ศิษย์ได้ดีเพราะมีครู ตำนานถูกสร้างจากยอดคน
ในช่วงที่เรือของต่างชาติได้มารุกรานญี่ปุ่นก็ใช่ว่ารัฐบาลโตกุกาวะจะนั่งงอมืองอเท้าให้โดนรังแกอยู่ฝ่ายเดียว ทางรัฐบาลก็ได้ลงทุนในการศึกษาเทคโนโลยีและวิวัฒนาการของต่างชาติควบคู่กันไปด้วย หนึ่งในวาระแห่งชาติของรัฐบาลก็คือการมีเรือรบสมัยใหม่ให้ได้ ว่าง่ายๆ คือญี่ปุ่นเองก็ต้องมีเรือดำเป็นของตัวเองและคนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างกองทัพเรือสมัยใหม่ให้ญี่ปุ่นก็คือคัตสึ รินทาโร่ คนนี้นั่นเอง
แม้จะเกิดในตระกูลซามูไรเล็กๆ แต่ด้วยความสนใจในวิทยาการตะวันตกและความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษและภาษาดัตช์ ทำให้รินทาโร่ได้กลายเป็นคนสำคัญของรัฐบาลในฐานะล่ามที่ต้องอยู่ในทุกการเจรจากับต่างชาติ ในปีเดียวกับที่นายพลเพอรี่มาเยือนญี่ปุ่นทางรัฐบาลก็ได้ดำเนินการต่อเรือดำลำแรกของญี่ปุ่นโดยสั่งจากอู่ต่อเรือของฮอลแลนด์ ซึ่งเรือลำนี้เป็นเรือดำลำแรกของญี่ปุ่นมีชื่อว่า คันรินมารุ
ต่อมาทางรัฐบาลเองได้สร้างศูนย์ฝึกเรือรบขึ้นที่เมืองนางาซากิเพื่อเรียนรู้การเดินเรือดำและก็มีคัตสึ รินทาโร่เป็นผู้บังคับการศูนย์ฝึกแห่งนี้ ด้วยความสามารถอันนี้เองทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้นำในการคณะทูตชาวญี่ปุ่นเดินทางด้วยคันรินมารุไปที่สหรัฐอเมริกาในปี 1860 นับเป็นครั้งแรกที่ชาวญี่ปุ่นได้เดินทางมาเยือนโลกตะวันตก
ในช่วงที่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา รินทาโร่ก็ได้ศึกษาเทคโนโลยีของฝรั่งควบคู่กันไปด้วย เขาต้องการนำองค์ความรู้นี้มาสร้างประเทศญี่ปุ่นให้ทันสมัยมากขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่าการจะรับมือกับต่างชาติได้มีอยู่แค่ทางเดียวคือญี่ปุ่นต้องรับเทคโนโลยีและวิทยาการจากต่างชาติเพื่อทำประเทศให้ทันสมัยทัดเทียมกับชาติตะวันตกได้ แนวคิดนี้ออกจะสุดโต่งไปสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการขับไล่ต่างชาติที่มีอยู่มากมายในตอนนั้น
แต่ผลลัพธ์ที่เห็นในทุกวันนี้ก็ต้องบอกว่าวิสัยทัศน์ของคัตสึ รินทาโร่นั้นถูกต้องทุกประการ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบกับเพื่อนบ้านอย่างต้าชิงที่สนับสนุนกบฏนักมวยในการขับไล่ต่างชาติสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เสียหายหนักกว่าเดิมเสียอีก
แม้ชื่อเสียงของคัตสึ รินทาโร่ ถูกพูดถึงในทางที่ไม่ค่อยดีในกลุ่มคนต้องการขับไล่ต่างชาติแต่เรื่องของการทำประเทศให้ทันสมัยเป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามาถึงหูเรียวมะซึ่งดูแล้วเป็นแนวทางที่ดีกว่าการไปจับดาบฆ่าฝรั่งหรือไปเผาสถานทูตแน่ๆ นี่ทำให้เขาเดินทางมายังเอโดะและใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับสำนักดาบชิบะในการเข้าพบกับคัตสึ รินทาโร่
เรียวมะได้ฟังถึงแนวคิดการพัฒนาประเทศให้ทันสมัย (Modernize) ของรินทาโร่และประทับใจมากจนขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของรินทาโร่ ในเวลาที่เรียวมะได้มาเจอกับอาจารย์ของเขานั้นเป็นเวลาเดียวกับที่รินทาโร่กำลังจะสร้างศูนย์ฝึกควบคุมเรือรบที่โกเบอยู่พอดี
ในศูนย์ฝึกเรือรบที่หมู่บ้านโกเบทมีซามูไรมากมายจากแคว้นต่างๆ มาฝึกฝนวิชาเดินเรือ เรียวมะกลายเป็นศิษย์เอกของอาจารย์โดยได้รับเลือกจากเพื่อนๆ ให้เป็นหัวหน้านักเรียน รินทาโร่ได้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่เขาเรียนรู้มาจากสหรัฐอเมริกาให้กับเหล่านักเรียนชุดนี้เพราะสิ่งที่รินทาโร่มองว่าญี่ปุ่นขาดแคลนอยู่มากไม่ใช่อาวุธที่ทันสมัยแต่ขาดคนที่ใช้มันเป็นต่างหาก
ศูนย์ฝึกเรือรบนี้จะเป็นที่สร้างนักเดินเรือรุ่นใหม่ๆ ที่จะมาช่วยให้ญี่ปุ่นสามารถพัฒนากองเรือของตัวเองได้อนาคต โดยที่มีคนสำคัญอีกคนหนึ่งช่วยสร้างฝันของรินทาโร่ให้เป็นจริงนั่นคือ จอน มันจิโร่
จอน มันจิโร่ ถึงชื่อจะเป็นฝรั่งแต่ก็เป็นคนญี่ปุ่นร้อยเปอเซ็น เขาเป็นชาวประมงจากโทสะบ้านเดียวกับเรียวมะที่เรือแตกกลางทะเลแล้วมีเรือล่าวาฬของอเมริกามาช่วยชีวิตไว้เลยได้ไปอาศัยอยู่บนเรือเพื่อทำงานและศึกษาเรื่องราวของฝรั่งแล้วก็เลยได้ชื่อฝรั่งไปด้วย หลังจากอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลาหลายปีเขาก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งและเดินทางกลับมายังโทสะบ้านเกิด
จอน มันจิโร่
เมื่อกลับมาถึงจอนได้เป็นคนสำคัญของรัฐบาลทันทีและยิ่งเมื่อมีเรือดำของเพอรี่เข้ามาแล้วความรู้เรื่องตะวันตกของเขาก็กลายเป็นของที่มีค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลโดยจอนได้เป็นหนึ่งในคณะล่ามของรัฐบาลในการเจรจาสัญญากับเพอรี่ และในปีที่รินทาโร่เดินทางไปสหรัฐอเมริกาก็ไม่พลาดที่จะหนีบเอาจอนเดินทางไปด้วย ถ้านับกันทั้งญี่ปุ่นแล้วตอนนี้คนที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งในการเดินเรือดำต้องยกให้จอน มันจิโร่คนนี้
การเรียนรู้ถึงเทคโนโลยีตะวันตก แนวคิดเรื่องการทำประเทศให้ทันสมัย และวิชาการเดินเรือ ทั้งสามสิ่งนี้จะหล่อหลอมรวมเป็นหลักปรัชญาของซากาโมโตะ เรียวมะ ที่จะทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคใหม่ได้อย่างในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ต้องบอกได้ว่าเรียวมะโชคดีที่ได้อาจารย์ที่ดี และชื่อของเรียวมะจะกลายเป็นตำนานไปไม่ได้เลยถ้าไม่มียอดคนที่มีวิสัยทัสน์ก้าวหน้าอย่างคัตสึ รินทาโร่
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
