3 ม.ค. เวลา 09:17 • ความคิดเห็น

รู้สึกดีที่ไม่รู้ (JOMO)

ตอนนี้ผมแฮปปี้กับการดู youtube ของผมมากเลยครับ เปิดทีไรก็เจอแต่เรื่องสนุกๆและที่ผมสนใจ ตั้งแต่เรื่องธุรกิจ เรื่องแนวคิดที่เอามาเป็นวัตถุดิบเขียนบทความได้ เรื่องกอล์ฟว่าตียังไงให้ต่ำกว่า 80 (สองเดือนที่แล้วจะเป็นตียังไงให้ต่ำกว่า 90) เรื่อง wework ที่เพิ่งดูหนังใน apple TV ไปแล้วอยากรู้ต่อ เรื่อง one piece เรื่องหนังใน netflix เรื่องเทคนิคเกมส์ FC24 ไฮไลท์ฟุตบอล บทวิเคราะห์ premier fantasy และบทสนทนาของ ดร วิทย์กับฟาโรส เป็น content ที่รื่นรมย์มากๆ เปิดดูได้เรื่อยๆทั้งวัน
4
แต่หลายเดือนก่อนนี่ดู youtube ทีไรกลับเครียดเพราะมีแต่เรื่องการเมือง คนทะเลาะกัน เรื่องดราม่ารายวัน ซะเยอะยิ่งดูยิ่งเครียด ยิ่งเครียดยิ่งโผล่ตามอัลกอริทึ่มของโซเชียลมีเดีย เปิดดูตั้งแต่เช้าก็เครียดไปทั้งวันแต่ไม่ดูก็กลัวตกข่าว กลัวคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง มีความ FOMO (fear of missing out) อยู่เยอะแล้วก็ถลำลึกในวงจรนั้นโดยไม่รู้ตัว
6
ผมมาคิดได้ตอนที่ได้เห็นคำว่า JOMO ในบทความหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน JOMO ที่มาจากคำว่า Joy of missing out หรือที่ผมแปลว่ารู้สึกดีที่ไม่รู้นั้น เป็นขั้วตรงข้ามของ FOMO JOMO เกิดจากความไม่ไหวจากความรู้สึกท่วมท้นล้นเกินจากข้อมูลข่าวสาร ความเหนื่อยล้าจากการเสพข้อมูล จากความพยายามที่ต้อง update ข่าวด้วยความกลัวที่จะไม่รู้
8
จนหลายคนพยายามจะหาทางหลุดพ้นจากวังวนแห่งความเครียดและกลัวนั้นด้วยการไม่รู้อะไรที่ไม่จำเป็นแล้วเกิดความเครียดบ้าง และหลายๆคนก็เลยค้นพบว่าการไม่รู้นั้นนอกจากจะทำให้ไม่เครียดแล้ว กลับนำมาซึ่งความสุขหรือ JOY ที่ได้จากการให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญและคนที่สำคัญจริงๆอีกด้วย
3
ที่ผมสะดุดกับคำว่า JOY เพราะรู้สึกเครียดกับ content ที่ตัวเองเสพโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้สึก JOY อะไร เป็น fear ซะมากกว่า ก็เลยอยากจะมีความรู้สึก JOY ขึ้นมาบ้างและเริ่มคิดได้ว่าที่เราเห็นอะไรเครียดๆในโซเชียลก็เพราะเราไปดูบ่อยจนอัลกอริทึ่มคิดว่าเราชอบแล้วป้อนให้เราเรื่อยๆ ยิ่งดูมากก็เลยเห็นแต่โลกนั้นมาก
ผมก็เลยเริ่มจากการลองย้อนกลับทาง ไปดูเฉพาะสิ่งที่รื่นรมย์ เป็นประโยชน์ แล้วพยายามไม่ไปส่องดราม่า ไม่ได้ดูคอนเท้นการเมือง หรืออะไรที่เครียดๆ อีก ทำได้ซักสองอาทิตย์ ปรากฏว่าหน้าแรกของ youtube ผมเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละบัญชี มีแต่เรื่องที่ดีๆ รื่นรมย์ ดูไปก็รู้สึกเป็นประโยชน์ ไม่เครียดเหมือนแต่ก่อน
มีคำเปรียบเปรยว่า you are what you eat ในเรื่องร่างกาย แต่กับเรื่องจิตใจนั้นจะบอกว่า you are what you watch ก็ไม่น่าจะต่างกันมากเพราะโลกแห่งโซเชียลและอัลกอริทึ่มเป็นแบบนั้นจริงๆ
4
และเอาเข้าจริงๆแล้วการที่เราไม่พยายามไปรู้อะไรที่ไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แล้วเครียดเพราะกลัวตกข่าวนั้น มันก็ไม่ได้ตกอะไรเท่าไหร่เพราะข่าวแบบนั้นมันก็โผล่มาให้เห็นเองตามข่าวที่ส่งมาในไลน์บ้าง อยู่ใน facebook ของเพื่อนบ้างอยู่ดี
แต่ไม่ทำให้เราไปตกอยู่ในวงล้อมของข้อมูลที่ทำให้เราเครียด ทำให้จิตตก อารมณ์ไม่ดีและไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆกับตัวเองเสียมากกว่า แถมการพยายามไม่สนใจเรื่องที่ toxic ก็จะทำให้อัลกอริทึ่มไปทำงานที่แพลตฟอร์มอื่นด้วย ทำให้เราเห็นเรื่องที่แย่ๆ ที่กวนใจ หรือที่ทำให้เครียดน้อยลงโดยรวมๆเช่นกัน
2
แล้วพอหันมาตั้งใจเน้น JOY มากกว่า Fear แล้ว อัลกอริทึ่มในหัวเราก็ทำงานตามนั้นไปด้วย เราก็จะเริ่มอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น บทสนทนากับเพื่อนฝูงก็ไม่เครียดเหมือนก่อน บางเรื่องก็ไปนั่งแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวบ้าง ไม่ต้องไปถกเถียงกับเรื่องที่ยิ่งเถียงยิ่งทะเลาะบ้าง พอเลือกเรื่องที่เราไม่อยากรู้แล้วเน้นเฉพาะเรื่องที่เราสนใจและเป็นประโยชน์เราก็จะถูกดึงดูดเข้าไปสู่วงสนทนาใหม่ที่เราสนใจซึ่งสนุกและสร้างสรรค์กว่าเอง
2
ในโลกที่เราถูกขู่เข็ญให้กลัวจากการไม่รู้ข่าว ไม่ทันเหตุการณ์ และถูกอัลกอริทึ่มใช้เป็นเครื่องมือจากความกลัวที่จะตกข่าวนั้น บางทีลองถอยกลับมา ทบทวนว่ามีหลายอย่างที่ไม่รู้บ้างหรือรู้น้อยบ้างก็ได้ แล้วพยายามเอาชนะอัลกอริทึ่มด้วยการเทรนมันให้ส่งแต่เรื่องที่น่าสนใจ เป็นประโยชน์ให้เราดูมากขึ้น รวมถึงการที่เพลาๆการจ้องจอจากความอยากรู้เรื่องของคนอื่นที่เราไม่รู้จัก แล้วหันมาจ้องหน้าคนใกล้ตัวมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ปีใหม่นี้เริ่มด้วยความรื่นรมย์จากการลด fear เพิ่ม joy ขึ้นบ้างก็ได้นะครับ
โฆษณา