21 ม.ค. เวลา 05:12 • ไลฟ์สไตล์

ไปอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ EP1

ใกล้ปีใหม่ ไปไหนดี เอาแบบว่า เดินทางไม่ไกล ได้ความรู้ และสบายใจในการเดินทาง ไม่ต้องห่วงรถติด และแย่งกันซื้อของกิน งั้น เราไปอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพกัน…
บนเส้นทางข้างหน้ายามฟ้าสาง
กับแถบทางส้มอ่อนช้อนเมฆใส
อีกแนวนาเขียวละอ่อนฟ้อนแกว่งไกว
และลมไล้ก้ามปูอยู่ริมทาง
ดูแดดแดงแฝงมะพร้าวเมื่อคราวฝน
พระรับนิมนต์คนใส่บาตรเห็นอยู่บ้าง
ละอองหมอกลอยคล้ายไฟไหม้ฟาง
สองฟากฝั่งสวยงามตามเห็นจริง
มาถึง ณ อุทยานประวัติศาสตร์
มนุษยชาติย้อนรำลึกถึงบางสิ่ง
“ศรีเทพ” หัวเมืองเก่าเล่าว่าจริง
ที่เคยยิ่งใหญ่ใกล้กับเพชรบูรณ์
บริเวณภายในอุทยานฯ
กรมพระยาดำรงฯทรงค้นว่า
ลุ่มป่าสักน้ำนั้นเมืองหนึ่งสูญ
ระหว่างชัยบาดาลกับเพชรบูรณ์
หากมีมูลเพราะพบของโบราณ
เขาคลังในอายุราว 1400ปี
จึงสัณนิษฐานสถานที่แห่งนี้
ว่า“ศรีเทพ”เมืองเฟื่องสถาน
นับสองพันกว่าปีที่เนานาน
มีหลักฐานร่องรอยของชุมชน
จึงดำเนินผ่านคันคูดิน
เห็นทั้งสิ้นเขตขัณฑ์ตามกล่าวกร่น
เมืองชั้นนอกรายรอบเป็นขอบวน
รูปกลมมนเส้นผ่ากลางประมาณไมล์
คนแคระแบกฐานที่เขาคลังใน มี 5หน้า
เหลี่ยมผืนผ้าต่อกับเมืองชั้นใน
เหลือกลับกลายแต่เสายืนต้นให้
มีเสมาตระหง่านอยู่ประปราย
กับลวดลายทับหลังกรอบประตู
จำหลักรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตี
กำหนดที่พุทธศตวรรษสิบเจ็ดได้
รูปแบบปาปวนนครวัดตอนปลาย
แสดงให้เห็นรุ่งเรืองกระเดื่องนาม
ทับหลังพระอิศวรอุ้มนางปารพตีงดงามสมบูรณ์มาก
ที่รายรอบขอบขัณฑ์นั้นโบสถ์ก่อ
มีรูปหล่อศิลาแลงดูแกร่งกร่ำ
จตุรัสรับมาจากศาสนาพราหมณ์
ตามสถาปัตยกรรมงามเนื้อใน
ก้มลงกราบบังคมอาเศียรวาท
ณ เบื้องบาทบุษบงที่ทรงไว้
กับน้อมจิตจดจารสถานใน
รำลึกได้อลังการโบราณเนา
โบสถ์โดยรอบ และบ่อน้ำโบราณ
เหมือนย้อนรอยกลับมาหาอดีต
ดังชีวิตเกิดดับได้คล้ายสุขเศร้า
เมื่อผ่านสุขผ่านโศกแห่งโลกเรา
คือเศษเถ้าธุลีเหลือเผื่อให้ชม
ตะวันเคลื่อนคล้อยตอนค่อนบ่าย
เราเคลื่อนย้ายจากพินิจดังจิตสม
กับปลาบปลื้มได้ถวายกายบังคม
เต็มชื่นชมเมืองเก่าเราชื่นใจ.
**บทกลอนนี้เขียนไว้เมื่อคราวมาเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพคราก่อน***
การขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์และช้างโบราณ อายุ 1700ปี
การเดินทางเริ่มตอนเช้าของวันก่อนปีใหม่ รถไม่ติดเพราะผู้คนเดินทางล่วงหน้ากันไปก่อนแล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปแย่งเดินทางกับใครนี่นะ เพราะ เราเป็น Full Time Traveller แล้ว จะไปไหนมาไหนเวลาไหนก็ไม่กังวล
อันที่จริงยังพอมีเวลา การเดินทางถึงอุทยานศรีเทพนั้น ใช้เวลาประมาณ 4 ชม จากกรุงเทพฯ แต่เนื่องจากเดินทางแต่เช้า จึงได้แวะชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ก่อนปะไร
เขื่อนป่าสักฯยามแดดแดง
แบบว่าอากาศร้อนได้ใจเลยแหละ เราซื้อบัตรขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่พาชมรอบสันเขื่อน ความยาว 4 กม กว่า มีมัคคุเทศน์เด็กนักเรียน คอยให้คำอธิบายตลอดทาง เขื่อนนี้ให้ประโยชน์แก่ประชากรสองจังหวัด คือลพบุรี สระบุรี มีพื้นที่แสนกว่าไร่ แต่ให้ประโยชน์แก่ประชากรโดยรอบมากมาย มีพันธุ์ปลาน้ำจืดหลายชนิด และนำน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย
พอสมควรแก่เวลา ก็เดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพดังตั้งใจ เคยไปเยือนมาแล้ว แต่ครั้งนี้ หลังจากได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้แล้ว จะไปชมเขาคลังในที่เขาเพิ่งขุดพบ
เมื่อมาถึงก็บ่ายคล้อย ยังพอมีเวลาเดินชม เขาคลังใน ที่มีลักษณะเป็นฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เรียงศิลาแลงเป็นแนวขึ้นไปถึงยอด ที่ฐานนั้นมีรูปปั้นคนแคระแบกฐานไว้ มีหลายหน้า เช่นช้าง สิงห์ ลิง มีท้องใหญ่ แขนขาสั้น แยกขาชันเข่า ยกไหล่สูง ใส่ต่างหูใหญ่ กล่าวกันว่าเป็นศิลปะแบบฮินดู ตรงฐานนี่แหละยังมีลักษณะคนแคระชัดเจนอยู่หลายตนทีเดียว
อันว่าปราสาทศรีเทพนี้ อยู่ในยุคเดียวกับ ปรสาทเมืองคูบัว จ.ราชบุรีเทียว ลักษณะการสร้างเช่นเดียวกัน
เขาคลังในในยุคนั้น ตั้งอยู่กลางเมือง มีคูคันดิน บ่อน้ำล้อมรอบ มีลักษณะบริหารจัดการน้ำ และการเพาะปลูก จึงเป็นเสมือนศูนย์กลางของเมือง
เมื่อมาถึงนั้น อุทยานประวัติศาสตร์ถูกปรับเปลี่ยนให้มาตรฐานมากขึ้นไม่เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่เรามาเยี่ยมชม หลายปรลีแล้วละ ครั้งนั้นพอจอดรถด้านหน้า ก็เดินเข้าชมโบราณสถาน เห็นปรางค์สองพี่น้อง เห็นทับหลังที่สวยงาม
มาครั้งนี้ หลังจากได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว เขาจัดระเบียบ ให้มีที่จอดรถกว้างขวาง มีการจำหน่ายบัตร และ ห้องสุขาเป็นระเบียบ อีกทั้งจัดรถนำชม มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายพอสังเขป ว่าตรงนี้เป็นอะไร ตรงโน้นเป็นอะไร แต่เขาจะจอดรถส่งเราให้เดินชมเอง ตินิดหนึ่งตรงรถไมส่งเราถึงตึกที่ค้นพบโครงกระดูกโบราณ 1700ปี เพราะเราต้องเดินไกลหน่อย แต่ก็นะ มาถึงแล้ว ต้องไปชมกัน
ก็ตามรูปเลย มีโครงกระดูกช้างโบราณ และโครงกระดูกผู้หญิง อายุ 1700ปี มีความสูงวัดได้ถึง 180 ซม แต่นั่นคือหัวจรดเท้าที่เหยียดยาว หากยืนตรงๆ อาจจะสูงไม่ถึง 180 ซม แต่ก็กว่า 170 ซม แหละ นับว่าผู้หญิงสมัยนั้น ตัวไม่เตี้ย รอบๆ มีพวกจานชามถ้วยไห คงบรรจุของมีค่า ใช้ฝังไปด้วยกัน สำหรับช้างนั้นคงเป็นช้างทรงของกษัตริย์ อันนี้เจ้าหน้าที่อธิบายให้ฟัง ไม่ได้มโนเอาเองดอก
ที่สำคัญๆ คือเขาคลังใน คูคันน้ำ และบ่อน้ำโบราณ โดยรอบเขาคลังใน การจัดวางลงตัว นับเป็นภูมิปัญญาคนสมัยนั้นเทียว ทำให้นึกถึงระบบขนส่งน้ำที่มีความสำคัญต่อการทำมาหากิน และเกษตรกรรม ลองนึกย้อนไปเมื่อสมัยนั้น การเป็นอยู่คงสบายๆ หมูมวลต้นไม้คงหนาทึบ ผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์ อืม อืม ความยิ่งใหญ่ของเมือง สยามเราคงเกิดขึ้นที่นี่แหละนะ ไม่ได้มาจากไหนดอกกระมัง
เราเดินมาดูปรางค์ศรีเทพ ปรางค์สองพี่น้อง มีทับหลังเกือบสมบูรณ์ รูปพระอิศวรอุ้มนาปารพตี สวยงามมาก และเดินชมบริเวณรอบ ๆ มีคูคัน รายล้อม เป็นแผนผังที่ทีระเบียบ
แล้วเราก็ย้อนออกมาอีกประมาณ 2 กม ไปชมเขาคลังนอก ซึ้งเป็นสถปทางวัฒนธรรมธวาราวดีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ขุดพบตั้งแต่ปี พศ 2555 เป็นรูปสี่เหลี่ยม กว้างยาวประมาณ 64 เมตรสูงประมาณ 20 เมตร การสร้างเป็นอิทธิพลของอินเดียตอนใต้ แบบเดียวกับบุโรพุทโธ ของอินโดนีเซีย
ยังมีอีกที่หนึ่งที่ยังไม่ได้ไปชม คือเขาถมอรัตน์ ซึ่งอยู่ห่างไปอีกประมาณ 20กม แต่วันนี้ไม่มีเวลาพอ ไว้คราวหน้ามาค่อยเยี่ยมชมใหม่
อย่างน้อยการมาเยี่ยมชมครั้งนี้ ทำให้เราเข้าว่า สยามเรามิได้มาจากไหนดอกหนา เราเกิดมาจากที่นี่เองแหละ มีมานานแล้ว ดั้งเดิมอยู่ที่นี่แหละ แต่อาจขาดหายไปบางช่วงบางตอน เราอยู่ละแวกนี้แหละ ลพบุรี สระบุรี เพชรบูรณ์ เลยไปถึงนครปฐม ราชบุรี ฯ อาณาบริเวณสยามนั้นกว้างไกลมาก ไม่ได้มาจากเทือกเขาอัลไตใดๆ อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ อิอิ
เกือบลืม ไอติมรูปคนแคระที่เขาจำหน่ายน่ะ อร่อยนะ ขอบอก !
เย็นย่ำตะวันรอน เราเดินทางต่ออีกประมาณ 130 กม เข้าเมืองเพชรบูรณ์ ไปหาที่พักเอาข้างหน้า ช่วงนี้ปีใหม่ ห้องพักเต็มหลายที่ แต่ก็ยังพอหาได้ พักก่อนคืนนี้ พรุ่งนี้ค่อยไปต่อ
โฆษณา