2 ม.ค. เวลา 07:08 • ไลฟ์สไตล์
นครราชสีมา

ธรรมตโปทา โดยท่านอาจารย์โกเอ็นก้า(การปฏิบัติ)

ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่าครั้งที่แล้วรูปสวยๆเยอะๆประกอบ คราวนี้เราจะเน้นเนื้อหาซักนิ๊ดหนึ่ง ครั้งนี้เป็นคอร์ส 10 วันเหมือนเดิม แต่มีอะไรหลายอย่างที่เปลี่ยนไป
เปลี่ยนแรกคืออ.ผู้ให้การสอบอารมณ์ ยังไม่เจอซ้ำกันเลย สอบอารมณ์ 2 ครั้งเหมือนเดิมสำหรับศิษย์เก่า ซึ่งอ. 2 ท่านนี้ มีความเมตตามาก คงเป็นอีกครั้งที่เราจะจดจำคำสอนของท่านเอาไว้ ท่านใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อย เช่น ชม.บังคับท่านจะไม่เปิดแม้แต่พัดลมระบายอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก จะสังเกตเวทนาได้ชัดเจน เงียบมากเงียบจนได้ยินเสียงหายใจ
การสอบอารมณ์ครั้งนี้เราว่าได้ประโยชน์มาก ท่านใช้เวลาค่อนข้างนานในแต่ล่ะคน ตอบชัดเจนจนหายข้องใจไปเลย ไม่ได้ตอบแบบซักว่าตอบ มี 3 เรื่องชัดๆ ดังนี้
  • เรื่องความฟุ้ง ให้กั้นลมหายใจ สถานีแรกของนิวรณ์ 5 ที่จะพาไปสู่สถานีต่อไป เราว่าหลายๆคนคงเจอปัญหานี้เลยอยากแชร์ เพื่อให้เจริญในธรรมกันทุกคน ถ้าฟุ้งๆมาก จะไปสู่ความง่วง ความฟุ้งเราสามารถเจอกันได้ทั้งอาณาฯ และวิปัสนาแต่สำหรับเราอาณาฯพาง่วงได้มากที่สุด สำหรับเราคราวนี้ดีขึ้นมากสำหรับอาณาฯ เหมือนเข้าที่เร็วขึ้น อยู่กับลมหายใจได้นานขึ้น สุดท้ายเราก็ยังป๊อกเหมือนเดิมก่อนสอบอารมณ์ นี่แหละคือสิิ่งที่พัฒนา
  • ความง่วง ถ้ามาถึงจุดนี้เริ่มยากล่ะ ที่จะดักทางอ่า จริงๆต้องดักทางตั้งแต่ฟุ้ง ความง่วงจะไปสู่ความป๊อกในที่สุด การง่วงมาจาก 2 เหตุ เหตุแรกคือนักคิด นักคิดมาสู่ความฟุ้ง และสู่ความง่วงในที่สุด ชอบคิดไปเรื่อย คิดเยอะว่างั้นแหละ ส่วนอีกเหตุที่ 2 สบายเกินไป ไม่นั่งบนกระดูกสันหลังของตัวเอง แต่เหตุ 2 สำหรับเรานั่งแบบไหนก็ป๊อกอยู่ดี ยังไงก็ต้องดักสถานีนี้ให้ทัน ไม่ทันหลับแน่นอน นิวรณ์อีกเหมือนกัน
  • สุดท้ายคนที่มีโรคประจำตัว มันจะออกมาเป็นเวทนาแน่นอน ซึ่งมันไม่อนิจจังเลย ปวดแล้ว ปวดต่อ และปวดต่อไป ซึ่งตรงนี้เราได้คำตอบมันอนิจจังน่ะ เพราะปวดมีหลายเลเวล แค่มันไม่ดับไปเท่านั้น หรือการปวดอาจไม่ปวดที่เดิมถ้าสังเกตได้จริง แต่ปวดในบริเวณเดียวกัน ซึ่งตรงนี้เรายังไปไม่ถึง เราถึงแค่หลายเลเวล ทั้ง 2 เรื่องที่เล่าท่านอ.ได้ชี้แนะ เราแค่รับรู้มันแล้วผ่านไปในส่วนวิปัสนา
ส่วนเรื่องความฟุ้ง ถ้าฟุ้งมากๆในชีวิตประจำวัน แนะนำให้นั่งอาณาฯตามคำสอน ซึ่งเราว่าช่วยได้น่ะ
ใครที่เคยสมัคร Serve แล้ว โดน Reject ไม่ต้องเฟล ท่านอ.อีกนั่นแหละ ช่วยให้คำตอบ อย่างแรกถ้าไปเป็นกลุ่มจะมีบางคนโดนตัดทิ้ง เพราะท่านไม่อยากให้เกิดการรวมกลุ่ม เพราะจะทำให้เกิดการคุยกัน นอกจากศูนย์ที่ขาดแคลนจริงๆถึงยอม ยิ่งคนที่ไม่เคย Serve แนะนำให้ไปศูนย์เล็กๆก่อน ตรงนี้รุ่นพี่แนะนำมา ส่วนอีกเหตุหนึ่งถ้าคนที่มีปัญหาสุขภาพ การ Serve น่าจะได้ประโยชน์น้อยกว่า Sit ดังนั้นอย่าเสียใจ ธรรมะจัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ เหมือนเรื่องที่เกิดย่อมดีเสมอฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น
การทานข้าวแค่ 2 มื้อ คาบที่หลังจากการทาน มักสร้างปัญหาให้เราเสมอ แต่โดยรวมดีขึ้น อาจเพราะรู้สาเหตุแล้ว คาบที่ท้องว่างมักปฏิบัติได้ดี ยิ่งครั้งนี้ปานะไม่ทาน เพราะอยากหนีน้ำตาล และบ้านไกล ขี้เกียจเดินมาห้องอาหาร ก็ไม่แย่น่ะ ทำได้อยู่ ครั้งหน้าก็อาจจะไม่ทานล่ะสำหรับปานะ
และสุดท้ายเราพบประสบการณ์ติดสุข ตามที่เพื่อนเคยเตือน ซึ่งอาจสบายเกินไป ฟาซิลิตี้ พรั่งพร้อมเกิ้น ซึ่งไม่ใช่ความผิดของศูนย์ แต่มันเป็นบททดสอบของเรามากกว่า ไม่เคยเจอประสบการณ์นี้เลย อาจเพราะมันไม่ได้สบายจนทำให้เราติดสุขได้ วางไม่ลง หลังเปิดวาจานี่ฟุ้ง เตลิดสุดๆ คิดว่าตลอดทั้งคอร์สไม่ค่อยมองต่ำด้วยแหละ มองภูเขา มองดาว มองฟ้า ขอจันทร์ ทุกวัน
สุขทุกข์ให้ค่าไม่เท่ากัน สังเกตจากเวทนาที่โลภะชัดมาก และดูจากสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทะเยอทะยานยาก เมื่อไม่ได้ก็โทสะมา สังเกตจากเวลาทั้งปฏิับิติ และนอกเวลาปฏิบัติ เมื่อสบายแล้ว ก็อยากสบายกว่านี้ เมื่อไม่ได้ความโกรธก็มาเยี่ยมเยียนอยู่หน้าประตูเพราะไม่ได้ดั่่งใจตามธรรมชาติของจิต
การฝึกจิตเป็นหนทางระยะยาวไม่ใช่ว่าจะสอนกันง่ายๆ การเดินบนทางสายนี้ด้วยก้าวแรก อย่างน้อยถ้าไม่หยุดเดิน ก้าวต่อไป ก้าวต่อไป เป้าหมายที่แต่ล่ะคนวางไว้ย่อมมาถึงซักวัน บางคนอยากเป็นนายของจิต บางคนอยากออกจากสังสารวัฏ หรือบางคนอยากไปสู่สถานะเหนือนามและรูป(นิพพาน)
สำหรับคอร์ส 10 วัน จะเน้นเรื่องสติ อุเบกขา และไตรสิกขาเป็นหลัก ซึ่งต่างกับสติปัฏฐานอย่างชัดเจน สำหรับคอร์สนั้นเน้น สัมปชัญญะมาเพิ่ม และลงลึกในส่วนภังคะญาณมากขึ้น สำหรับ 10 วันแตะเรื่องภังคะเล็กน้อย ช่วงวันท้ายๆ เพราะเป็นคอร์สของศิษย์เก่า ธรรมะเข้นข้นขึ้น บาลีมาเต็ม แล้วแต่คนล่ะกันเข้าคอร์สตามจุดประสงค์แต่ล่ะคน สำหรับกลุ่มที่ยังไม่ได้ Serve เพราะถ้า Serve แล้วจะปลดล็อคเข้าสู่คอร์สพิเศษได้
หน้าจะมีรายละเอียดเท่านี้ ถ้าตกอะไรไปขอเอาไปใส่ในหัวข้ออื่นๆล่ะกัน หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
โฆษณา