6 ม.ค. 2024 เวลา 05:45 • ท่องเที่ยว

น้ำพุเทรวี: แลนด์มาร์กกรุงโรม มูความรักของชาวตะวันตก

ถ้าพูดถึงกรุงโรม เชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่คงนึกถึงอยู่ไม่กี่สถานที่ ไม่ว่าจะเป็นโคลอสเซียมที่ยิ่งใหญ่ หรือไม่ก็ “น้ำพุเทรวี” ที่โด่งดัง น้ำพุเทรวีนับเป็นเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ไม่ไดมาเพื่อชมความสวยงามอย่างเดียวเท่านั้น แต่มาเพื่อ “มู” กันด้วย โดยอิตาลีนับว่าเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับสายมูอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ของจูเลียต หรือแม้กระทั่งตัวน้ำพุเทรวีเองก็ตาม
น้ำพุเทรวีถูกสร้างแล้วเสร็จในปี 1762 ออกแบบโดยนิโคลา ซัลวี และจูเซ็ปเป้ ปันนินี่ โดยเป็นหนึ่งในน้ำพุสไตล์บาโรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงโรม และมีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก โดยเป็นการปรับปรุงจากระบบส่งน้ำดั้งเดิมของกรุงโรม ก่อนที่ในปี 1629 พระสันตะปาปาอูร์บานที่ 8 จะมองว่าน้ำพุของเดิมนั้นไม่สวยงามเลย จึงว่าจ้างให้แบร์นินี่ ประติมากรชื่อดังออกแบบไว้ แต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา
กระทั่งมีการรื้อฟื้นโครงการอีกครั้งในปี 1730 โดยพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 12 ที่ได้จัดการประกวดออกแบบน้ำพุเสียใหม่ แต่สร้างไม่เสร็จดีสถาปนิกคนแรกก็มาเสียชีวิตเสียก่อน จึงได้มีการเปลี่ยนสถาปนิกและช่างหลายครั้ง
สำหรับประติมากรรมประดับน้ำพุนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกของยุค โดยแกะสลักขึ้นมาเป็นรูปของเทพเจ้าแห่งมหาสมุทรกำลังประทับบนรถม้าจากเปลือกหอยและเทียมด้วยฮิปโปแคมปัส สัตว์ในตำนานครั้งม้าครึ่งปลา ขนาบข้างด้วยเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพ เป็นสัญลักษณ์ของน้ำซึ่งเป็นตัวแทนของชีวิตและความอุดมสมบูรณ์
สำหรับสายมูที่เดินทางมายังน้ำพุเทรวีนี้ มักจะมีการมูด้วยการโยนเหรียญลงในน้ำพุ จะกระทำโดยการโยนเหรียญด้วยมือขวาข้ามไหล่ซ้าย โดยมีสรรคุณตามจำนวนเหรียญที่โยน คือโยน 1 เหรียญจะได้กลับมากรุงโรมอีก โยน 2 เหรียญจะได้กลับมาและตกหลุมรัก โยน 3 เหรียญจะได้กลับมา พบรัก และแต่งงานกับชาวอิตาเลียน ว่ากันว่าวัน ๆ หนึ่งมีมูลค่าเหรียญที่โยนลงไปในน้ำพุมากถึง 3,000 ยูโรต่อวันเลยทีเดียว ซึ่งเหรียญเหล่านี้จะถูกเก็บกวาดและนำไปบริจาคเพื่อการกุศลต่อไป
โฆษณา