7 ม.ค. เวลา 12:50 • ท่องเที่ยว
โซล

หนาวเข้าไส้ในกรุงโซล

Chapter 68/1: Chilling Seoul
เดือนธันวาปี 2023 เป็นเดือนที่โปรแกรมแน่นเลย เริ่มจากทริปเกาหลีที่ปีนี้ดั๊นนนต้องไปเอาเดือนธันวาซึ่งหนาวจะแย่ เช็คอุณหภูมิแล้วได้แต่ภาวนาขอให้รอดกลับมาโดยไม่เป็นไข้ เพราะ 4 วันที่ไปต้องเจออุณหภูมิตั้งแต่สูงสุด 10 องศา ไปจนถึงสูงสุด -6 องศา แม่เจ้า…หนาวเข้าไส้จริงๆ 🥶
สำหรับทริปนี้เราบินไปด้วยการบินไทย แต่อยากจะรีวิวเครื่องบินซักนิดนึง เพราะไม่เคยนั่งเครื่องแบบนี้มาก่อน
ไฟล์ทที่เราบินเป็น TG656 ซึ่งใช้เครื่องแบบ A350-9 ที่นั่ง Business Class จะเป็นแบบ 2–2–2 ซึ่งเราไม่เคยเจอเครื่องรุ่นนี้มาก่อนเลยเก็บภาพมาซะหน่อย
TG656 กับเครื่อง A350-9
เครื่องค่อนข้างเก่า แต่เอาจริงที่นั่งก็จัดว่าดีนะเพราะค่อนข้างกว้าง แถมมีที่นั่งฝั่งที่วางเท้าขนาดใหญ่พอที่อีกคนจะมานั่งคุยด้วยได้สบายๆ มีฉากสั้นๆ ข้างที่นั่งที่สามารถดึงออกมาบังตาได้นิดหน่อย ก็เลยไม่ได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนที่นั่งที่เป็นแบบ 1–2–1
1
จอทีวีไกลมาก ไม่สามารถไปแตะได้เลย ต้องใช้รีโมทล้วนๆ Facility บนเครื่องก็ดูค่อนข้างเก่าตามเครื่องเลย แต่ก็ไม่แย่ค่ะ
Seat Control บนแผงเท้าแขนกับรีโมทควบคุมทีวีทรงโบราณหน่อย
จบการรีวิวเครื่องบินแต่เพียงเท่านี้ 😄
ตอนเข้าประเทศเกาหลีเอาจริงก็แอบเสียวเหมือนกันเพราะอย่างที่รู้ๆ กันว่า ต.ม. ประเทศเกาหลีค่อนข้างเข้มงวด แต่ก็ผ่านกันมาได้อย่างราบรื่นไม่มีปัญหาอะไร ตอนที่ยืนรอเห็นมีคนไทยโดนเรียกเข้าห้องแค่คนเดียวเองนะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ได้ยินมา
ณ วันที่เราเดินทาง 14 ธันวาคม 2566 คนที่เคยขอ K-ETA มาแล้วไม่ต้องขอใหม่ แค่เข้าไปในฐานข้อมูลเก่าที่เคยกรอกไว้ หากมีเรื่องไหนเปลี่ยนแปลงก็อัพเดทข้อมูลเข้าไปใหม่รวมถึงไฟล์ทเดินทางและที่พัก ส่วนคนที่ยังไม่เคยขอก็ต้องทำก่อนเข้าประเทศ ซึ่งก็ทำไม่ยากเลย
อ้อ !!! เรื่องสำคัญ มาเที่ยวเกาหลีต้องใช้ Naver Map นะคะ Google Map ใช้ไม่ได้เพราะที่เกาหลีเค้าไม่อนุญาติ (มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศอะไรประมาณนี้แหละ) ซึ่งเวลาใช้ก็จะเจอปัญหาหน่อย ถ้าใส่ชื่อสถานที่ที่จะไปเป็นภาษาอังกฤษเจ้า Naver Map มันจะหาไม่เจอ 🤪
วิธีแก้เราต้องเปลี่ยนชื่อเหล่านั้นเป็นภาษาเกาหลีก่อน โดยเข้าไปที่ www.juso.go.kr พิมพ์ชื่อที่เราต้องการไป พอได้ชื่อเป็นภาษาเกาหลีก็เอาไปวางที่ Naver Map 555 ยากหน่อยเนอะ เราเลยไม่ใช้เลย ใช้แอป "หลานชาย" ให้เด็กมันหาไปเราเดินตามอย่างเดียว 😁
ป.ล. ดูคลิปน้องคนนี้ก็ได้นะคะ เค้าสอนวิธีใช้ Naver Map ด้วย
ผ่าน ต.ม. ออกมาก็ตรงไปที่ที่พักก่อนเลย ทริปนี้เราลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการพักโรงแรมอย่างที่เคย มาเป็นพักบ้าน Airbnb มั่ง เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าบ้าน Airbnb ในแถบเอเชียจะเป็นยังไง
ทีมงานสำรวจโซล 5 คน พร้อม !!!
เราแจ้งเจ้าของบ้านว่าขอเข้าบ้านก่อนเวลาเพราะเครื่องลงแต่เช้า เจ้าของบ้านก็ยินดีเพราะก่อนหน้าไม่มีแขกพอดี และขอคิดค่า Check in ก่อนเวลานิดหน่อยซึ่งพวกเราก็ยินดี แลกกับการได้เข้าไปพักผ่อนก่อนออกไปเดินเที่ยว
บ้าน Airbnb ที่หากันมาอยู่ในย่าน Hongdae ซึ่งเป็นย่านที่เราตั้งใจจะมาสิงกันในทริปนี้ เพราะมันใกล้ที่กิน ที่ช็อป ที่เที่ยวเพียบ ทางเข้าบ้านหายากนิดนึงเพราะใน Airbnb บอกไว้อย่าง host บอกอีกอย่าง มึนตึ้บเลย ที่นี่จะใช้เลขที่บ้านไม่เหมือนเรา มันจะมีทั้งเลขที่ถนนและเลขที่บ้าน เราก็ใช้ถามเอาจาก host นั่นแหละว่าคีย์ยังไงถึงจะเจอ เค้าก็จะสอนอีกที
1
อ่ะ เข้าบ้านได้ละ
ทุลักทุเลนิดนึงเพราะวันนั้นฝนดันตกทั้งวัน ดีนะที่แค่ตกปรอยๆ แถมบ้านอยู่ชั้น 2 อีกต้องขนกระเป๋าขึ้นไป บรรยากาศบ้านจะเป็นประมาณนี้นะคะ
ห้องส่วนกลางมีครัวและโต๊ะกินข้าว
เป็นบ้านขนาดไม่ได้ใหญ่มากแต่มีตั้ง 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำแน่ะ ซึ่งที่พักที่มีห้องเยอะขนาดนี้นี่จากประสบการณ์ต้องเป็นบ้านที่ใหญ่พอสมควรเลยนะ นี่เค้าจัดสรรพื้นที่ใช้สอยเต็มที่เลย
ห้องน้ำจะรวมส่วนแห้งส่วนเปียกไว้ด้วยกัน
ชั้นล่างมี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ โดย 2 ห้องนี้ต้องใช้ห้องน้ำกลางร่วมกัน ส่วนอีกห้องนอนนึงจะมีห้องน้ำในตัว
ห้องนอนนี้ถ้านอน 2 คนเวลาวางกระเป๋าก็จะแคบหน่อย
บันไดขึ้นชั้นสองชันโฮกๆ แต่เค้าก็อุส่าห์ทำรอก (เค้าเรียกรอกรึป่าวไม่รู้ 😅) เอาไว้ใช้ยกกระเป๋าขึ้นไปไว้ด้วย แต่เราไม่ได้ใช้เพราะทีมงานเราแข็งแรงมากยกขึ้นไปเอง…ป่าวหรอก ยกขึ้นไปแล้วถึงได้เห็นว่ามันมีน่ะ 🤣
บันไดขึ้นชั้น 2 ชันเหลือเกิ๊น
ห้องนอนชั้นสองนี่ยิ่งใหญ่เข้าไปอีกมี 3 เตียงนอนได้เป็นตับเลย มีห้องน้ำด้านบนด้วย แต่จะแคบๆ เตี้ยๆ หน่อยเหมือนห้องใต้หลังคาที่ต่อเติมขึ้นมา
ห้องนอนชั้นสอง
เจ้าของบ้านอุส่าห์มีกิมมิคทำห้องเก็บเล็กๆ ด้านบนเป็นห้องนั่งเล่นอีก
ซอกเล็กซอกน้อยก็ใช้ประโยชน์ได้หมดสไตล์บ้านญี่ปุ่นเลย
บ้านสะอาดสะอ้านดี มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ เรามากัน 5 คนกระเป๋าใหญ่ 5 ใบกับบ้านที่มีห้องนอนเยอะขนาดนี้สบายเลย ถ้าใครกลุ่มใหญ่กว่านี้จัดสรรกันดีๆ เราว่าพักได้ 8-9 คนยังไหว
สาเหตุที่เราเลือกบ้าน Airbnb เพราะเราอยากให้ทุกคนได้เจอกัน ได้นั่งเล่นนั่งคุยกันมันสนุกดี เพราะถ้าอยู่โรงแรมจะต่างคนต่างอยู่ ดูจะเหงาๆ ไปหน่อย ซึ่งทุกคนก็ชอบกัน
1
หลังจากเก็บของพักร่างกันนิดหน่อยก็ออกไปที่แรกเลย
ร้าน Compote คาเฟ่ข้างบ้าน
ไม่ได้ไปไหนไกลเล้ยยย…ร้านกาแฟข้างบ้านเอง 😂 เพราะหนาวชะมัด ต้องหาอะไรร้อนๆ จิบหน่อย และเราก็พบว่าร้านนี้เป็นมิตรกับเรามาก เครื่องดื่ม ขนมราคาไม่แพงเลยแถมอร่อยด้วย
เจ้าของร้านชื่อคุณ Lee แกพูดอังกฤษได้นิดหน่อยแต่ก็พยายามสื่อสารกับพวกเรา แถมขนมให้เรากินด้วย เราเลยไปอุดหนุนแกแทบทุกวันเลย นี่แค่ร้านแถวบ้านเล็กๆ แต่ยังตกแต่งซะน่ารักเลย สมละที่เค้าบอกว่าโซลเป็นเมืองแห่งคาเฟ่จริงๆ
เอาล่ะ ได้เวลาไปหาข้าวเที่ยงกินกันละ ร้านต่อไปที่จะไปชื่อ Passion 5 ที่เป็นทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ อยู่ที่ Hannam-dong ในย่าน Itaewon
1
โห…เป็นตึกเบ้อเริ่มเลย
เข้ามาในตึกก็ประทับใจใหญ่หลวงเพราะร้านขนมด้านล่างซ้วยสวย แต่เราจะขึ้นไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารชั้นบนก่อน
Passion 5
สั่งอาหารมากินกันกรุบกริบเพราะจะลงไปชิมเค้กต่อ
อาหารหน้าตาดี
เราสั่งมา 4 อย่าง จำได้ว่ามี Ratatouille ที่เป็นสตูผัก รสชาติยังไม่โดน แต่ Risotto กะอย่างอื่นอร่อย ราคาก็โอเคไม่แพง เราลงไปต่อที่ชั้นหนึ่งซึ่งเป็นโซนขนมหวานกันดีกว่า อยากดูจะแย่ละ
Display นี่สุดอ่ะ สวยมาก
OMG ละลานตามาก จัด display โคดสวย เดินถ่ายรูปกันสนุกสนานเลย นี่ไม่ใช่แค่เราที่ถ่ายนะ คนเกาหลีที่เข้ามาในร้านก็ถ่ายกันใหญ่เลย
Passion 5 เป็นคาเฟ่และแกลเลอรี่ขนมหวานระดับพรีเมียม ซึ่งชื่อ Passion 5 มาจากการผสมผสานองค์ประกอบทั้งห้าเข้าด้วยกัน ได้แก่ เบเกอรี่ ขนมอบ ช็อคโกแลต คาเฟ่ และความหลงใหลของผู้สร้างสรรค์ของหวาน
ของหวานในร้านมีให้เลือกอีกกว่า 300 รายการรวมถึงเค้ก พุดดิ้ง และช็อคโกแลตซึ่งอยู่ในโซนข้างๆ
สมกับเป็นแกลเลอรี่ขนมหวานจริงๆ ทุกอย่างสวยน่ารักมาก ใครจะไปกินน้องๆ เค้าลงเนี่ย
แค่เดินเล่นดูเค้กในนี้ก็มีความสุขละ
อันนี้เป็นขนมที่เราสั่งมาลองกัน
ชิมกันประมาณนี้
โดยรวมเค้กสวยมากกกกและอร่อย แต่ขนมปังบางอย่างร้านที่ไทยเราอร่อยกว่า แต่บอกเลยประทับใจมากไม่เคยเห็นร้านขนมที่สวยขนาดนี้มาก่อน ใครมาโซลอย่าลืมแวะมากันนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอน
จาก Passion 5 เราไปเดินพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใกล้ๆ ชื่อ Leeum Museum of Art
Leeum Museum of Art
Leeum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีทั้งส่วนที่จัดแสดงงานศิลปะเกาหลีแบบดั้งเดิม และส่วนที่เป็นงานศิลปะร่วมสมัย
1
ทางเดินเข้าพิพิธภัณฑ์ยังดูเท่ห์
ด้านในมีทั้งนิทรรศการที่เข้าชมได้ฟรีและนิทรรศการพิเศษที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แน่นอนเราเลือกแบบฟรี !!!
ห้องโถงกลาง
เท่าที่เราเห็นก็มีคนเกาหลีมาเที่ยวที่นี่เยอะเหมือนกันนะ ไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยว แสดงว่าคนเกาหลีก็ให้ความสำคัญกับงานศิลปะเหมือนกัน
ตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์
เมื่อเข้ามาด้านในถึงเราจะเลือกชมงานแสดงฟรีก็ต้องไปออกตั๋วที่ Information Desk ก่อน เพราะต้องใช้เป็นการ์ดเข้าไปในบริเวณห้องแสดง
เราขึ้นลิฟต์ไปชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด ออกมาจะเจอกับงานแสดงวัตถุโบราณของเกาหลี
Leeum Museum of Art
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกับบันไดวนอันนี้ซึ่งเจ๋งมาก
Leeum Museum of Art
เป็นงานที่เล่นกับแสงที่ตกกระทบลงมาบนวัตถุให้แสงสะท้อนสีรุ้งที่สวยดี
Leeum Museum of Art
เราไม่ได้เข้าไปดูงานห้องอื่นๆ เพราะมันแต่ถ่ายรูปเจ้าบันไดวนอันนี้ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงชั้นหนึ่งละ เลยเดินออกมาเจอสิ่งนี้อีก
Leeum Museum of Art
โคดเก๋เลย ปลายสุดอีกด้านของทางเดินจะเป็นกระจกทั้งบานรวมทั้งเพดานด้านบนด้วย เวลาถ่ายรูปออกมาละสวยดี
อาคารแสดงอีกด้านนึงของ Leeum เค้าปิดซ่อมเลยไม่ได้ดูอะไรเพิ่มเลยเสียดายจัง
Leeum Museum of Art
ออกมาด้านนอกก็ยังมีงานศิลปะเก๋ๆ ให้ดูอีก
จาก Leeum เราไปเดินเล่นต่อแถวย่าน Gangnam
ตึกแถวๆ นั้นเค้าเก๋ๆ ทั้งนั้นเลย
ร้านค้าตกแต่งต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสกันเต็มที่เลย
เดินเล่นช็อปปิ้งแถวนั้นอยู่จนได้เวลามื้อเย็นอีกแล้ว เย็นนี้เราจองร้าน Wolfgang's Steakhouse ที่ Gangnam ไว้ นี่กินที่ NY ยังไม่หนำต้องขอมาซ้ำที่เกาหลีอีก
Wolfgang's Steakhouse
ร้านที่เกาหลีนี่ใหญ่มากเลย มีตั้ง 2 ชั้น มีแบบห้องส่วนตัวด้วย
Wolfgang's Steakhouse
สั่งแบบที่เคย Jumbo Shrimp Cocktail, Porterhouse For 3 และ Sizzling Canadian Bacon แต่คราวนี้แค่คนละครึ่งชิ้นพอ
มาแล้วจานเด็ดประจำคืนนี้ Porterhouse For 3 เครื่องเคียงของที่เกาหลีมีความเก๋ เค้าใช้เป็นกิมจิ ก็เลยลองสั่งมากินคู่กันด้วย ปรากฎว่าใช้ได้เลย ช่วยตัดเลี่ยนได้ดีเหมือนกัน
จานนี้ที่รอคอย
เนื้ออร่อยไม่แพ้ที่ NY มีความนุ่มและชุ่มฉ่ำแต่ความรู้สึกส่วนตัวเนื้อที่ NY จะย่างได้หอมกว่าหน่อยนึง
สุดท้ายยังพอมีที่เหลือสำหรับขนมหวานอีกนิด เลยสั่ง Key Lime Pie และ Créme Brulée มาล้างปากซักหน่อย
ของหวานปิดท้าย
วันแรกในโซลไม่ได้ไปไหนมากเพราะหนาวเหลือเกิน ก็จะเน้นร้านอาหารร้านขนมที่อยากมาชิมกันซะเป็นส่วนใหญ่
Blog ต่อไปจะพาไปเที่ยวหมู่บ้านโบราณอีกแห่งในโซล และจะพาไปหาไรกินจุกๆ กันอีกหลายที่เลย อย่าลืมมาอ่านกันต่อนะคะ สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา