2 ม.ค. เวลา 13:53 • ความคิดเห็น

ให้คำพูดของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์

ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่ผู้เขียนบอกว่าเขาสามารถทำนายอนาคตได้
2
เขาพูดว่า "เดี๋ยวผมจะไปอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของห้อง" เมื่อพูดจบเขาก็เดินไปที่ฟากหนึ่งของห้อง เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เขาทำนายเอาไว้นั้นแม่นยำจริงๆ
8
ตอนที่อ่านข้อความนี้ครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมก็รู้สึกแปลกๆ ผู้เขียนไม่ได้ทำนายอนาคตได้เสียหน่อย เขาก็แค่พูดในสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ แล้วก็ทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นเท่านั้นเอง
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวที่ดูเหมือนจะเหลวไหลเรื่องนี้ก็ยังกลับมาให้ผมขบคิดอยู่บ่อยๆ
(อะไรที่ผ่านไปนานแล้วแต่เรายังนึกถึงมันอยู่ แสดงว่ามันน่าจะมีประโยชน์อะไรบางอย่าง เพราะโดยปกติแล้วสมองคนเรานั้นโยนทิ้งข้อมูลเก่งกว่านักจัดบ้านแบบ KonMari เสียอีก อะไรที่ไม่จำเป็นหรือไม่ spark joy เราก็จะลืมมันไปอย่างง่ายดาย อังคารที่แล้วกินอะไรเป็นข้าวเที่ยงผมยังจำไม่ได้เลย)
3
ผมว่าบทเรียนลึกๆ ของการ "ทำนายอนาคตอันแสนสั้น" ก็คือเราสามารถทำในสิ่งที่เราลั่นวาจาเอาไว้ได้
แน่นอนว่าโอกาสในการทำสิ่งที่เราเอ่ยไว้ให้สำเร็จนั้นก็มีสูงต่ำต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่เราพูดออกมานั้นทำได้ยากแค่ไหนและต้องใช้ปัจจัยอะไรบ้าง
ถ้าการทำนายว่า "ผมจะไปอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องใน 10 วินาที" นั้นมีโอกาสถูกต้อง 100%
และการทำนายว่า "ผมจะมีเงินเก็บ 100 ล้านภายใน 10 ปี" มีโอกาสถูกต้อง 1%
 
การทำนายว่า "น้ำหนักผมจะลดลง 1 กิโลภายใน 1 เดือน" นั้นมีโอกาสถูกต้อง 80% เพราะว่ามันอยู่ในวิสัยที่เราจะทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง
3
เราจึงควรฝึก "ทำนาย" เรื่องที่มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างน้อย 80% แล้วตั้งใจทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ
ปีใหม่นี้หลายคนตั้งปณิธานว่าจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น จะออกกำลังกายให้มากขึ้น จะเล่นโซเชียลให้น้อยลง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วเรามีโอกาสทำให้เกิดขึ้นได้เกิน 80% แน่ๆ เพราะมันอยู่ในความควบคุมของเราเกือบทั้งหมด
แต่ถ้าเราตั้งใจเอาไว้ แล้วเรากลับไม่ได้ทำ (ซึ่งต่างจากการทำไม่ได้) การผิดคำพูดนี้จะกลับมาทำร้ายตัวเองตรงที่มันอาจทำให้เราเชื่อถือตัวเองน้อยลง
1
เมื่อพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และควรทำได้ แต่เรากลับไม่ทำ คำพูดของเราก็จะศักดิ์สิทธิ์น้อยลงเรื่อยๆ จนถึงวันหนึ่งคนก็จะเลิกให้น้ำหนักกับคำพูดของเรา
1
และคงเป็นเรื่องน่าเศร้า ถ้าไม่มีใครเชื่อใจในคำพูดของเราแม้แต่ตัวเราเอง
ในมุมกลับกัน ถ้าเราพูดในสิ่งที่เราทำได้ และเราก็ทำให้มันเกิดขึ้นจริง เราจะเริ่มเชื่อใจตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
จากเชื่อใจจะกลายเป็นเชื่อมั่น จากเชื่อมั่นจะกลายเป็นศรัทธา
1
ถ้าเราเชื่อว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะมีทรัพย์สมบัติอะไรที่มีค่าไปกว่าการมีศรัทธาในตัวเอง
4
เมื่อมองไปยังคนที่เขาคิดใหญ่ ฝันใหญ่ และลงมือทำให้เกิดขึ้นได้จริง สิ่งที่คนเหล่านี้มีเหมือนกันก็คือศรัทธาที่เต็มเปี่ยมทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น เพราะเขาได้พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าสิ่งที่เขาตั้งเป้าหมายและเอ่ยวาจาเอาไว้นั้นมันเกิดขึ้นจริง
5
เรายังไม่ต้องฝันใหญ่เบอร์นั้นก็ได้ เพราะจะกดดันตัวเองเกินตัว
1
เริ่มจากเรื่องง่ายๆ เรื่องที่ถ้าได้ลงมือทำแล้วโอกาสสำเร็จนั้นเกือบ 100% ก่อน
พูดในสิ่งที่เราทำได้ แล้วก็ลงมือทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้น ไม่ต่างจากการเดินไปฟากหนึ่งของห้อง จากนั้นค่อยขยับไปทำเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าจะพูดอะไรออกมาว่าจะทำ ก็จงลงมือทำอย่างตั้งใจ จนกว่าสิ่งนั้นจะเห็นผล
3
หากทำได้บ่อยๆ คำพูดของเราจะมีความศักดิ์สิทธิ์ครับ
โฆษณา