12 ม.ค. 2024 เวลา 16:24 • ความคิดเห็น
พอดี..พระท่านให้ฝึกหัด พายเรือ จิตลงนั่งในลำเรือคือเรือนกาย จิตจับพาย พายอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก พายลึกพายสั้น ก็อยู่ที่จิตควบคุมการพาย ..พายเรือทวนน้ำ พายเรือผ่านร่องน้ำ โขดหิน มีสิ่งของต่างๆลอยมากับกระแสน้ำ ..มีกระแสน้ำวน ดูดหัวเรือ มีคลื่นลมพายุ ฝ่าร้องฟ้าผ่า
..คลื่นก็มีหลากหลายรูปแบบ คลื่นใหญ่ ก็มีคลื่นเล็กบนคลื่นใหญ่ กระแสน้ำใต้น้ำ คลื่นไร้ทิศทาง .กระแสน้ำที่ไหลผ่านก็เหมือนอารมณ์ที่เราผจญในชีวิตประจำวัน ..ที่เราสัมผัสเสียดสี เข้ามาทางวิญญาณทั้งหก มันมีความเจ็บปวด แสบร้อน มึนเมา ..เหมือนเรือที่ถูกคลื่นยกเรือขึ้น แล้วกระแทกลงมา ลำเรือก็สะท้านเจ็บ ปวดเมื่อย
เรื่องของกายพายเรือ ..ทวนน้ำ ทวนกระแสอารมณ์ ต้องอาศัยสติควบคุมการพาย บังคับหัวเรือ ให้ได้ ..ให้ไปตามทาง ที่ผ่านอุปสรรคต่างๆ เหมือนชีวิตคนเรา .ต้องเจอะเจออุปสรรค ทำอย่างไรจึ้งจะผ่านพ้นไปได้ ..ลำเรือไม้เสียหาย..เรือที่ต่อมาดี ..เค้าต่อด้วยบุญกุศลบารมี เรือก็แข็งแรง เรือที่ต่อมาไม่ดี ..ก็ใช้งานได้ ไม่คงทน ผุพังง่าย ..เรือที่บรรทุของหนัก เอามาพายเรือทวนน้ำ เจอะเจอน้ำเชียว ก็บังคับเรือไม่ได้ มันเหนื่อยพายไม่ไหว..พายจ้ำไม่ได้เลย
..เหมือนกายเรา ที่เป็นลำเรือ ที่เป็นของแข็ง ส่วนน้ำ ..ยิ่งพายเรือเร็ว ปะทะคลื่น .น้ำก็มีสภาพเหมือนของแข็ง ต้านให้เรือแตกหัก กายแตกหักได้เหมือนกัน..นั่นเค้าก็เปรียนไว้เหมือนกรรมตัดรอน ที่เกิดขึ้น บ้างก็พิกลพิการ ..เรือแตก จิตก็ตกลงไปในน้ำ ..บ้างไม่พายเรือ ไม่ต้องออกแรง พายเรือทวนน้ำ ..ไปหาท่าพักพิง ..ขึ้นท่าบุญกุศลบารมี มีกายเป็นเทพยดาอินทร์พรหม ..เมื่อเค้าปล่อยเรือตามน้ำ เรือก็ออกสู่ท้องทะเล คลื่นลมท้องทะเลก็พัดเอาเรือแตก ..จิตตกลงไปในท้องทะเล เป็นอาหารกุ้งหอยปูปลา
ไม่รู้ว่าตอบไปตรงเรื่องโขดหินกับน้ำหรือเปล่า .น่ะเนี่ย..
โฆษณา