6 ม.ค. เวลา 00:00 • การเมือง

ลีกวนยูสร้างประเทศอย่างไร ตอนที่ 1

แมวดํา หรือแมวขาว
2
จีนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์มาหลายสิบปี แต่เปิดรับระบบเศรษฐกิจเสรีของพวกทุนนิยม จุดกลับลํา 180 องศาของประเทศจีนยุคใหม่ ไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองจีน แต่เกิดที่สิงคโปร์
ในปี 1978 หลังจากโค่นแก๊งสี่คน และหวนคืนสู่อํานาจ เติ้งเสี่ยวผิงตื่นเช้าขึ้นมาในวันหนึ่ง มองไปรอบตัว แล้วพบว่าเมืองจีนยากจน ล้าหลัง อดอยาก ห่างไกลจากประเทศอื่นๆ มาก
2
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่า ระบอบคอมมิวนิสต์ที่ครอบครองประเทศมาหลายสิบปีใช้การไม่ได้ มังกรเติ้งบินไปหาลีกวนยูที่สิงคโปร์ คุยกับนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์นานสองวัน มังกรอยากรู้ว่าลีกวนยูสร้างประเทศที่ไม่มีอะไรขึ้นมาได้อย่างไร
3
เติ้งเสี่ยวผิงมองประเทศที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ แต่ก้าวหน้า มั่งคั่ง สีหน้าประชาชนพอใจในคุณภาพชีวิต เขาเห็นการลงทุนจากต่างประเทศมากมายในสิงคโปร์ ดึงเทคโนโลยีตะวันตกมาพัฒนาชาติ และฝึกคนพื้นเมือง
3
เติ้งเสี่ยวผิงพบลีกวนยู ปี 1978
เติ้งเสี่ยวผิงบอกลีกวนยูว่า “ผมอยากให้จีนเป็นอย่างนี้บ้าง” เติ้งเสี่ยวผิงกลับไปเมืองจีน สิบสี่เดือนต่อมา จีนก็ออกนโยบาย ‘หนึ่งประเทศสองระบบ’ เปิดเมืองหรือเขตอิสระย่อยๆ ปล่อยเศรษฐกิจเสรีในเขตเหล่านั้น แล้วเอ่ยประโยคอมตะว่า “แมวสีดําหรือสีขาวไม่สําคัญ ถ้าจับหนูได้ก็เป็นแมวดี”
3
โมเดลนั้นประสบความสําเร็จ ในที่สุดเมืองจีนทั้งประเทศก็เปิด ปฏิรูปการเกษตรและภาคอื่นๆ ประชาชนเริ่มหายใจได้ ความยากจนเริ่มสลายไป แม้ว่ายังใช้ป้ายยี่ห้อเดิม ‘ระบอบคอมมิวนิสต์’
2
ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 40 ปี จีนลบความยากจนจากพลเมืองหลายร้อยล้านคน กลายเป็นเมืองจีนในวันนี้ นักประวัติศาสตร์เห็นพ้องว่า 40 ปีนั้นจัดว่าเป็นช่วงเวลาที่สั้นที่สุดที่เปลี่ยนประเทศในสเกลนี้ 40 ปีนั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองที่สุดท่อนหนึ่งของประวัติศาสตร์หลายพันปีของจีน
4
ลีกวนยูนับถือเติ้งเสี่ยวผิงอย่างสูงในจุดนี้ เขาบอกว่าเติ้งเสี่ยวผิงไม่ยึดมั่นถือมั่นในลัทธิการเมือง ระบบไหนทํางานได้ผลก็ใช้ระบบนั้น
เขาว่าจีนโชคดีมากที่มีเติ้งเสี่ยวผิง จึงก้าวหน้ามาจนเป็นวันนี้ ถ้าไม่มีเติ้งเสี่ยวผิง ประเทศจีนตอนนี้คงเป็นหนังคนละม้วน จีนเรียนรู้จากสิงคโปร์เรื่องที่ในก้าวแรกๆ ไม่พยายามทําทุกอย่างเอง ยอมซื้อของจากต่างประเทศ เช่น โบอิ้ง 707 ต่อมาก็ซื้อสายการบินอื่น แล้วค่อยๆ ทําเอง
4
สิงคโปร์วันนี้
ดังนั้นจะบอกว่าลีกวนยูมีส่วนช่วยให้จีนเปิดประเทศ ก็ไม่เกินเลยความจริง
อะไรทําให้ลีกวนยูสามารถทําให้เติ้งเสี่ยวผิงเชื่อและเปลี่ยนความระบบของจีนทั้งประเทศ?
คําตอบก็คือผลงาน
ผลงานการเปลี่ยนประเทศจาก Third World เป็น First World และ ณ วันนี้ พาสปอร์ตสิงคโปร์เป็นหนังสือเดินทางที่อยู่ในอันดับ 1 ของโลก (Most Powerful Passport)
4
เมื่อถ่ายน้ำฆ่ายุง ปลาบางตัวอาจตาย
นักธุรกิจอเมริกัน ชาร์ลี มังเกอร์ ยกย่องลีกวนยูอย่างสูง บอกว่าลีกวนยูเป็นนักสร้างชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เราอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจให้จีนและเวียดนามเปลี่ยน สร้างชาติขึ้นมาแบบเดียวกัน เขาว่าลีกวนยูเปลี่ยนบึงที่เต็มไปด้วยยุง กลายเป็นเมืองสวรรค์ เขาทําโดยการถ่ายน้ำออก และก็มีปลาตายไปหลายตัว
3
คําว่า ‘ถ่ายน้ำ ที่มียุงออก’ และ ‘ปลาตาย’ อาจหมายความตรงคํา เพราะสิงคโปร์ฆ่ายุงไปเกือบสูญพันธุ์ แต่ก็อาจเป็นอุปมาได้
3
ลีกวนยูดูตัวอย่างอิสราเอล มีศัตรูล้อมรอบนับร้อยล้านคน จําต้องคิดไปไกล อิสราเอลส่งดอกไม้ผลไม้ไปยุโรปในฤดูหนาว คิดค้นสร้างผลิตภัณฑ์เกษตรกรรมต่างๆ ศัตรูของสิงคโปร์ไม่ใช่เพื่อนบ้าน แต่คือความไม่มีอะไร
1
เมื่อสิงคโปร์แยกตัวจากมาเลเซียเป็นประเทศใหม่ ทั่วโลกสงสัยว่าลีกวนยู จะพาประเทศใหม่ที่ไม่มีอะไรเลยรอดอย่างไร เพราะที่นี่มีแต่ยุง แม้แต่น้ำดื่มยังไม่พอ ต้องพึ่งพามาเลเซีย ลีกวนยูก่อตั้งพรรค PAP (People’s Action Party) ในปี 1954 เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์เมื่ออายุเพียง 35 ปีเท่านั้น เพราะชาวบ้านเชื่อเขา
5
ลีกวนยูเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง เรียนจบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ด้วยคะแนนสูงสุด แม้ได้รับการศึกษาจากตะวันตก แต่เขาไม่เคยทิ้งรากเหง้าความเป็นจีน เขาเลือกใช้สิ่งดีๆ ของตะวันตก เดินตามจุดแข็งของญี่ปุ่น ทั้งที่อังกฤษกับญี่ปุ่นสองชาตินี้เคยยึดครองสิงคโปร์
1
ในช่วงต้นสิงคโปร์ลงทุนสร้างโรงงานแก้วเอง แต่ไม่มีซิลิกาดีพอ ก็ต้องขายโรงงานแก้วทิ้ง ก็ลองผิดลองถูก จนในที่สุดก็ปรับแผน เริ่มดึงโรงงานมาจากต่างประเทศ โรงทอผ้า ชวนนักธุรกิจตะวันตกไปสร้างสินค้าที่สิงคโปร์ และส่งออกกลับไปตะวันตกและโลก ก็มีหลายบริษัทมาตั้งฐานการผลิตที่สิงคโปร์ เช่น Texas Instruments, Hewlett-Packard, Seagate ฯลฯ สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางดิสท์ไดร์ฟ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์
5
ลีกวนยูรู้ดีว่า สําหรับประเทศใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทําคือระบบสาธารณูปโภค ระบบคมนาคม เขาบอกว่า ต้องเปลี่ยนประเทศระดับ Third Class เป็น First Class ก่อน ถ้าจะต้องการการท่องเที่ยว ต้องมีห้องน้ำสะอาด
3
ลีกวนยูสมัยหนุ่ม
ในเมื่อตั้งใจทําให้สิงคโปร์เป็น First World Oasis เพื่อดึงคนมาเป็นจุดศูนย์กลางเอเชียที่ชาวตะวันตกมาแวะเป็นจุดแรก ก่อนจะไปประเทศอื่นๆ ก็ต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามมาตรฐาน First World ถนนหนทาง สนามบิน ท่าเรือ การสื่อสาร สาธารณสุข โรงเรียน ไปจนถึงโรงละคร โรงคอนเสิร์ต และปลูกต้นไม้จํานวนมหาศาล
2
ตอนที่ผมเห็นเมืองสิงคโปร์ครั้งแรกในยุค 1980 นั้น มันต่างจากเมืองไทยมาก เมืองทั้งเมืองเขียวขจี สิงคโปร์เป็นเกาะใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศร้อน ลีกวนยูเคยบอกว่า เครื่องปรับอากาศเป็นประดิษฐกรรมยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เพราะมันทําให้คนทำงานได้มากขึ้น ความร้อนของเกาะทํา ให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เพราะถ้าคนใช้พัดลมและเครื่องปรับอากาศมากขึ้น ก็เปลืองพลังงานไฟฟ้า อย่ากระนั้นเลยปลูกต้นไม้ใหญ่ทั่วเกาะเลย
5
การปลูกไม้ใหญ่ในปริมาณมหาศาลลดอุณหภูมิของทั้งเกาะลง ต้นไม้ยังช่วยดึงฝน ต้นไม้ยังเพิ่มออกซิเจน ลดฝุ่น เท่ากับลดอัตราการเจ็บป่วยของประชากร นี่ยังไม่รวมถึงความสวยงามและสภาพจิตคนที่อยู่กับธรรมชาติ มันเป็นการลงทุนที่คุ้ม และช่วยประเทศประหยัดเงินมหาศาลในระยะยาว สิงคโปร์มีหน่วยงานดูแลต้นไม้โดยเฉพาะ และการสร้างอาคารสูงใหม่ ต้องส่งแบบปลูกต้นไปให้พิจารณาด้วย
11
ปัญหาเยี่ยวในลิฟต์
1
การสร้างประเทศจากบึงยุงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน มันต้องเริ่มที่ความฝัน ไม่ใช่ฝันแค่อยู่รอด แต่ฝันว่าเป็นประเทศโลกที่ 1 แต่ละความฝันของลีกวนยูมักถูกหัวเราะเยาะ เช่น เมื่อเขาเห็นว่าจะต้องสร้างกองทัพ ขอความช่วยเหลือจากหลายประเทศ เช่น อินเดีย อียิปต์ ฯลฯ ให้มาช่วยจัดระบบกองทัพ ทุกประเทศปฏิเสธ
7
ยกเว้น อิสราเอล ลีกวนยูจึงเปิดไฟเขียวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลังโกเค็งซวี แอบไปพบกับฝ่ายทหารอิสราเอล อิสราเอลตกลงช่วยสร้าง กองทัพให้ แต่ทําแบบเงียบๆ เพราะสิงคโปร์รู้ดีว่าประเทศโดยรอบ เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นมุสลิมซึ่งไม่ถูกกับอิสราเอล พวกเขาก็สร้างกองทัพสําเร็จ
4
เมื่อลีกวนยูบอกว่าจะถมทะเลขยายพื้นที่เกาะ คนก็หัวเราะ แต่เมื่อเห็นว่ามันทําได้จริง คนก็เลิกหัวเราะ เช่น ที่ตั้งของสนามบินชางงี เชนตัน เวย์ ถนนบีช ล้วนเกิดจากการถมทะเลตั้งประเทศได้ไม่ถึงยี่สิบปี
3
สิงคโปร์กลายเป็นท่าเรือที่รองรับสายเดินเรือกว่าหกร้อยสาย ตอนนี้รองรับเรือหนึ่งในสี่ของโลก เป็นศุนย์การต่อเรือและซ่อมเรือชั้นนําของโลก ไม่มีน้ำมัน แต่เป็นศูนย์กลางกลั่นและจัดจําหน่ายน้ำมันที่ใหญ่เป็นลําดับต้นๆ ของโลกเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคสิงคโปร์เปลี่ยนพื้นที่รกร้างที่เรียกว่า Jurong เป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยคิดล่วงหน้าถึง 20 ปี จุดนี้เองที่จีนเดินตาม เพราะหากสิงคโปร์สามารถเปลี่ยนพื้นที่ไร้ประโยชน์เป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ต่างชาติเข้ามาร่วม จีนก็ทําเช่นนั้นได้
8
ในยุค 1980 สิงคโปร์กําลังเปิดประเทศเต็มตัว เศรษฐกิจบูมการก่อสร้างทั่วเมือง ไม่ว่าเดินไปที่มุมเมืองไหน ก็เห็นโครงการก่อสร้างใหม่ๆนี่เองที่เป็นเหตุผลที่ผมได้ไปทํางานที่นั่นตําแหน่งสถาปนิก
6
ในปี 1960 ลีกวนยูก่อตั้ง Housing and Development Board (HDB) สร้างที่อยู่อาศัยในรูปอพาร์ตเมนต์ เป้าหมายคือทุกคนต้องมีบ้านอยู่
1
มีสวัสดิการสังคมที่ดีลีกวนยูตั้งองค์กร Central Provident Fund (CPF) เป็นกองทุนสะสมของประชาชน ส่วนหนึ่งคนทํางานจ่าย ส่วนหนึ่งนายจ้างสมทบเพิ่ม ถอนมาใช้ได้เมื่อเกษียณ สามารถนําเงินทุนนี้ไปผ่อนซื้อบ้านและรักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย
2
การสร้างเมืองเป็น First World เป็นส่วนที่ง่าย แต่เปลี่ยนนิสัยคนจีนให้เป็น First World ยาก เช่น การถ่มน้ำลาย ทิ้งขยะ ปัสสาวะในที่สาธารณะ ก็มีคนกวนเช่น เยี่ยวในลิฟต์ ทางการก็แก้ปัญหาโดยติดเครื่องเซ็นเซอร์ หยุดลิฟต์ถ้าใครเยี่ยว แต่ก็มีคนเยี่ยวจากนอกลิฟต์ กดให้ประตูเปิด ก็ติดกล้องวงจรปิด
4
ก็แก้ปัญหาไปแต่การเปลี่ยนคนให้เป็น First World ต้องคิดไปไกลกว่าการแก้นิสัยเยี่ยวในลิฟต์ แต่คือพัฒนาบุคลากรระดับสูง สิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ทางเดียวให้อยู่รอด คือสร้างทรัพยากรคนที่ดีที่สุด นี่หมายถึงต้องสร้างระบบการศึกษาแบบ The Best
1
อพาร์ตเมนต์รัฐบาล
ลีกวนยูเล่าว่า สิงคโปร์ส่งคนไปศึกษาระบบการศึกษาทั่วโลกแล้วนํามาสร้างโมเดลที่เหมาะสมกับประเทศสิงคโปร์ดึงมหาวิทยาลัยชั้นนําของโลกมาเชื่อมกับมหาวิทยาลัยของตัวเอง เช่น เอ็มไอที. ฮาร์วาร์ด จอห์นส์ ฮอปกินส์ เชื่อมคณะแพทยศาสตร์กับมหาวิทยาอเมริกา เช่น Duke University เป็น The Duke–NUS Medical School เป็นต้น
2
ตอนนี้มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ติดอันดับ Top 10 ของโลกเสมอวัฒนธรรมการทํางานของสิงคโปร์ ไม่ว่าราชการหรือเอกชนเหมือนกันคือ Productivity ทํางานจริงจัง เข้าตรงเวลา เลิกงานตรงเวลา เวลาที่ทํางาน แทบไม่มีใครพูดคุยเล่นกัน
1
ลีกวนยูกําหนดภาษาหลักของสิงคโปร์ตั้งแต่แรกคือ ภาษาอังกฤษกับจีนแมนดาริน เพราะรู้ว่าสองภาษานี้สําคัญมากหากประเทศนี้จะเชื่อมกับโลกตะวันตกและจีนที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอํานาจ ทุกวันนี้จีนส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ไปดูงานที่สิงคโปร์ เพราะจีนเห็นว่า “ยังมีเรื่องต้องเรียนจากสิงคโปร์อีกเยอะ"
1
อพาร์ตเมนต์รัฐบาล
“เก็บเงินไว้เถอะ”
1
การถ่ายน้ำกําจัด ‘ยุง’ อีกอย่างหนึ่งคือกําจัดคอร์รัปชั่นและอาชญากรรม ลีกวนยูมองเห็นข้อเสียของคอร์รัปชั่นและอาชญากรรม หากไม่เริ่มจุดนี้ ไม่มีวันสร้างชาติสําเร็จ งานแรกคือกําจัดอั้งยี่ทําอย่างไรจึงจะกําจัดพวกมาเฟียจีนออกไปโดยสิ้นเชิง
6
ลีกวนยูใช้กฎหมายที่สืบมาจากอังกฤษ เรียกว่า Criminal Law Temporary Provisions Act สามารถคุมตัวผู้ต้องสงสัยอาชญากรรม นานสองปี ทางการก็กวาดจับมาเฟียมากักไว้คนละปีสองปี อั้งยี่สิงคโปร์ก็หายไป
4
นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาคล้ายๆ กับที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จัดการพวกอันธพาล โดยการรวบมา ‘อบรมพิเศษ’ ก่อนปล่อยตัวส่วนเรื่องคอร์รัปชั่น ตอนที่เขามาครองตำแหน่ง คอร์รัปชั่นมีทั่วไป คนจีนกับเรื่องน้ำร้อนน้ำชาเป็นของคู่กัน
6
ลีกวนยูรู้ว่าถ้าไม่เอาจริงเรื่องนี้ ประเทศเล็กๆ นี้จะล่มสลายอย่างรวดเร็วจะต้องไม่มีคําว่า ‘ใต้โต๊ะ’ หรือค่าน้ำร้อนน้ำชา ดังนั้นจึงกําหนดโทษคอร์รัปชั่นหนักแล้วทำอย่างไร? คําตอบคือทําทุกอย่างให้โปร่งใส ถ้าใครโกง ทุกคนจะเห็นทันทีลีกวนยูก่อตั้งหน่วยต่อต้านคอร์รัปชั่น ในความดูแลโดยตรงของเขา เพื่อให้เห็นว่า เขาคุมเรื่องนี้จริงๆ หน่วยงานนี้สามารถสืบสวนทุกคน แม้แต่รัฐมนตรี รวมทั้งตัวเขาด้วยและมันก็เป็นจริงตามนั้น
5
ในปี 1986 รัฐมนตรีสิงคโปร์ เตเชียงวัน เป็นสถาปนิกที่กลายเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรีที่ดูแลการเคหะแห่งชาติ (The Housing Development Board หรือ HDB) ต่อมามีการสอบสวนคดีคอร์รัปชั่น ว่ารับสินบนสองครั้ง ครั้งละสี่แสนเหรียญ รวมราวหนึ่งล้านเหรียญ จากบริษัทเอกชนสองบริษัท ให้ช่วยซื้อที่ดินรัฐในราคาถูก เมื่อความแตก เตเชียงวันขอพบลีกวนยูเพื่อคุยกัน
3
เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ หากคนระดับนายกรัฐมนตรีเอ่ยปากขอ เรื่องก็คงเงียบหายไปได้ไม่ยาก เพราะในหลายประเทศ การฮุบที่ดินแค่สองผืนไม่ใช่เรื่องใหญ่ คนใหญ่คนโตในบ้านเราปล้นที่ดินรัฐนับพันไร่ ก็ไม่ถูกลงโทษ
6
แต่ลีกวนยูปฏิเสธ เพราะคราวนี้เพื่อนใช้อํานาจไปไกลเกินไป ลีกวนยูบอก “อย่าเลย เพราะถ้าเราพบกัน เวลาผมเป็นพยานในศาล ก็ต้องพูดความจริง คุณควรหาทนายดีกว่า”
3
ผลคือเตเชียงวันฆ่าตัวตายในวันที่ 14 ธันวาคม 1986 เตเชียงวันเขียนจดหมายลาตาย จ่าหน้าถึงลีกวนยูว่า “ผมรู้สึกเศร้าใจและหดหู่ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้สึก ว่าต้องรับผิดชอบต่อการเกิดเหตุที่น่าเสียใจครั้งนี้ และผมรู้สึกว่าผมควรยอมรับความรับผิดชอบเต็มที่ ในฐานะที่เป็นสุภาพบุรุษชาวตะวันออกที่มีศักดิ์ศรี ผมรู้สึกว่าถูกต้องที่ผมควรชําระบทลงโทษขั้นสูงสุดต่อความผิดของผม”
2
ในการประชุมรัฐสภาเดือนถัดมา ลีกวนยูกล่าวว่า “ไม่มีทางที่รัฐมนตรีคนไหนสามารถหลีกเลี่ยงการสอบสวน และการตัดสินของศาล ถ้ามีหลักฐานรองรับ”
4
ในหนังสือ Lee Kuan Yew: The Man and His Ideas (1998) ลีกวนยูย้ำถึงความสําคัญของการมีระบบที่มีหลักการและจุดยืนชัดเจน “จุดมุ่งหมายของไม่ใช่เพื่อความถูกต้องเท่านั้น จุดมุ่งหมายคือ การสร้างระบบที่จะเดินหน้าต่อไป เพราะมันไม่มีการอะลุ้มอล่วย”
4
เขาว่าถ้าเขายอมหลับตา ปล่อยเพื่อนไป มันคือจุดสิ้นสุดของระบบ หากระบบร้าว ประเทศก็พังเขาเกลียดพวกที่บอกว่ารักชาติ ที่ครองอํานาจแล้วทำลายประเทศเขาซีเรียสเรื่องคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะในระดับสูงมาก มันส่งสารไปยังรัฐมนตรีทุกคนว่า ไม่มีข้อยกเว้นหากรัฐมนตรีผิดก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย แม้แต่ตัวเขาเอง
5
เขาเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอโดยตรง เกี่ยวข้องกับพวกอเมริกันครั้งหนึ่งราวปี 1960 ซีไอเอติดสินบนเจ้าหน้าที่ราชการลับสิงคโปร์ ยัดเงินจํานวนมากให้เจ้าหน้าที่คนนั้นป้อนข้อมูลลับให้ซีไอเอ
3
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่รับสินบน และรายงานเรื่องนี้ขึ้นบน ทางการจับซีไอเอคนนั้น ลีกวนยูต้องตัดสินใจว่าจะตั้งข้อหาไหม เพราะสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรสําคัญ ในที่สุดเขาก็บอกรัฐบาลอเมริกันว่าจะยอมเงียบ ไม่ตั้งข้อหา แต่ขอเงิน 100 ล้านดอลลาร์ให้รัฐบาลสิงคโปร์ใช้พัฒนาเศรษฐกิจ อเมริกันเสนอมอบเงินให้ลีกวนยูและพรรคสิบล้านเป็นการส่วนตัว
4
ลีกวนยูบอกว่า “เก็บเงินไว้เถอะ”
7
(อ่านต่อสัปดาห์หน้า)
โฆษณา