27 ม.ค. 2024 เวลา 23:42 • ปรัชญา

#อาการเห็นทุกข์ กับอาการจมอยู่กับความทุกข์ นี่ต่างกันไหม?

.. ต่างกันนะโยมนะ
"การจม" เหมือนเราตกอยู่ในน้ำ
มันจมอยู่..ทุกข์
ถ้าเราไม่มีสติสัมปชัญญะ
ประสบเรื่องทุกข์ ก็จมอยู่กับ
.. ความทุกข์ ความเครียด ความกังวล
.. ความเศร้า ความโศก ความพิไรรำพัน
.. ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรู้สึกผิด
.. ความโกรธ ความคับแค้นใจ
.. ความเกลียดชัง
.. ความอาฆาตพยาบาทต่าง ๆ
ก็จมอยู่กับสิ่งที่มันเป็นทุกข์
#แต่ถ้าเห็นทุกข์ล่ะ?
เห็นทุกข์นี่ไม่ได้จมนะโยม
ถ้าโยมจม โยมไม่เห็นหรอกนะ
เหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ ก็ไม่เห็นน้ำ
ต้องถอยออกมาก่อน
"การเห็นทุกข์" คืออาการ
ที่เรียกว่า มีสติสัมปชัญญะแล้ว
ถอยออกมา เห็นแล้ว
เห็นอาการของความทุกข์
ที่สภาพทุกข์ที่ก่อตัวขึ้นในกายในใจ
เห็นสภาวธรรมต่าง ๆ นั่นเองนะ
เพราะฉะนั้นอาการเห็น
มันไม่ใช่ อาการเป็นทุกข์นะ
มันเห็น เห็นอาการของความทุกข์
ของสิ่งที่ก่อตัวขึ้น
แต่ถ้าไม่มีสติสัมปชัญญะ
มันก็จมลงไป นี่จมลงไป..ทุกข์
เพราะฉะนั้นการกำหนด
ท่านถึงสอนให้ "ทุกข์กำหนดรู้"
ก็คือ เห็นมันนั่นเอง
จะเห็นได้ก็ต้องมีสติสัมปชัญญะ
มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่ มีจิตที่ตั้งมั่นอยู่
ก็จะเห็นอาการของความทุกข์ต่าง ๆ ที่ก่อตัวขึ้น
#เมื่อเห็นก็จะเกิดความรู้ความเข้าใจ
ทุกข์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตมันเป็นผล
ผลมาจากเหตุ
อยู่ ๆ ทุกข์ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอย ๆ นะ
มันมีที่มาที่ไป มีเหตุปัจจัยที่ทำให้ทุกข์เกิดขึ้น
เหตุปัจจัยที่ทำให้ทุกข์
ก่อตัวขึ้นในชีวิตของเรา
ที่ต้องประสบความทุกข์ต่าง ๆ
ก็คือ "ความไม่รู้" ที่เรียกว่า อวิชชา
ตัณหา ความทะยานอยากทั้งหลายทั้งปวง
.
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 25 ธันวาคม 2566
โฆษณา