27 ม.ค. 2024 เวลา 16:00 • สัตว์เลี้ยง

ไขข้อสงสัย ทำไมคนรวยชอบเลี้ยงสัตว์ป่า?

ทำไมคนรวยชอบเลี้ยงสัตว์ป่า? ไม่ใช่แค่ สิงโต หมี หรือเสือชีตาห์ แต่บางคนมีเหยี่ยวถึง 80 ตัว แถมซื้อตั๋วเครื่องบินให้พวกมันนั่งอีกด้วย
ภาพ “สิงโต” ตัวเป็นๆ บนรถหรูโผล่กลางเมืองพัทยาที่เป็นกระแสข่าวดังเมื่อไม่กี่วันก่อน อาจทำให้หลายคนนึกถึงภาพคล้ายๆ กันนี้ของมหาเศรษฐีแถบประเทศอาหรับ ที่มักโพสต์รูปตัวเองกับสัตว์ป่าที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านของพวกเขาผ่านสื่อโซเชียล ซึ่งเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ป่าในกลุ่มคนร่ำรวยไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มีมานานหลายปีแล้ว
แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ทำไม “คนรวย” ถึงต้องเลี้ยงสัตว์ป่า อย่างสิงโต เสือ หมี งู ฯลฯ แทนที่จะเลี้ยงหมาแมวเหมือนคนทั่วไป?
คำตอบอาจไม่มีอะไรไปมากกว่าการอยากโอ้อวด! อ้างตามรายงานของ Dailymail ในปี 2016 ที่ระบุไว้ว่า มหาเศรษฐีบางคนมักอวดความมั่งคั่งของพวกเขาผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งหนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถานะความร่ำรวยขั้นสุดของพวกเขาได้ดีก็คือ การเลี้ยงสิงโตหรือเสือเป็นสัตว์เลี้ยง และแน่นอนว่าพวกเขาชอบโชว์สัตว์เลี้ยงเหล่านั้นบนสื่อโซเชียล ทั้งการโพสต์รูปเสือชีตาห์นั่งในรถซุปเปอร์คาร์ หรือการลงเล่นน้ำในสระกับสิงโต เป็นต้น
ด้าน Businessinsider ก็เคยมีรายงานถึงภาพถ่ายไวรัลเมื่อปี 2017 ซึ่งเป็นภาพนกเหยี่ยวหลายสิบตัวนั่งโดยสารบนเครื่องบิน โดยในรายงานข่าวระบุว่า เหยี่ยวจำนวน 80 ตัวเหล่านั้นเป็นของ เจ้าชายซาอุดีอาระเบียองค์หนึ่งที่ได้มีการซื้อตั๋วเครื่องบินให้นกเหล่านั้นได้นั่งเดินทางไปในห้องโดยสารร่วมกับมนุษย์
ในรายงานบอกอีกว่า การขนส่งเหยี่ยวบนเครื่องบินในตะวันออกกลางถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากชาวตะวันออกกลางมีการเลี้ยงเหยี่ยวเพื่อฝึกล่ามานานนับพันปีแล้ว ถือเป็นกีฬายอดนิยมสำหรับ “ชนชั้นสูงในตะวันออกกลาง” อีกทั้งเหยี่ยวเป็นนกประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่สายการบินที่ให้บริการในประเทศนี้จะให้บริการขนส่งเหยี่ยวได้ด้วย
ขณะที่ Wildlifesos.org ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัตว์หายากถือเป็นสัญลักษณ์ของสถานะอันสูงส่งมาเป็นเวลานานตั้งแต่ยุคอดีต ถึงแม้ในยุคปัจจุบันจะมีกฎหมายห้ามเก็บสัตว์ เช่น เสือดาว เสือ และสิงโต ไว้ที่บ้าน แต่การค้าขายสัตว์ป่าก็ยังคงดำเนินต่อไป โดยมีหลายคนอวดสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์ป่าของพวกเขาบนสื่อสังคมออนไลน์
ในทำนองเดียวกัน ลิซ่า วาธเน ผู้จัดการฝ่ายดูแลสัตว์ป่าที่ถูกกักขังขององค์กร Humane Society of the United States ก็ได้สะท้อนความคิดเห็นผ่าน Vice ไว้ว่า การเป็นเจ้าของสัตว์แปลกหรือสัตว์ป่า (Exotic pets) แทบจะเป็นพิธีกรรมสำหรับคนรวยและชนชั้นสูงผู้มีชื่อเสียงในโลก
พวกเขามักจะโอ้อวดสัตว์เหล่านี้บนโซเชียลมีเดีย เช่น อินสตาแกรมและทินเดอร์ บางครั้งเราจะเห็นภาพเสือชีตาห์ที่ถูกล่ามโซ่ไว้ข้างๆ รถลัมโบร์กินี หรือการนำลูกเสือใส่ในกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง หรือแม้แต่การพาสิงโตไปนั่งเรือยอชต์สุดหรูกลางทะเล ฯลฯ พวกมันกลายเป็นสินค้าเครื่องประดับสำหรับคนเพียง 1% ในโลกนี้ที่สามารถซื้อหาได้ และอุตสาหกรรมนี้ก็มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
“เหตุผลง่ายๆ เลย คนรวยก็แค่อยากโชว์อีโก้ของพวกเขา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เลี้ยงเสือใส่สายจูง หรือคนที่มีงูยักษ์พันรอบคอ รู้ได้เลยว่าคนพวกนั้นคิดถึงตัวเองมากกว่าคิดถึงสวัสดิภาพของสัตว์” ลิซ่า วาธเน กล่าว
อีกทั้งเธอเคยสงสัยว่าเสน่ห์ที่แท้จริงของการได้เป็นเจ้าของสิงโต เสือ หรือหมี นั้นคืออะไรกันแน่? เพราะมันแทบจะไม่มีเหตุผลดีๆ สักข้อเลย เพราะตามธรรมชาติแล้วสัตว์ป่าไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องเหมือนสัตว์เลี้ยงได้
สิงโตและเสือไม่เหมือนแมวตรงที่ DNA ของพวกมันไม่ได้ถูกคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์ให้เชื่องลงมาหลายชั่วอายุคนเหมือนแมว ขณะที่หมีต่างจากสุนัขตรงที่ไม่สามารถฝึกให้เชื่อฟังมากขึ้นได้จากการเลี้ยงดู พวกมันไม่ใช่แค่หายาก แต่มากกว่านั้นคือพวกมันเป็นสัตว์ป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง (ดุร้าย)
เธอจึงคิดว่าเหตุผลที่คนชนชั้นสูงที่ร่ำรวยมากชอบเลี้ยงสัตว์ป่า อาจเป็นเพราะพวกเขามองว่าความดุร้ายของสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นคุณค่าที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ มันให้ความรู้สึกว่าพวกเขาอยู่เหนือพวกมัน พวกเขาเอาชนะกฎธรรมชาติได้
หากมองในเชิงมานุษยวิทยาและวิวัฒนาการของมนุษย์จะพบว่า มนุษย์เรามีความต้องการเอาชนะธรรมชาติอยู่เสมอมาตั้งแต่อดีตกาล โดยเฉพาะในกลุ่มกษัตริย์​และชนชั้นสูงเพราะมันแสดงถึงอำนาจและการควบคุมได้ (ในที่นี้เงินก็คืออำนาจอย่างหนึ่ง) ดังนั้น ลิซ่า วาธเน จึงสรุปว่าการที่คนรวยชอบเลี้ยงสัตว์ป่าก็เพราะต้องการอวดอีโก้และอยากแสดงถึงอำนาจของพวกเขาที่อยู่เหนือสัตว์ดุร้ายเหล่านั้น แม้ว่ามันช่างเป็นการใช้ชีวิตหรูหราที่น่าเศร้ามากสำหรับสัตว์เหล่านั้นก็ตาม
โฆษณา