16 ม.ค. เวลา 08:57 • ไลฟ์สไตล์

เวียนมาที่เวียนนา ( Vienna , Austria )

เพราะคิดถึงจึงมาหา
กรุงเวียนนาที่น่าฉงน
สรรพสิ่งงดงามยามได้ยล
ดังต้องมนต์ดลใจให้มาเยือน
มาอีกแว้ววว เวียนมาหาเวียนนา อีกสักครา เมื่อครั้งที่แล้วแบคแพคมา ก็ตอนซีเรียอพยพพอดี จำได้ว่า นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเวนิส ข้ามเทือกเขาแอลป์มา ผ่านชายแดนเยอรมัน ตรงมิวนิค และต้องมาเปลี่ยนรถไฟที่สถานีชายแดน การกะเวลาตอนนั้นมันดีมากๆ แบบว่าจะไปถึงเวียนนาก็ไม่เกินหกโมงเย็น อพาร์ทเม้นท์ที่จองก็อยู่ใกล้สถานี เดินไม่เกิน 5 นาที แหม ดูดีทีเดียว
แต่ความจริง คือ ทางการเขาเอาขบวนรถไฟที่เราจะเดินทาง ไปให้พวกซีเรียอพยพ ใช้ลำเลียงไปที่เวียนนา ก่อน
ทำไงล่ะ ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลยเรา ประมาณ สองทุ่มถึงสถานีที่เปลี่ยนรถไฟ มันโหวงเหวงมาก สถานีไม่มีใครเลยนอกจากเราสองคน และเจ้าหน้าที่ ประจำสถานี คนสองคนมั้ง เราเดินไปมา ร้านรวงปิดหมด พอเดินลงไปชั้นใต้ดิน พบกลุ่มซีเรียอพยพรวมกันข้างล่าง มีทหารเยอรมันหนุ่มๆ ถือปืนยาวเฝ้าอยู่ ทำให้บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาทันใด เราขึ้นมาด้านบน ตัดสินใจเดินไปรอรถไฟขบวนถัดไปที่ด้านนอก พอดีเห็นนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ สองคนชายหญิง เราจึงถามไถ่จึงได้ความว่า ขบวนถัดไปที่จะมานั่นแหละจะเข้าเวียนนานา เฮ้อ ค่อยดีหน่อย
ในไม่ช้าก็เดินทางถึงเวียนนา กว่าจะถึงก็ปาไปสามทุ่มกว่า ไอ้อพาร์ทเม้นท์ที่ว่าเดินง่ายกลายเป็นยากซะงั้น เขาปิดประตูเลยอ้ะ ติดต่อได้แต่อีเมลเท่านั้น กว่าจะติดต่อได้ก็ลำบาก สมัยนั้น ไม่มีซิมข้ามประเทศ มีแต่พอคเก็จไวไฟ พอดีได้พนักงานสาวน้อยที่ร้านไก่ทอดโทรติดต่อให้แม่บ้านมาเปิดให้เข้าไป เขาใจดีจึงให้ค่าตอบแทนเขาพอควร
คราวนั้น ห้องพักเป็นเพนท์เฮาส์ซะด้วย ได้ที่พักทั้งชั้นเลย มีห้องพัก ห้องแพนทรี ห้องครัว ห้องรับแขก ห้องน้ำ แบบดูดีเลยทีเดียว
แต่ที่แน่ๆ สถานีรถไฟเต็มไปด้วยพวกอพยพชาวซีเรีย ทางการกางเต๊นท์หน้่สถานีให้นอน และภายในสถานีก็นอนกันระเกะระกะ เรานี่ อายเลย ไอ้เราน่ะมาเที่ยว แต่พวกเขาหนีสงครามมา มันต่างกัน เฮอ สงครามไม่มีคำว่าดี เลย แต่ทำไมํ สงครามยังมีอยู่คู่มนุษยชาติเสมอมา อย่างน้อย ก็รู้ว่าคนซีเรียที่พบวันนั้นก็มีน้ำใจ ตอนที่เราติดต่อทางอพาร์ทเม้นท์ไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะระบบไม่ยินยอม เราเดินไปหาทหารหนุ่มที่ถือปืนยาวเดินเวรยามอยู่หน้าสถานี เขาก็พูดอังกฤษไม่ได้ และไม่มีทีท่าว่าจะให้ความร่วมมือ
พอเดินมาได้หน่อย เห็นชายคนหนึ่งกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่คิดว่าเขาน่าจะให้ความช่วยเหลือได้ ก็จริงดังคาด เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้อพยพซีเรีย เขายินดีส่งเ ล์ให้เรา แต่เขาบอกว่าทางการห้ามโทร เราก็ขอบใจที่เขามีน้ำใจ แต่ไม่ได้ให้เขาส่งเมลให้ นับว่าเขามีน้ำใจช่วยเหลือจริงๆ หลังจากนั้นได้สาวน้อยร้านไก่ทอด นี่แหละที่ช่วยโทรให้ตามที่บอกไป
เอาละ มาคราวก่อนยังเว้าวอน อย่ากระนั้นเลย เรามาเยือนอีกครา คราวนี้ไปไหนมั่ง ไปกันเถอะ
อาคารรัฐสภา เราเดินไปชม เห็นกลุ่มเด็กอนุบาล ครูพามาชมเหมือนกัน แต่วันนี้ไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะมีการประท้วง พวกหนูๆ ต้องถอยออกมา น่าเห็นใจ เราก็ด้วย ไม่ได้เข้าชมเช่นกัน จึงถ่ายภาพภายนอก แล้วออกมา
เด็กเล็กมาเยี่ยมชมรัฐสภา
ต่อมาเดินไปชมอนุสาวรีย์ โมสาร์ท นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ แต่อาภัพ สร้างชื่อเสียงโด่งดังด้วยอัจฉริยภาพทางดนตรี แต่ต้องจากไปด้วยวัย35ปี และปิดฉากชีวิตอย่างเงียบเหงา แม้การฝังศพก็ไม่มีญาติมาสักคน แล้วเป็นไง รอให้ตายก่อนค่อยดัง ปัจจุบันมีคนระลึกถึงทั้งโลก มีทั้งอนุสาวรีย์ มีทั้งบ้านโมสาร์ท ให้เยี่ยมชม มีเสียงเพลงกล่อมชาวโลกให้หลงใหล อยู่ทุกวี่วัน
คราวก่อนได้เข้าเยี่ยมชมบ้านของโมสาร์ทแล้ว คราวนี้จึงไม่ได้แวะไป มาถ่ายรูปอนุสาวรีย์เป็นที่ระลึก ด้วยเวลาจำกัด การเดินทางใกล้สิ้นสุด จะกลับบ้านจากสนามบินออสเตรียเนี่ยแหละ
เดินไปเรื่อยๆ เลย เดี๋ยวไปย่านช็อบปิ้งกัน
เดินไปถนนชอบปิ้ง Karntner Strasse
เขาว่าถนนนี้เป็นย่านช็อบปิ้งที่ยาวที่สุดในยุโรปเทียว ก็น่าจะจริง เดินกันจนเหนื่อย
รถบริการนำเที่ยวและรถม้า
แล้วเราก็เข้าชม มหารวิหารเซนส์ สตีเฟน (St.Stephan’s Cathedral ) ชมความสวยงามภายใน แต่ภายนอกนั้นบางส่วนเขากำลังซ่อมแซม
บอกแล้วว่าเวียนมาที่เวียนนา คราวที่แล้วมาก็ไปเยี่ยมชมหลายที่แล้ว เช่นพระราขวังเชินบรุนน์ อาคารโอเปร่า อาคารรัฐสภา สวนสาธารณะฯ แต่คราวนี้แค่เวียนมา ละมีเวลาไม่มากนัก เพราะสมควรแก่เวลาเดินทางกลับบ้าน ได้ซื้อขนม ช็อคโกแลต เมล็ดกาแฟ และพวกวิตะมินเม็ดฟู่ต่างๆ จริงๆ แล้ววิตะมินเม็ดฟู่นี้ควรซื้อที่เยอรมันจะถูกกว่ามาก ตกหลอดละ25บาท คิดเป็นเงินไทย เท่านั้นแต่เราไม่อยากแบก มาซื้อที่เวียนนาราคาตกหลอดละ 35บาท ก็ยังถูกกว่าบ้านเราละ เอาน่ะ ซื้อติดไปสักหน่อย
ของที่ซื้อรวมๆ กัน จากโน่นมั่ง นี่มั่ง พอหอมปากหอมคอ ให้รู้ว่า ซื้อจากแหล่งนะ แหะๆ แล้วงานเลี้ยงก็เลิกลา เจอกันทริปหน้านะ อย่าลืมติดตามมานะคะ….
โฆษณา