกหรือธุรกิจต่างๆได้โดยพวกกลุ่มคนจีนเหล่านี้จะใช้เงินใต้โต๊ะให้ทางเจ้าที่เพื่อเปิดทาง และเป็นธุรกิจบังหน้า
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหารธุรกิจนวดสปาหรือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นอาคารคอนโดหรือแม้แต่การซื้อคอนโดด้วย เงินสดเพื่อเป็นการฟอกเงินรวมถึงรถหรูนำเข้าเป็นต้น สังเกตง่ายๆในจังหวัดเชียงใหม่ก็จะจะมีร้านอาหารที่มีแต่ภาษาจีนรับสมัครแต่คนจีน ร้านสปารับสมัครแต่คนจีนมีแต่ภาษาจีนทำให้คนไทยไม่มีโอกาสเข้าไปหรือเข้าถึงหรือได้งานในส่วนนี้ซึ่งจะเป็นการฟอกเงินเพราะจะมีแต่คนจีนทั้งนั้นที่อยู่ในกลุ่ม
ธุรกิจนี้ทำให้สามารถฟอกเงินได้ง่ายซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางรัฐบาลต้องเข้ามาแก้ไขไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะกลายเป็นแหล่งธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเงินที่ได้จากพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งหลอกลวงคนไทยไปมากต่อมาก
โดยเฉพาะคนที่เก็บสะสมเงินทองเอาไว้เป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในยามเกษียณ เงินทุนพวกนี้ก็ไหลเข้ามาแต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกตจึงทำการฟอกเงินโดยการนำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบเงินสด
ซึ่งปกติคนทั่วไปจะต้องกู้มาซื้อแต่พวกนี้จะจ่ายได้เงินสดเมื่อจะได้เงินสดก็จะได้อสังหาริมทรัพย์มาครองในทันที หากขายอสังหาริมทรัพย์ออกไปก็จะได้เป็นเงินที่ถูกกฎหมายซึ่งจะแจ้งทางสรรพากรว่าได้มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ตัวนี้กลายเป็นเงินที่ถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ประกอบธุรกิจอื่นๆต่อไปได้หรือจะใช้เป็นทุนในการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับกลุ่มคอลเซ็นเตอร์หรือขยายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ออกไปก็ได้
ปัญหานี้นอกจากจะแก้ที่ฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วยังต้องแก้ที่หน่วยงานเอกชนด้วยการเปิดให้ใช้ซิมการ์ดต่อหนึ่งคนเป็นจำนวนมากๆได้นั้นเป็นปัญหามากเพราะว่าพวกคอลเซ็นเตอร์จะใช้โปรแกรมในการโทรออกซึ่งโทรได้ครั้งละหลายหลายเบอร์โทร 100 ได้เหยื่อ1 คนก็คุ้มแล้ว
ดังนั้นข้อจำกัดสิทธิ์ในการถือครองซิมซึ่งปัจจุบันเราใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการซื้อหรือเปิดซิมใหม่แต่ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีคนที่ครอบครองซิมอยู่จำนวนมาก เกินความจำเป็น
อีกทั้งในฝั่งเพื่อนบ้านก็สามารถที่จะใช้เสาสัญญาณในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตามแนวชายแดนโทรเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย และอีกส่วนหนึ่งก็คือตามแนวชายแดนมันจะมีบ้านคนที่อยู่ฝั่งไทยแต่ต่อเส้นทางเข้าไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้หมายความว่าจะยังมีการลักลอบไม่ว่าจะการคนไทยเอา ยาเสพติดจากฝั่งไทยไปฝั่งเพื่อนบ้าน หรือจากฝั่ง เพื่อนบ้านมายังฝั่งไทยโดยผ่านบ้านหนึ่งหลัง แน่นอนว่าบ้านนี้จะไม่มีโฉนดที่ดินใดๆ ไม่สามารถออกได้เพราะว่าเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างสองประเทศเป็นพื้นที่กันชนนั่นเอง
ที่ดินดังกล่าวไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของฝั่งไทยและไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของฝั่งเพื่อนบ้านเช่นเดียวกันดังนั้นการจะเข้ารื้อทำลายก็อาจจะขาดซึ่งอำนาจในส่วนนี้ทำให้เป็นช่องว่างในการขนยาเสพติดเข้ามารวมถึงรถลักลอบขโมยจากฝั่งไทยไปฝั่งเพื่อนบ้านอีกด้วย
ปัญหานี้ควรจะเป็นวาระแห่งชาติในการแก้ไขรวมไปถึงการจัดการในส่วนของปฏิรูปกรมตำรวจจะไม่ขอพูดถึงปฏิรูปก็แล้วกันเพราะว่าดูท่าแล้วไม่น่าจะแก้ไขอะไร ได้แต่เรื่องของการจัดการกับคอลเซ็นเตอร์อันนี้ยังพอมีความหวังอยู่ …
โฆษณา