26 ม.ค. เวลา 00:10 • นิยาย เรื่องสั้น

Secret Boss ตอนที่ 4 สมัครงาน

“คุณราชไปทำอะไรยังไงมาครับถึงถูกจับ”
เมื่อสมคิดได้ฟังความแล้วก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ สมคิดคุณหาทางพาผมออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ก็พอ”
ตอนสายของวันรุ่งขึ้นราเชนทร์ก็ได้ออกมาจากโรงพัก แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจะไปไหนต่อดี จึงเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ ข้างหน้าของเขามีชายคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ดูท่าทางของเขาแล้วคงอารมณ์เสียสุด ๆ เขายกเท้าเตะไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่สองสามครั้งติดกัน ราเชนทร์จึงเดินเข้าไปหาเขา
“ท่านครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
เขาถามออกไปอย่างนอบน้อม แต่อีกฝ่ายกลับหันมาทำหน้ายักษ์ใส่เขา ยกหลังมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าออกอย่างขุ่นเคือง แต่สักพักก็ปรับสีหน้าให้นิ่งขึ้นแล้วตอบกลับไปด้วยเสียงห้วน ๆ
“รถเสีย นายพอจะซ่อมรถเป็นไหมล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยดูให้นะครับ”
“เอาสิ ลองดูก็ได้ แต่เตือนไว้ก่อนนะรถคันนี้ราคาแพงมาก ห้ามทำเสียหาย”
เศรษฐีหนุ่มเข้าไปจับนั่นนิด ปรับนี่หน่อย แล้วจึงบอกให้ชายผู้นั้นลองเข้าไปสตาร์ทเครื่องยนต์
“เจ๋งนี่หว่า เท่าไหร่ล่ะค่าซ่อมรถ”
“ไม่เป็นไรครับ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ ขอบใจ”
ราเชนทร์มองตามรถเก๋งคันนั้นที่ขับออกไปแล้วยิ้มให้กับตัวเอง
‘ยื่นมือเข้าไปช่วยโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องร้องขอ’ เขาคิดถึงคำสั่งเสียของผู้เป็นพ่อ
‘ถ้าพ่อมองผมอยู่บนนั้น พ่อจะต้องมีรอยยิ้มแน่ๆ’ เขายิ้มแล้วโบกมือให้กับท้องฟ้าข้างบนนั้น
ราเชนทร์เดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ จนไปเจอป้ายประกาศรับสมัครงานหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่เมื่อเขาลองเข้าไปสมัครงาน ทางร้านกลับบอกว่าเขาอายุเกิน
“ตอนนี้ทางร้านเรารับแค่เด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 25 ปีครับลุง”
เขาแอบคิดค้อนในใจ
“ลุงตรงไหนวะแค่ 35 เอง”
ราเชนทร์เดินออกมาจากร้านอย่างผิดหวัง
เขาไม่เคยไปสมัครงานที่ไหนมาก่อน เพราะได้เรียนรู้การทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก
คุณพ่อของเขามีเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจหลายคน และมักจะพาเขาไปทำความสนิทสนมคุ้นเคยเรียนรู้งานจากพวกท่านเสมอ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาของเขาจึงแวดล้อมไปด้วยกลุ่มนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากความสามารถ ทำให้เขามีแบบอย่างที่ดีในการดำเนินรอยตาม
“คุณสมคิดช่วยดูทำเลร้านค้าชื่อนี้ให้หน่อยสิ ผมอยากซื้อร้านนี้”
เขาส่งข้อความเสียงหาสมคิดแล้วแนบโลเคชั่นร้านที่เขาเพิ่งไปสมัครงานไปด้วย
ความทุกข์ใจของพ่อที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนยังคงทำให้เศรษฐีหนุ่มละอายใจยิ่งนัก เมื่อเขานั่งพักดื่มน้ำในร้านขายก๋วยเตี๋ยวข้างทางแล้วยกมือขึ้นมากุมขมับ
“ทุกข์ใจอะไรนักหนาเหรอพ่อหนุ่ม”
ลุงเจ้าของร้านถามขึ้นมาตอนที่เอาชามก๋วยเตี๋ยวมาวางให้เขาบนโต๊ะพับที่มีรอยกระดำกระด่างจากการใช้งานมานานหลายปี
“ผมคิดถึงพ่อครับลุง”
เขาตอบไปตามความจริง ในขณะที่มือก็ปรุงก๋วยเตี๋ยวในชามไปด้วย
“คิดถึงพ่อก็ไปหาพ่อสิ”
ลุงพูดไปขำ ๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามของเขา
“พ่อเพิ่งตายครับ”
“เอ่อ ข้าขอโทษนะ ปากหมาไปนิด แล้วนี้จะไปไหนล่ะ”
“ผมเดินหางานทำครับ แต่ผมหาสมัครงานมาตั้งแต่เช้าแล้วก็ยังไม่มีใครรับผมเข้าทำงานเลย” เขาพูดแล้วก็ตักน้ำซุปมาชิม
“ถ้าข้ามีร้านใหญ่ ๆ ข้าก็จะจ้างเองหรอกนะ แต่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้ามันก็มีแค่นี้ ทำกันสองผัวเมีย ตั้งร้านตอนเช้า บ่าย ๆ ก็เก็บร้านกันแล้ว เอาอย่างนี้ไหม ก๋วยเตี๋ยวชามนี้ข้าเลี้ยง แล้วเดี๋ยวเองช่วยข้าล้างจานก็แล้วกัน”
เขายอมรับข้อเสนอของลุงขายก๋วยเตี๋ยวอย่างงง ๆ แล้วยกมือไหว้ขอบคุณลุงเจ้าของร้านที่นั่งอยู่ด้วยกันตรงหน้ากับหันไปทางป้าภรรยาของแกที่ยืนอยู่หลังหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณลุงกับป้ามากครับ”
“ไม่ต้องคิดมาก เองกินให้อิ่มท้องก่อน เดี๋ยวข้าลวกเส้นมาเพิ่มให้”
ด้วยสัญชาตญาณของนักธุรกิจทำให้เขาเผลอคิดประเมินค่าอาหารทันทีว่าเขาอาจทำให้ลุงกับป้าขาดทุนกำไร
“ไม่เป็นไรครับลุง แค่นี้ก็อิ่มแล้ว”
“ตามใจเองก็แล้วกัน”
“แล้วลุงกับป้าไม่อยากเปิดร้านเป็นของตัวเองบ้างเหรอครับ จะได้ไม่ต้องขับรถออกมาตั้งขายริมถนนแบบนี้”
“พ่อหนุ่มเอ๊ย ใครบ้างล่ะจะไม่อยากมีร้านเป็นของตัวเอง แต่ไหนจะค่าเช่าที่  ตกแต่งร้านอีกล่ะ ป้าก็คุยกันกับลุงไว้ว่าถ้ามีเงินเก็บสักก้อนจะซื้อที่เป็นของตัวเองถึงวันนั้นคงได้นั่งขายก๋วยเตี๋ยวกับเขาบ้าง ถ้าร้านป้าขายดี เองมาล้างจานที่ร้านให้ป้าไหมล่ะ”
“แล้วลุงกับป้าดูทำเลที่ไหนไว้เหรอครับ”
“ทำลงทำเลอะไรกันแค่มีเพิงหมาแหงน บังแดดบังฝนให้ลูกค้าได้นั่งกินสบายๆ ก็พอแล้ว”
เขาพยักหน้าให้ชายชราที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ก๋วยเตี๋ยวสูตรนี้ของลุงอร่อยมาก ผมคิดว่านะเปิดที่ไหนก็ขายดีครับ”
“พูดไปเอ็งอย่าหาว่าข้าขี้คุยนะ สูตรน้ำซุปของลุงนี่นะตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่โน้น”
พลบค่ำราเชนทร์เดินไปเรื่อย ๆ ตามถนนที่แสงจากหลอดนีออนบนเสาไฟฟ้าตามทางเดินเริ่มส่องแสงให้ความสว่างขับไล่ความมืดมิดของยามราตรี เขาหยุดนั่งที่ข้างกำแพงใกล้กับป้ายรถเมล์ ห่างออกไปคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง คืนนี้เขายังไม่ทันได้เศษเงินเลยแม้แต่บาทเดียวก็ถูกเจ้าถิ่นเข้ามาคุกคามขโมยเอากระเป๋าของเขาไปต่อหน้าต่อตา ชายแปลกหน้าสองคนเข้ามารุมทำร้ายเขาและแย่งเอาสมบัติชิ้นเดียวที่เขามีไปด้วย แล้วพวกมันก็วิ่งหนีไปกับความมืด​ในซอยเล็ก ๆ ข้างสวนสาธารณะนั้น
ราเชนทร์คิดไม่ถึงเลยว่าในเมืองหลวงที่เขาอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิดจะมีอันตรายที่คาดไม่ถึงได้ขนาดนี้ คนตกงาน คนจรจัด โจร ขโมย อันธพาลที่เขาพบเจอมากับตัวเอง ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยิ้มออกเมื่อคิดถึงลุงกับป้าที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมื่อตอนบ่าย เศรษฐีหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้ายามค่ำ เขายิ้มให้กับดาวดวงแรกที่สบตากัน และเมื่อเขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วพบกับบางสิ่งที่มีลักษณะกลม ๆ เขาหยิบมันขึ้นมาสิ่งนั้นคือเงินเหรียญสิบบาท เขารีบเดินไปที่ตู้โทรศัพท์ข้างหน้า
“คุมสมคิดช่วยหาทางส่งเงินมาให้ผมหน่อย”
“คุณราชจะใช้เงินเท่าไหรครับ”
ราเชนทร์บอกจำนวนเงินที่ต้องการออกไป
“เงินแค่นั้นจะพอทำอะไรได้ครับ”
“เอานา หาทางส่งมาให้ได้ก็พอ”
“ครับ ๆ เดี๋ยวผมส่งโค้ดไปให้ครับ”
“เดี๋ยวผมโทรกลับนะคุณสมคิด ตอนนี้ทั้งตัวผมมีเงินแค่ 15 บาท”
“คุณราชมันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ครับนี้”
“ช่วงนี้อย่าเพิ่งโทรหาผมก็แล้วกัน”
ในขณะที่เขายืนรอเวลาที่จะโทรไปหาสมคิดอีกครั้งรถยนต์คันหนึ่งก็แล่นมาจอดข้างหน้าของเขา
“นี่นายเดินยังไง ทำไมถึงยังไม่ถึงบ้านอีก”
เสียงของชายสูงวัยที่เขาช่วยซ่อมรถให้ในวันก่อนเปิดกระจกรถแล้วชะโงกหน้าส่งเสียงตะโกนถามออกมาจากข้างในรถ
“คุณนี่เอง” เขายิ้มให้ชายผู้นั้นแล้วยกมือไหว้
“เอานี่เงินค่ารถ” เขายื่นธนบัตรสีแดงใบหนึ่งให้ชายหนุ่ม
“ผมไม่มีบ้านให้กลับหรอกครับ”
“อ้าวแล้วจะไปไหน”
“ผมกำลังเดินหางานทำครับ”
เหมือนเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก
“บ้านก็ไม่มี งานก็ไม่มี นายขับรถได้ใช่ไหม”
“ครับ”
“งั้นขับรถไปส่งฉันที่บ้าน ส่วนงานฉันขอคิดอีกที ว่าแต่นายชื่ออะไร”
“บุญหลงครับ”
“ฉันชื่อประเสริฐ หรือจะเรียกอะไรก็ได้แล้วแต่นายเถอะ”
ท่าทีที่เหมือนจะอวดข่มคนอื่นกลาย ๆ แต่พอได้พูดคุยด้วยนายประเสิรฐกลับเป็นคนสบาย ๆ และเสนอความช่วยเหลือให้เขา ราเชนทร์จึงตกลงขับรถไปส่งเขาที่บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านของประเสริฐ บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านกว้างใหญ่ ปลูกไม้ดอกไม้ประดับไว้อย่างร่มรื่น ประเสริฐบอกให้บุญหลงเลี้ยวรถเข้าไปจอดในโรงจอดรถ ซึ่งในนั้นมีรถจอดอยู่สามคัน เสร็จแล้วเขาจึงพาบุญหลงเดินเข้าบ้าน
“ที่รักคุณพาใครกลับมาด้วยคะเนี้ย หล่อล้ำ กล้ามแน่นเปรี๊ยะ”
ลีน่า ภรรยาสาวสวยสุดเซ็กซี่ของประเสิรฐ ออกมาทักทายสามีของเธอพลางชำเลืองหางตาไปที่ชายหนุ่มคนที่เดินตามหลังสามีของเธอมายืนอยู่ข้าง ๆ กัน
“คนนี่คือบุญหลงเขาช่วยชีวิตผมไว้เมื่อวานนี่ไง”
“โอ้ คุณนี่เองที่เป็นฮีโร่เข้ามาช่วยชีวิตสามีของฉันไว้”
คุณนายเดินวนเวียนแทะโลมกับรูปร่างของชายหนุ่มแปลกหน้าที่สามีพาเข้ามาในบ้านพร้อมยิ้มหวานให้เขา
“เขาต้องการที่พักและก็กำลังหางานทำด้วย คุณคิดว่ายังไง”
“เขาผสมค็อกเทลได้ไหมคะ”
เธอถามยั่วยวนพร้อมกับแกว่งแก้วไวน์ไปข้างหน้าของชายหนุ่ม
“ว่าไงบุญหลง นายผสมเหล้าเป็นไหม”
“เป็นครับเป็น”
แม้จะยังไม่เข้าใจว่างานขับรถเกี่ยวอะไรกับการชงเหล้า แต่เศรษฐีหนุ่มก็ตอบรับว่าเป็นไว้ก่อน
“งั้นนายก็ไปชงเหล้าให้คุณลีน่าได้ลองชิมสักแก้วสิ”
“เชิญ”
คุณนายผายมือให้เขาไปที่บาร์เหล้าด้านในของบ้านที่มีขวดเหล้า วิสกี้ ไวน์ และเครื่องดื่มอีกมากมายวางอยู่ในชั้นบนตู้โชว์
“นายดื่มเก่งไหม”
“พอได้ครับ”
“ถ้างั้นก็ดีใจด้วย นายได้งานทำแล้ว”
ลีน่ายกแก้วค็อกเทลที่บุญหลงชงให้ขึ้นมาจิบเบา ๆ พร้อมกับหลิ่วตาให้เขาด้วยสายตายั่วยวน
บุญหลงทำได้แค่ยิ้มรับแบบงง ๆ
“ขอบคุณครับคุณนาย”
“มาคุณนงคุณนายอะไรกัน เรียกฉันว่าลีน่าก็พอ”
“ครับ คุณลีน่า”
ลีน่ามองค้อนเขาไปอย่างเอ็นดู แล้วตะโกนบอกประเสริฐสามีของเธอที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องข้าง ๆ
“ที่รักคะ บุญหลงสอบผ่านค่ะ”
“หาห้องให้บุญหลงนอนด้วยนะที่รัก พรุ่งนี้เขาจะเป็นคนขับรถของผม”
บุญหลงเดินออกมาจากบาร์เครื่องดื่ม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหายสงสัยเสียงร้องที่เอาแต่ใจของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“แดดดี๊ขา พี่นพไม่อยู่แล้วใครจะสอนการบ้านให้แนนซี่ละคะ”
เด็กสาวอายุ 16 ปี ลูกสาวคนเดียวของประเสิรฐกับลีน่า เธอถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนู
เธอวิ่งเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ประเสริฐ ทำหน้าตากระเง้ากระงอดใส่ผู้เป็นพ่อ
“มามี๊ของลูกไง”
“ไม่เอาอะ แนนซี่ไม่ทำการบ้านกับมามี๊”
ลีน่าเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสองพ่อลูก หันไปมองลูกสาววัยรุ่นของเธอแล้วหยั่กไหล่ใส่เหมือนไม่แคร์ แล้วยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
“ลีน่า” ประเสริฐเรียกชื่อเธอเบา ๆ
“ที่รักคะ ก็ลูกไม่ชอบให้ฉันสอนการบ้าน คุณจะให้ฉันทำยังไงละคะ”
ประเสริฐส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของสองแม่ลูก
“บุญหลง นายสอนการบ้านได้ไหม”
“ได้ครับ”
เมื่อแนนซี่เห็นบุญหลงก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
“ใครคะแดดดี๊”
จากน้ำเสียงเกรี้ยวกราดในตอนแรกกลายเป็นเสียงหวานใส จนคนเป็นพ่อกับแม่ยังกลอกตาใส่กัน
“คนขับรถคนใหม่ของพ่อ ก็…”
ประเสริฐยกมือขึ้นมาทำท่าทางประกอบไปด้วยในขณะที่พูด
“ถ้าเขาสอนการบ้านได้ ก็ให้เขาลองดู”
คืนนี้เขาได้นอนหลับสบายบนเตียงนอนนุ่ม ๆ สักที
...
โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา