13 ม.ค. 2024 เวลา 15:40 • การเมือง

คำสารภาพบาปของเอราน เอฟราตี (Eran Efrati) ทหารอิสราเอลตาสว่าง

รับฟังการให้สัมภาษณ์ฉบับเต็มได้จากยูทูป
1
ความเป็นมา
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่าน อิสราเอลเพิ่มการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมายโดยรุกรานเข้าไปในเขตเวสต์แบงค์ของชาวปาเลสไตน์ พร้อมกับสร้างระบบการปกครองที่แบ่งแยกชนชั้น เหยียดสีผิวและชาติพันธุ์ หรือเรียกว่าระบอบอะพาไทด์ (Apartheid System) แต่ก็มีทหารอิสราเอลตาสว่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ออกมาต่อต้านระบอบนี้จนมีการจัดตั้งกลุ่มนักกิจกรรมที่เรียกว่า Breaking the Silence
อดีตทหารอิสราเอลจะออกมาเปิดโปงวิธีการปกครองอันเลวร้ายของรัฐบาลตนเอง แต่ทหารเหล่านี้มักต้องเผชิญกับผลกระทบที่รุนแรงตามมาเสมอ บางคนก็ต้องลี้ภัยในอยู่ต่างประเทศ และหนึ่งในอดีตทหารอิสราเอลที่ออกมาเปิดโปงระบอบอันเลวร้ายของกองทัพอิสราเอลตั้งแต่ในยุคแรก ๆ คือ เอราน เอฟราตี (Eran Efrati)
ตั้งแต่ปลดประจำการจากกองทัพ เอรานได้อุทิศชีวิตของเขาเพื่อบันทึกการก่ออาชญากรรมของกองทัพอิสราเอล ต่อสู้กับระบบแบ่งแยกสีผิว วิจารณ์เรื่องการยึดครองปาเลสไตน์อย่างตรงไปตรงมา แล้วอะไรทำให้เขาคิดทำเรื่องที่ลึกซึ้ง ยากเย็น และเสี่ยงภัยขนาดนี้
เขาเล่าว่า
ผมโตมากับคุณปู่คุณย่าและคุณยายผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซี ยายของผมกรีดร้องตอนกลางดึกเพราะความกลัวค่ายกักกันของนาซีที่ออสวิตซ์ที่ฝังลึกอยู่ในใจของท่านเสมอมา เมื่อเด็กชาวอิสราเอลเข้าเรียนอนุบาล ก็จะมีทหารเข้ามาบอกเราเกี่ยวกับสงครามและการสร้างประเทศอิสราเอล และเราจะถูกสอนให้ปกป้องอิสรภาพของชาวยิว
ตอนที่ผมอายุ 16 ผมได้รับจดหมายฉบับแรกจากกองทัพให้ไปเข้าค่ายอบรมเป็นเวลา 7 เดือน หลังจากนั้นผมได้เข้าประจำการในกองทัพ ผมถูกส่งไปอยู่ในเมืองเฮบรอน (Hebron) ทางตอนใต้ของเขตเวสต์แบงค์ของปาเลสไตน์ ที่นี่เป็นเมืองเดียวที่มีการอพยพชาวยิวไปตั้งถิ่นฐานใหม่ตรงใจกลางของเมือง
  • หมายเหตุ: เมืองเฮบรอนถูกแบ่งเป็น 2 เขต คือ เขต H1เป็นเขตของชาวปาเลสไตน์ เขต H2 รวมทั้งเขตเมืองเก่าอยู่ใต้การดูแลของกองทัพอิสราเอล รัฐบาลได้อพยพชาวอิสราเอลเข้าไปตั้งถิ่นฐานในเขต H2 และห้ามชาวปาเลสไตน์ใช้ถนนอัลชูฮาดา (Al-Shuhada Street) - ผู้แปล
งานแรก ๆ ของผมคือการไล่เคอร์ฟิวชาวปาเลสไตน์จำนวน 180,000 คนเพื่อให้ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอิสราเอลสามารถเข้ามาเฉลิมฉลองในเทศกาลวันหยุดของชาวยิวได้อย่างปลอดภัย และแน่ใจว่าไม่มีชาวปาเลสไตน์คนใดที่จะออกจากบ้านมาได้
แค่มีเสียงสัญญาณเคอร์ฟิว คุณก็จะเห็นความวุ่นวาย ทหารจะถือปืนเต็มถนน ผู้คนจะปิดร้านของตนวิ่งกลับบ้านเพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนเมื่อเคอร์ฟิวเริ่ม คุณจะไม่สามารถไปที่อื่นได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออยู่ในบ้าน เมื่อถึงเวลาเคอร์ฟิวทางการจะสั่งยิงใครก็ตามที่ออกมาจากที่พัก คำสั่งนี้เรียกว่า “Shoot to Kill”
ผมยังไม่เคยต้องลงมือฆ่าใคร แต่คำสั่งนั้นมาพร้อมกับอำนาจที่จะปลิดชีวิตใครก็ได้ และนั่นทำให้ผมรู้สึกสับสนมาก ผมไม่แน่ใจว่าผมพอใจกับอำนาจที่อยู่ในมือหรือไม่ อีกใจผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไมเด็ก ๆ มองผมด้วยความหวาดกลัว ทำไมพวกเขาต้องวิ่งหนีเวลาเห็นพวกเราบนถนน ก่อนที่จะเข้าประจำการ ผมเคยเป็นครูมาก่อน ผมรักเด็ก ๆ และนั่นทำให้ผมเริ่มสงสัยว่าทำไมเด็ก ๆ ถึงหวาดกลัวผมนัก แต่พอมองย้อนกลับไปผมก็เห็นตัวเองอยู่ในชุดทหารพร้อมอาวุธครบมือ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ตระหนักเรื่องนี้เลย
ผมเริ่มเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าหน้าที่ของผมคือการดำรงรักษาระบบการปกครองแบบแบ่งแยกและเหยียดผิวเหยียดเชื้อชาตินี้ไว้ ก่อนหน้านั้นผมเพียงเข้าใจเรื่องสิทธิที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวมี และชาวปาเลสไตน์มี ผมเข้าใจได้ว่าผมไม่สามารถแตะต้องชาวยิวได้ ถ้าเขากำลังทำร้ายชาวปาเลสไตน์
สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้คือโทรหาตำรวจท้องที่ให้เข้ามาจัดการ ดังนั้นชาวยิวที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่พวกนี้มีสิทธิเหมือนกับที่ผมมีตอนที่ผมอยู่ในเยรูซาเล็ม แต่ชาวปาเลสไตน์ที่อยู่ใกล้ ๆ บางครั้งอยู่ในอพาร์ตเมนท์ใกล้เคียงกันนั้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของทหาร และผมจะทำอะไรกับพวกเขาก็ได้
1
ผมสามารถไปยึดบ้านของพวกเขามาเป็นฐานกำลังของทหารก็ได้ ผมสามารถจับพวกเขามัดไว้ก็ได้ ผมสามารถสั่งให้รื้อถอนบ้านของพวกเขา หรือเพียงแค่ล็อคประตูหน้าบ้านไว้ไม่ปล่อยให้พวกเขาออกไปใช้ถนนที่ห้ามชาวปาเลสไตน์ใช้ และชาวปาเลสไตน์ก็ต้องปีนหน้าต่างออกไป หรือเดินทางสนามหลังบ้านเพื่ออ้อมไปใช้เส้นทางอื่น
การที่ผมได้ตระหนักสิ่งนี้ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามีใครบางคนโกหกเราอยู่ ผมไม่รู้สึกว่าผมกำลังปกป้องใคร ผมไม่ได้รู้สึกว่ากำลังทำให้ใครรู้สึกปลอดภัย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเส้นแบ่งระหว่างความดีความชั่วที่ผมเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ และผมก็อยู่ในฝ่ายของความดีนั้นขาดสะบั้นลง ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นผู้ก่อการร้าย เพราะแท้จริงภารกิจของเราคือการปลูกฝังความกลัวไว้ในใจชาวปาเลสไตน์เพื่อไม่ให้พวกเขาคิดต่อต้านผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวหรือกองทัพอิสราเอล
ก่อนหน้านั้นผมเคยหมกมุ่นอยู่กับความพยายามที่จะเข้าใจฝ่ายนาซีในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พยายามทำความเข้าใจทหารนาซีที่ตื่นแต่เช้าจูบลูก ๆ ของเขา กอดภรรยาของเขา แล้วออกไปทำหน้าที่ในค่ายกักกันชาวยิว ผมไม่เข้าใจว่าเขาทำได้อย่างไร แต่เมื่อผมเข้าไปในเขตยึดครองปาเลสไตน์ เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจว่าทหารนาซีทำได้อย่างไร
แน่นอน มีความขัดแย้งอยู่ในตัวคุณในฐานะมนุษย์ แต่คุณสามารถทำงานของคุณได้ทั้งที่เป็นสามีที่น่ารักของภรรยา เป็นพ่อที่น่ารักของลูก ในขณะเดียวกันก็ใช้ระบอบการปกครองที่กดขี่แสนสาหัสกับประชาชนที่กำลังจะตายไม่ใช่แค่จากกระสุนของคุณเท่านั้น แต่ตายจาการขาดอาหาร จากภาวะซึมเศร้า หรือความเจ็บป่วยเหมือนที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา
ความรู้สึกเหล่านี้กระตุ้นให้ผมคิดว่าต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะผมรู้ว่าไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงจากข้างในได้ คุณต้องเดินออกมาและบอกกล่าวสิ่งเหล่านี้ได้โลกได้รับรู้ นั่นเป็นเพียงหนทางเดียวที่ชาวปาเลสไตน์รวมทั้งผมด้วยจะมีชีวิตอยู่ได้
ผมไม่ได้อยากอยู่ในสังคมที่เห็นค่าชีวิตของยิวมากกว่าชีวิตอื่น ผมอยากให้ลูกผมเกิดมาในสังคมที่เขาไม่ต้องกดขี่ข่มเหงใคร นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ผมต้องออกมาทำในสิ่งที่ผมกำลังทำ
หลังออกจากกองทัพผมยังคงรู้สึกว่าสิ่งที่ผมกำลังเผชิญอยู่เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ผมรู้ว่าผมกำลังถูกหลอก แต่ก็ยังไม่คิดว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่เกิดในวงกว้าง แต่เมื่อออกจากกองทัพและผมเริ่มต้นสัมภาษณ์ทหารในเขตเวสต์แบงค์อย่างจริงจัง ทำให้ผมทราบว่ามีการกดขี่อย่างเป็นระบบเกิดขึ้นจริงในเขตยึดครอง
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทางศาลออกกฎหมายห้ามใช้อาวุธทำร้ายชาวปาเลสไตน์เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่ทหารอิสราเอลยิงชาวปาเลสไตน์มือเปล่าและเป็นข่าวดังไปทั่ว
ทางกองทัพเลยเปลี่ยนวิธีการโดยมีคำสั่งว่าถ้าจะทำอะไรให้ทหารอิสราเอลไปกันเป็นกลุ่ม เข้าไปในบ้านของชาวปาเลสไตน์ในเวลาเที่ยงคืนแบบเงียบ ๆ ขึ้นไปในห้องนอนแล้วเอาปืนจ่อที่หัว หากเขาตื่นขึ้นมาแล้วส่งเสียงร้อง ขัดขืน หรือขยับมือ ขยับผ้าห่ม เราสามารถยิงที่หัวเขาได้ทันที
1
วิธีการนี้เป็นการข้ามขั้นตอนทางกฎหมายไปได้เพราะเป็นการลงโทษผู้ขัดขืนเจ้าหน้าที่ และแน่นอนโดยธรรมชาติย่อมไม่มีมนุษย์คนใดตื่นขึ้นมาตอนกลางดึกโดยมีปืนจ่ออยู่ที่หัวแล้วจะไม่ตกใจ ไม่ส่งเสียงร้อง ไม่ขยับตัว และนี่เป็นสิ่งที่รู้กันในกองทัพว่าพวกเขาสามารถทำเช่นนั้นได้ และการใช้วิธีการลงโทษแบบนี้เกิดขึ้นได้กับชาวปาเลสไตน์ทุกคน ด้วยสาเหตุอะไรก็ได้เพราะถือว่าเป็นการจัดการกับผู้ก่อการร้าย
2
ในอิสราเอลมีการส่งเสริมความคิดที่ว่าทหารมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ความปลอดภัย ศักดิ์ศรี ความรู้สึก และทุกอย่างของทหารอิสราเอลนั้นมีความสำคัญมากว่าชีวิตของชาวปาเลสไตน์ การที่เราเห็นคนอิสราเอลออกไปเดินขบวนเพื่อสนับสนุนทหารให้ลงโทษชาวปาเลสไตน์นั้นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสำหรับอิสราเอลแล้วทหารจะทำอะไรในเขตยึดครองก็ได้ สิ่งที่ทหารหรือตำรวจทำถูกต้องเสมอ
ไม่เหมือนในอเมริกาที่มีการออกมาประท้วงการกระทำที่ไม่ถูกต้องของตำรวจ ในอิสราเอลไม่เป็นเช่นนั้น วัฒนธรรมภายในกองทัพอิสราเอลส่งเสริมความรู้สึกต่อต้านชาวอาหรับและการเหยียดเชื้อชาติโดยพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ในกองทัพเท่านั้น จริง ๆ แล้วชาวอิสราเอลเติบโตขึ้นมาในระบบการศึกษาที่สอนให้เชื่อว่าคนอาหรับทุกคนเกลียดยิว และแท้จริงแล้วชาวอิสราเอลกำลังทำตามคำสั่งของพระเจ้าในบทอมาเล็คในพระคัมภีร์ไบเบิลที่สั่งให้ฆ่าศัตรูคือชาวอมาเล็คในที่นี้คือชาวปาเลสไตน์ให้สิ้นซาก
ดังนั้นเมื่อเข้าสู่กองทัพคุณจะเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความกลัวในเวลาเดียวกัน คุณจะเห็นชาวปาเลสไตน์มีสถานะที่ต่ำกว่ามนุษย์ ปาเลสไตน์ในดินแดนที่ถูกยึดครองเปรียบเสมือนดินแดนนอกโลกเป็นดินแดนที่มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ที่นั่น
1
นี่เป็นกระบวนการคิดที่คุณถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ถูกบังคับใช้ภายในหลักสูตรติวเข้มทางทหาร และเมื่อคุณเข้าไปปฏิบัติหน้าที่คุณจะไม่เห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่อหน้าคุณเป็นมนุษย์อีกต่อไป เราจะไม่เห็นว่าเขายิ้ม เขาพูด เขาคิดหรือรู้สึกเพราะเขามีสถานะที่ต่ำกว่ามนุษย์
อิสราเอลสร้างความเชื่อที่ว่าคนปาเลสไตน์ไม่รู้จักวิธีการอื่นนอกจากการใช้กำลัง แต่จริง ๆ แล้วอิสราเอลนั่นแหละที่รู้จักแต่วิธีการใช้กำลังใช้อำนาจ ไม่ว่าชาวปาเลสไตน์จะพยายามมากแค่ไหนในการต่อรองด้วยวิธีทางการทูตอื่นใด พวกเขาจะประสบกับการโต้กลับของอย่างรุนแรงจากอิสราเอลเสมอ จะมีการเพิ่มการกดขี่ข่มเหงเสมอ จะมีการยึดครองดินแดน มีการปล้นที่ดิน รื้นถอนทำลายบ้านของชาวปาเลสไตน์ และสร้างที่อยู่อาศัยของชาวยิวเพิ่มขึ้นเสมอ
อิสราเอลจะเรียกการต่อสู้ทุกรูปแบบของชาวปาเลสไตน์ว่าเป็นการก่อการร้ายเสมอ อิสราเอลจะไปฟ้องยูเอ็น จะไปฟ้ององค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ ว่าชาวปาเลสไตน์กำลังทำการก่อการร้าย เพราะวิธีเดียวที่ผู้ยึดครองจะดำรงอยู่ได้คือการทำให้ดูเหมือนว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจากการคุมคาม ดังนั้นจึงต้องสร้างดินแดนที่มีแต่คนยิวเท่านั้น อาจจะมีชาวปาเลสไตน์มาทำงานเป็นลูกจ้าง ทำงานให้เราได้บ้าง แต่นี่คือดินแดนของอิสราเอลเท่านั้น
สิ่งที่คนอาจไม่รู้ก็คืออิสราเอลจะสร้างสถานการณ์ให้เหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อเพื่อให้มีเหตุที่ต้องออกมา “ป้องกันตนเอง” เสมอ เราจะสร้างแรงกดดัน จะกดขี่ชาวปาเลสไตน์ให้ถึงที่สุด จนกระทั่งพวกเขาไม่ทางเลือกอื่นใดนอกจากการออกมาต่อต้าน ความจริงคืออิสราเอลไม่เคยสนใจแนวทางทางการทูต ไม่เคยสนใจการเรียกร้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์
1
คนมักมองเรื่องของปาเลสไตน์ว่าเป็นเรื่องสลับซับซ้อนตลอดเวลา แต่จริง ๆ แล้วมันคือเรื่องที่เรียบง่ายที่สุดนั่นคือเรื่องของสิทธิที่เท่าเทียมกัน เรื่องสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะมนุษย์ และผมก็สนับสนุนสิทธิในการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์และมนุษย์ทุกคนที่ถูกกดขี่ว่าเขามีสิทธิที่จะต่อสู้เพื่อปลดแอกตัวเองได้ในทุกหนทางที่เป็นไปได้ ผมไม่เชื่อว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะยึดครองมนุษย์คนอื่นเป็นล้าน ๆ คนโดยที่พวกเขาไม่มีแม้แต่สิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะมนุษย์
และผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะเปลี่ยนจากภายใน ตลอดมาในประวัติของมนุษยชาติยังไม่มีกลุ่มชนใดที่มีอำนาจครอบครองมนุษย์คนอื่นที่จะตัดสินใจยอมสละอำนาจของตัวเอง แต่มาจากการจำใจต้องทำ อาจด้วยการต่อสู้ของผู้ที่ถูกกดขี่หรือการเข้ามาแทรกแซงของอำนาจภายนอก
และถึงแม้ผมจะสนับสนุนการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ในทุกรูปแบบ แต่ผมมองว่าการต่อสู้ของพวกเขาอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ผมเชื่อว่าคนทั้งโลกต้องเข้ามาแทรกแซง เราไม่มีทางทำอย่างอื่นได้เลยนอกจากให้สิทธิที่เท่าเทียมกับชาวปาเลสไตน์โดยเริ่มการสร้างรัฐใหม่ที่มีระบบที่ให้ความเท่าเทียมกันกับมนุษย์ทุกคน
1
แปลและเรียบเรียงโดย
ผศ.ดร.สุรัยยา สุไลมาน
คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
โฆษณา