27 ม.ค. เวลา 11:53 • นิยาย เรื่องสั้น

Secret Boss ภารกิจรักท่านประธาน บทที่ 10-13

ตอนเช้ามาริสารู้สึกผิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เพราะเธอเป็นฝ่ายบอกว่าชอบเขาก่อนแท้ ๆ แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็เป็นตัวเธอเองที่ยังไม่พร้อม เธอจึงตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้วแต่งตัวให้ดูดี สดชื่นกว่าทุกวัน และเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอสารภาพออกไปเมื่อคืนนั้นเป็นความรู้สึกที่มาจากใจจริง ๆ ไม่ใช่เพราะว่าเธอเมาหรือดื่มเยอะจนควบคุมตัวเองไม่ได้
มาริสา: สวัสดีบุญหลง นายตื่นหรือยัง
บุญหลง: สวัสดีครับคุณมา ผมตื่นแล้วครับ คุณเป็นยังไงบ้าง
มาริสา: ฉันอยากขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน”
บุญหลง: เอาอีกแล้วนะครับคุณมา คุณจะโทษตัวเองทุกเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะครับ
มาริสา: ถ้าอย่างนั้น นาย เอ่อ
บุญหลง: คุณว่างไปเดินเล่นด้วยกันไหม ที่สาธารณะใกล้ ๆ บ้านคุณก็ได้
มาริสา: ว่างค่ะ แล้วเจอกันนะ
บุญหลง: ครับ แล้วเจอกัน
ในระหว่างทางบุญหลงแวะซื้อกาแฟมาเผื่อเธอด้วย
ใต้ต้นชมพูพันทิพย์ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเต็มอยู่บนต้น มีม้านั่งยาวสีขาววางอยู่คู่กัน ในยามเช้ามักจะมีผู้คนออกมาเดินวิ่งออกกำลังกาย หรือพาลูกหลานมาเดินเล่นพักผ่อน
ที่สวนสาธารณะแห่งนี้มีโซนกิจกรรมมากมายเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นสนามบาสเก็ตบอล สนามตะกร้อ สนามตีแบต สนามวอลเลย์บอล ลู่วิ่ง ทางเดินเท้า ลู่สำหรับปั่นจักยานโดยเฉพาะ บาร์โหน อุปกรณ์ออกกำลังกายทันสมัยได้มาตรฐาน และยังมีสนามเด็กเล่นอีกหลายจุด ทั้งร้านค้าและห้องน้ำห้องอาบน้ำ ห้องฝากอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัวก็มีครบ จึงมีประชาชนมาใช้บริการทั้งวัน
บุญหลงคิดว่าการนัดมาริสาออกมาเจอกันที่สวนสาธารณะน่าจะช่วยให้เธอผ่อนคลายได้บ้าง อีกอย่างตัวตนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้คือคนตกงาน การนัดไปเจอกัน​ในร้านอาหารดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นัก เขานั่งคิดอะไรไปเพลิน ๆ จนหญิงสาวเดินเข้ามา
“วันนี้ดูคุณสดชื่นดีจัง”
“ขอบคุณค่ะ คุณก็เหมือนกัน”
บุญหลงยื่นแก้วกาแฟให้เธอ
“กาแฟครับ” มาริสารับแก้วกาแฟมาถือไว้ท่าทางเขินอาย
“เราเดินไปด้วย คุยกันไปด้วยดีไหมคะ”
“ครับ ดีเลยครับ”
“บุญหลงคุณรู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่ฉันคิดยังไงกับเรื่องของเรา”
“พอเข้าใจครับ คุณมาไม่ต้องเป็นห่วงนะคะรับ ผมจะหางานทำ”
“ตัวฉันเองก็เคยแต่งงานมาแล้ว”
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลยนะครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมเราไม่ลองลงทุนหาอะไรทำด้วยกันไปเลยล่ะ”
มาริสาเสนอไอเดียที่พอจะทำให้บุญหลงกับเธอได้อยู่ด้วยกันโดยที่พ่อกับแม่ของเธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องงานของเขา
“คุณมาครับคือตอนนี้ผมยังไม่มีงานทำเลยนะครับ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาลงทุน”
“ฉันพอมีเงินอยู่บ้าง เมื่อคืนฉันนอนคิดทั้งคืนเลยนะ คิดว่าน่าจะพอให้เราเริ่มต้นใหม่ไปด้วยกันได้”
“คุณพูดจริงเหรอครับ”
“ค่ะ ถ้าบุญหลงไม่รังเกียจก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านด้วยกันนะ จะได้ประหยัดค่าเช่า แล้วคุณก็จะได้ไม่ต้องไปรบกวนเพื่อนของคุณด้วย”
“ถ้าคุณมาคิดมาดีแล้ว ตกลงครับ ว่าไงก็ว่าตามกัน แล้วเราจะเปิดร้านทำอะไรดีครับ”
“ขายอาหารดีไหม ฉันว่าทุกคนต้องกินข้าว”
“คุณมาคิดเหมือนผมเลย” บุญหลงร้องออกมาอย่างดีใจ
“บุญหลงชอบกินเมนูอาหารอะไรเป็นพิเศษไหม”
“ผมไม่มีเมนูอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ มีอะไรให้กินก็กินไปแบบนั้น เลือกกินไม่ได้หรอกครับ”
“ต้องมีบ้างสิ เช่นว่าบุญหลงทำเมนูอะไรได้เก่งที่สุด”
“เก่งที่สุดของผมคงเป็นไข่เจียวนั่นล่ะครับ”
“ดีเลย ฉันก็ทำไข่เจียวได้อร่อยที่สุด ชอบกินไข่เจียวที่สุด นี่บุญหลงนายรู้ไหมว่าฉันมีเมนูไข่เจียวเป็นร้อยแปดเมนูเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามพอฉันเห็นปุ๊บก็สามารถเอามาปรุงเป็นไข่เจียวได้หมดเลย”
มาริสาพูดถึงไข่เจียวเมนูอาหารที่แสนจะธรรมดาออกมาได้อย่างน่ากิน ยิ่งเวลาที่เธอพูดถึงไข่เจียวดวงตาของเธอเปล่งประกาย ความกระตือรือร้นส่งออกมาทางสีหน้าท่าทางบ่งบอกว่าเธอชอบมันจริง ๆ
“ผมชักอยากกินไข่เจียวฝีมือคุณมาขึ้นมาแล้วสิครับ”
“เราเปิดร้านขายข้าวไข่เจียวกันไหม”
“ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรละครับเราไปหาสถานที่เปิดร้านกันเถอะ”
มาริสากับบุญหลงช่วยกันค้นหาข้อมูลตึกหรืออาคารพาณิชย์ที่พอจะทำเป็นร้านขายข้าวไข่เจียวได้
“ร้านไม่ต้องใหญ่มาก แต่ต้องอยู่ใกล้แหล่งชุมชน เดินทางสะดวก อยู่ติดถนนใหญ่ มองหาได้ง่าย”
“ช่วงแรก เราอาจจะต้องเหนื่อยกันหน่อยนะครับ”
“ฉันเตรียมใจมาแล้วค่ะ”
บุญหลงมองผู้หญิงตรงหน้าของเขาด้วยความชื่นชม เธอคิดเผื่อเขาทุกอย่าง แล้วเขาล่ะคิดจะทำอะไรเพื่อเธอบ้าง
บทที่ 11
ในที่สุดทั้งคู่ก็หาตึกที่ถูกใจได้และเริ่มตกแต่งร้านของพวกเขาด้วยโต๊ะในร้านแค่หนึ่งตัวกับเก้าอี้พลาสติกอีกสี่ตัว ชั้นวางของและตู้แช่ของสดของคาว เตาแก็ส กระทะ ถ้วย จานชาม และของใช้ในครัวเท่าที่จำเป็น เมื่อเช็คทุกอย่างครบแล้วทั้งคู่กระโดดกอดกันอย่างมีความสุข
“เราทำสำเร็จไปหนึ่งก้าวแล้ว”
“ทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดีนะครับ”
“ค่ะ ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น”
เมื่อพ่อแม่ของมาริสารู้ว่าบุญหลงย้ายเข้าอยู่กับลูกสาวของพวกตนก็ไม่พอใจ ยิ่งรู้ว่ามาริสาเป็นคนออกเงินลงทุนทั้งหมดพ่อของเธอก็โกรธจนไม่ยอมพูดกับเธอ
“ยัยมานี่แกบ้าไปแล้วเหรอลูก”
“แม่คะ หนูเปิดร้านใหม่ก็อยากให้พ่อกับแม่ร่วมยินดีให้พรพวกเรา”
“มา แกกำลังถูกนายคนจรนั่นหลอกอยู่นะลูก เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้”
“พ่อคะ มารู้ว่าพ่อกับแม่เป็นห่วง แต่มาโตแล้วนะคะ”
“คนเราสมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหนกัน แล้วนี่อยู่บ้านเดียวกันอีก”
“มาแค่อยากได้กำลังใจจากพ่อกับแม่ ถ้าพ่อกับแม่ไม่สะดวกใจ งั้นมากลับก่อนนะคะ วันหลังมาจะมาเยี่ยมพ่อกับแม่ใหม่ค่ะ”
“จะมาก็ไม่ต้องพาเจ้าคนจรนั่นมาด้วยนะ แม่ไม่ชอบ”
มาริสาเดินออกมาจากบ้านของพ่อกับแม่ด้วยหัวใจที่หดหู่ ตั้งแต่บุญหลงเข้ามาในชีวิตของเธอ พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนไป
มาริสาเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง แม้ดูจากภายนอกใคร ๆ ก็มักจะคิดว่าเธอเป็นคนอ่อนหวานนุ่มนวลน่าจะเป็นคนเปราะบาง
แต่เมื่อได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วมาริสาเป็นคนที่เข้มแข็งและเชื่อมั่นในตัวเองอย่างลึกซึ้ง
มาริสากับบุญหลงช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง เพราะตอนนี้พวกเขา ต้องโฟกัส ไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ของพวกเขา ที่เริ่มต้นจากการมีโต๊ะในร้านแค่ตัวเดียว ตอนนี้โต๊ะในร้านเพิ่มเข้ามาเป็นสิบตัว นั่นหมายความว่าธุรกิจร้าน ไข่เจียวร้อยแปดของพวกเขากำลังไปได้สวย
โดยที่มาริสาไม่เคยรู้เลยว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ของเธอ
“คุณสมคิดช่วยหาคนมาออเดอร์ข้าวไข่เจียวจากร้านไข่เจียวร้อยแปด วันล่ะห้าร้อยกล่อง แบ่งไปแจกตามสถานที่ต่าง ๆ ทุกวันให้ผมด้วยนะ”
“ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วยละครับคุณราช”
“คุณแค่ช่วยหาคนมาจัดการเรื่องนี้ ผมไม่ได้บอกว่าจะส่งข้าวไข่เจียวไปให้คุณกินสักหน่อย”
“มันก็แปลก ๆ อยู่นะครับ”
“เอานี้ตามนี้แหละ ช่วยผมหน่อยนะครับคุณสมคิด”
“ผมก็ช่วยคุณราชมาตลอดนั่รแหละครับ”
“ช่วงนี้คุณบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลยนะครับ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับบอส ผมก็หยอก ๆ เล่นไปอย่างนั้นเอง เพราะ อยากให้คุณกลับมาสักทีนะครับ”
“เอานา ผมเสร็จธุระทางนี้เมื่อไหร่ เดี๋ยวผมก็กลับไปเองนั่นแหละ”
“ครับ ๆ”
“จัดการตามที่ผมบอก ทุกวัน วันล่ะห้าร้อยกล่อง”
“ครับ สมคิดจัดให้ครับ”
มียอดสั่งซื้อผ่านแอพพลิเคชั่นเข้ามาวันละหลายร้อยเมนูจนมาริสาทำไม่ทัน
“ฉันคิดว่าเราคงต้องหาคนมาช่วยแล้วนะคะ”
“ผมเห็นด้วย เห็นคุณเหนื่อยทุกวันแล้วผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกัน ใจจริงผมอยากให้คุณพักบ้างนะมา”
“เดี๋ยวค่อยพักก็ได้ค่ะ ช่วงนี้มีออเดอร์เยอะจนมาทำไม่ทันแล้ว บุญหลงเหนื่อยไหม”
“ไม่เหนื่อยเลยครับ”
“ถ้าเราตั้งตัวได้เมื่อไหร่ คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนฉันจะพาคุณไปทุกที่เลยนะบุญหลง”
ชีวิตของเขาใช้เงินเหมือนกระดาษ เขาแทบไม่เคยจับเงินด้วยซ้ำ ไม่เคยรู้ด้วยว่าแต่ล่ะครั้งที่จัดปาร์ตี้ใช้งบประมาณไปเท่าไหร่ คนอย่างเขาถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนบนโลกนี้เขาก็ไปได้ทั้งนั้น แต่วันนี้เศรษฐีพันล้านอย่างราเชนทร์ เอ. มอลลี่ ต้องรอให้ผู้หญิงตรงหน้าของเขาตั้งตัวให้ได้ก่อนถึงจะไปเที่ยวได้
ชีวิตของผู้คนชนชั้นแรงงาน พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องทำงานหนักยืนทำอาหารทั้งวันแบบนี้สำหรับเขาแล้วถึงแม้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่เพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่ยอมนำเงินทั้งหมดที่เธอมีมาลงทุนให้เขา เขาก็คงต้องลองมันสักตั้ง
มาริสาดัดแปลงเมนูไข่เจียวได้สารพัดอย่างจากที่เป็นเมนูง่าย ๆ ตอนนี้ร้านไข่เจียวร้อยแปดของพวกเขากลายเป็นที่รู้จัก ผู้คนบอกกันปากต่อปากถึงความแปลกใหม่ในรสชาติของเมนูไข่เจียวสูตรพิเศษของมาริสา และตอนนี้ที่ร้านเริ่มมีลูกค้าแน่นจนแทบไม่มีที่ให้ยืนรอ ไหนจะออเดอร์จากแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ อีก
“ไข่เจียวกินกับอะไรก็อร่อย”
บุญหลงพูดขึ้นมาหลังจากที่รับจานข้าวไข่เจียวทูน่ามาจากมือของมาริสา กลิ่นไข่เจียวหอม ๆ ลอยขึ้นมาเตะจมูกจนเขาต้องหลับตาสูดกลิ่นนั้นอีกรอบ
“เห็นบุญหลงชอบกิน มาก็ดีใจแล้วค่ะ”
มาริสานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับบุญหลงแล้วตักไข่เจียวในจานป้อนให้ชายหนุ่ม
“ระวังนะคะยังร้อน ๆ อยู่เดี๋ยวมาเป่านิดหนึ่งก่อน” เธอเป่าปากไปที่ไข่เจียวในช้อนก่อนจะส่งให้เขาได้ชิม
เขาหลับตาเคี้ยวอาหารช้า ๆ แล้วค่อยกลืนลงไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขใจ
“ลองนี้นะคะ แกงป่าเนื้อ อร่อย เผ็ดแซ่บถึงใจ กินคู่กับไข่เจียว ข้าวสวยร้อน ๆ”
“มา คุณเก่งมาก ผมชอบเซ็ทนี้นะ มันเข้ากันได้เยี่ยมไปเลย”
“เห็นไหมคะมาบอกแล้วว่าไข่เจียวกินกับอะไรก็อร่อย”
“เห็นด้วยคร้าบคนเก่ง”
“บุญหลงกินเยอะ ๆ เลยนะ เดี๋ยวมารับสายคุณแม่ก่อน” มาริสาเดินออกไปรับสายจากคุณแม่ของเธอ
“ยัยมา นี่ใช่ร้านแกหรือเปล่า” เสียงของวิภาดังอยู่ที่หน้าร้าน
“แม่ พ่อก็มาด้วย สวัสดีค่ะ”
มาริสาเดินออกมาทักทายกับพ่อแม่ของเธอ
“พอดีเอกมาเยี่ยมพ่อกับแม่ ก็เลยพากันมาดูแกสักหน่อย”
“พี่เอก สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานแล้วเหมือนกันนะคะ”
“ครับ น้องมาสบายดีนะครับ เห็นคุณอาวิภาบอกว่าน้องมาเปิดร้านอาหารพี่เลยอยากมาอุดหนุนนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ยังเรียกว่าร้านอาหารได้ไม่เต็มปากนักหรอกคะ น่าจะเรียกว่าร้านข้าวไข่เจียวน่าจะใช่กว่าค่ะ” มาริสายกมือไหว้เอกชัย
“พ่อคะแม่คะเข้ามานั่งข้างในร้านก่อนนะคะ พี่เอกเข้ามานั่งในร้านก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวมาเอาน้ำมาให้นะคะ”
มาริสาเดินไปเตรียมน้ำ บุญหลงจึงอาสาเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ทุกคน
“ให้ผมช่วยนะมา”
“ขอบคุณค่ะ”
แต่เมื่อบุญหลงไปถึงที่โต๊ะวิภาก็ตั้งท่ารังเกียจเขาจนออกนอกหน้าทันที
“นี่นายยังไม่เลิกเกาะลูกสาวฉันอีกเหรอ เมื่อไหร่จะไป ๆ สักที”
บุญหลงวางน้ำแล้วยกมือไหว้ทุกคน แต่มีแค่เอกชัยเท่านั้นที่รับไหว้ของเขา ส่วนคุณพ่อคุณแม่ของมาริสาทำเมินหน้ามองไปทางอื่น
“บุญหลงกับมาเราเป็นหุ้นส่วนกันค่ะ”
มาริสาเดินเข้ามาจับมือของบุญหลงพร้อมกับแนะนำบุญหลงให้กับทุกคนได้รู้จักอีกครั้ง
บุญหลงกระชับมือกับเธอเพื่อแสดงความมั่นใจและปกป้องความรู้สึกของมาริสาเพราะครอบครัวของเธอยังไม่ยอมรับเขา
“มานั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่นะ เดี๋ยวผมช่วยดูร้านให้เอง”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“เชิญตามสบาย ผมขอตัวนะครับ”
เมื่อบุญหลงเดินออกไปจากโต๊ะแล้วสีหน้าของวิภาค่อยดีขึ้นมาหน่อย
“มา ลูกทำงานหนักเกินไปรู้หรือเปล่าเนี้ย ดูสิซูบผอมลงไปเยอะเลย”
“ช่วงนี้ลูกค้าเยอะค่ะแม่”
“พักผ่อนบ้างนะลูก ผอมลงเหมือนที่แม่ว่าจริง ๆ นั่นแหละ”
“พ่อคะ มากำลังสนุกเลยนะคะ นี่แน่ะพ่อดูสิกล้ามขึ้นเป็นมัดแล้วเนี้ย”
มาริสาพยายามสร้างบรรยากาศดี ๆ ให้กับทุกคน การที่เธอไม่ฟังพ่อแม่ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักไม่เคารพ หากแต่เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอเลือกไม่ได้ทำร้ายใครหรือแม้แต่ตัวเอง เพราะพ่อแม่เป็นห่วงว่าบุญหลงจะมาเกาะเธอกิน เธอจึงชวนเขาเปิดร้านด้วยกัน และตอนนี้ถึงแม้ว่าพ่อกับแม่ของเธอจะยังไม่ยอมรับเขาก็ไม่เป็นไร
“ช่วงนี้หนูอาจไม่ค่อยมีเวลาไปเยี่ยมพ่อกับแม่มากนัก แต่เดี๋ยวพอทางร้านเข้าที่เข้าทางมาจะพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวนะคะ”
“น้องมาอยากไปเที่ยวที่ไหน ​เมื่อไหร่บอกมาได้เลยนะครับ พี่เอกรู้จักทัวร์ดี ๆ เยอะเลย”
เอกชัยเสนอตัวจะพาทั้งครอบครัวไปเที่ยวทันที
“ไปวันไหนกันดีนะ ถ้ามีพ่อเอกพาไป อาค่อยอุ่นใจหน่อย” วิภารีบกล่าวเสริมทันที
“พ่อก็จะได้พบเจอกับเพื่อนเก่าด้วย”
มานพก็ช่วยเสริมอีกแรงจนทำให้มาริสาต้องพลอยรับพลอยส่งไปด้วยเพื่อไม่ให้พ่อแม่เสียหน้า
“ขอบคุณพี่เอกล่วงหน้านะคะ คงอีกสักพักนั่นแหละค่ะ”
หลังจากพ่อแม่ของเธอและเอกชัยกลับไปแล้วมาริสาได้แต่ถอนหายใจตามหลังพวกเขาไป
“หวังว่าพ่อกับแม่จะยอมรับบุญหลงในวันหนึ่ง” เธอพึมพำเบา ๆ
บทที่ 12
มาริสาออกไปซื้อของข้างนอก ในร้านจึงมีแค่บุญหลงกับพนักงานในร้านอีกสองคนที่ช่วยกันทำงาน บุญหลงก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะพอเงยหน้าขึ้นมาจึงพบกับลีน่าที่ยืนยิ้มหวานให้เขาตรงหน้า
“ลีน่า คุณมาได้ยังไงครับ”
“ลีน่าก็ไปสืบมาสิคะ”
เธอว่าพลางก้มหน้าโน้มตัวลงไปกับโต๊ะที่บุญหลงกำลังเช็ดอยู่ บุญหลงถึงกับต้องขยี้ตาให้กับกองหน้าอกหน้าใจของเธอที่เกือบจะล้นมาวางบนโต๊ะ
“คุณลีน่า เชิญนั่งก่อนครับ”
ลีน่านั่งลงแล้วเลื่อนมือไปจับกับลำแขนแกร่งของบุญหลง
“นายนั่งคุยกันสักครู่ได้ไหม”
“ครับ คุณลีน่ามีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันเหงานะ เลยลองออกมาตามหานาย ว่าอยู่สบายดีไหม”
“ผมสบายดีครับ ขอบคุณครับ”
“ก็ดีแล้วนะ นายมีงานทำ มีที่อยู่”
“มาริสาช่วยให้ผมมีงาน มีที่อยู่ครับ”
“เธอเป็นคนดี ใช้ได้เลยนะ”
“ครับ”
“ฉันยังเสียดายเธออยู่เลยนะบุญหลง”
“โอ้ ลีน่าคุณอย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”
“ก็มันจริงนี่นา”
“เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”
“ขอบใจจ้ะ ได้คุยกับนายแล้วสบายใจจริง ๆ”
“แล้วเรื่องราวที่บ้านเป็นยังไงบ้างครับตอนนี้”
“เฮ้อ มันก็…”
ลีน่าพูดได้ไม่กี่คำก็สะอื้นออกมา บุญหลงลุกขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาปลอบใจให้เธอ โดยไม่รู้ว่ามาริสากลับมาถึงร้านแล้วและกำลังยืนมองเขากับลีน่าโอบกอดปลอบใจกันอยู่ แต่ลีน่าเห็นเธอและจงใจทำสิ่งที่มาริสาไม่ชอบ ลีน่ากอดบุญหลงแล้วซุกหน้าไปกับซอกคอของชายหนุ่ม
“ลีน่า คุณทำอะไรของคุณ”
บุญหลงพยายามดันตัวถอยออกมาจากลีน่า เมื่อเขาหันหลังไปจึงเจอกับมาริสาที่ยืนตะลึงอยู่กับที่ สองมือของเธอพะรุงพะรังไปด้วยถุงใส่ของ
เมื่อสบตากันเขาเจ็บปวดเข้าไปในหัวใจกว่าเธอหลายเท่านักที่เห็นว่าบนใบหน้าของมาริสานั้นมีรอยน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง
“มา มันไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ฟังผมก่อน”
มาริสาทิ้งถุงใส่ของที่เพิ่งไปซื้อมากับพื้นแล้วหันหลังวิ่งออกไปจากร้าน
ลีน่าดึงมือของบุญหลงไว้
“บุญหลงไปอยู่กับฉันนะ”
“ลีน่าคุณปล่อยมือผมครับ”
บุญหลงสะบัดมือของลีน่าออกให้พ้นไปจากตัว เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้คนที่เขาเป็นห่วงคือมาริสา แต่ว่าเธอวิ่งหนีเขาไปแล้ว
บุญหลงวิ่งตามหลังของเธอไปพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเธอไปด้วย
“มา ฟังผมก่อน”
มาริสาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขา เธอวิ่งฝ่าสายฝนไปทั้งน้ำตาแล้ววิ่งข้ามไปอีกฝั่งถนน หนีไปหลบอยู่ที่มุมตึกเพื่อทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้
บุญหลงกำลังจะวิ่งข้ามถนนตามเธอไปแต่มีรถยนต์วิ่งตัดหน้าของเขามาอย่างกระชั้นชิดทำให้เขาเกือบโดนรถชน จนต้องเซถลาล้มไปข้างหลังที่มีแอ่งน้ำทำให้เนื้อตัวเปียกปอน แถมยังถูกคนขับรถเปิดกระจกลงมาด่าให้อีก
“อยากตายหรือไงถึงคิดจะวิ่งตัดหน้ารถ”
พร้อมกับชูนิ้วกลางให้ทิ้งท้ายผ่านสายฝนที่ตกลงมาโหมกระหน่ำ
บุญหลงจำใจเดินกลับเข้ามาจัดการงานที่ร้านทั้งที่ในใจนั้นสับสนจนไม่อยากหยิบจับอะไร
“พ่อคะแม่คะ ให้มาอยู่ด้วยสักสองสามวันนะคะ”
“โธ่เอ๋ยยัยมาลูกแม่” วิภากอดลูกสาวไว้อย่างเข้าใจ ส่วนพ่อของเธอนั้นได้แต่ขบกรามแน่น
“พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่านายนั่นไม่ใช่คนดี”
“พ่อคะ ขอเวลาให้มาหน่อยนะคะ”
มาริสาพักอยู่ที่บ้านพ่อแม่และไม่ยอมออกไปไหน แม้แต่ร้านข้าวไข่เจียวที่เธอสร้างมากับมือเธอก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย
ผ่านไปสองวันแล้วบุญหลงยังคงไปทำงานที่ร้านและรอมาริสาอยู่ที่บ้าน เขาพยายามโทรเข้าเบอร์มือถือของมาริสาแต่เธอก็ปิดเครื่องตลอดเวลา
เขาจึงลองโทรไปที่บ้านพ่อแม่ของเธอ
“คุณแม่ครับ มาอยู่ที่บ้านของคุณแม่หรือเปล่าครับ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง นายขโมยลูกสาวของฉันไปแล้วยังจะกล้าทำลูกฉันหายไปอีก นายนี่มัน”
“คือเรามีปัญหาเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ​ถ้ามาไปหาคุณแม่ที่บ้าน ผมฝากบอกมาด้วยนะครับว่าผมเป็นห่วง อยากให้มากลับมาคุยกันที่บ้านนะครับ”
“ฉันไม่รับฝากย่ะ” แล้ววิภาก็วางสายไป
มาริสาเดินออกมาเห็นแม่สีหน้าไม่ค่อยดีจึงถามขึ้นมา
“ใครโทรมาคะแม่”
“พวกมิจฉาชีพที่ชอบโทรมาหลอกเอาเงินคนแก่นะลูก แม่ด่ามันไปแล้ว พวกนี้พูดดีด้วยไม่ได้จริง ๆ”
เธอโกหกหน้าตาเฉย แต่ใส่อารมณ์เต็มที่เพราะไม่ชอบบุญหลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
มาริสาทำหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ใจจริงเธอเองก็คิดว่าบุญหลงจะมาตามหาเธอ หรือโทรมาตามหาเธอบ้าง แต่เขากลับเงียบไปเลย
เพราะโทรศัพท์มือถือของมาริสาหล่นหายไปตอนที่เธอวิ่งออกมาจากร้าน ด้วยความที่เธอกำลังเสียใจจึงไม่รู้ว่าว่ามือถือของตัวเองหายไปตอนไหน พอมาค้นหาอีกทีที่บ้านก็ไม่เจอแล้ว
แม้จะคิดถึงบุญหลงมากแค่ไหน เธอก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ความรักที่มีให้เขามาตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นหากเขาจะไม่เห็นค่าเลยก็คงทำได้แค่ทำใจ
มาริสากลับเข้าไปในห้องนอนแล้วนั่งร้องไห้เงียบ ๆ อยู่คนเดียวบนเตียงนอน
บุญหลงออกไปตามหามาริสากับเพื่อนที่ทำงานเก่า
“คุณเต้ คุณต้อม เจอคุณมาบ้างไหมครับ”
“ช่วงนี้ไม่เจอกันเลยค่า เราสองคนกำลังคิดอยู่ว่าวันหยุดนี้จะแวะไปหามาที่ร้าน” ต้อมตอบกลับเสียงใส แม้จะยังงง ๆ กับคำถาม
“ถ้ามาติดต่อมา ฝากบอกมาด้วยนะครับว่าผมขอโทษ”
“มีเรื่องอะไรกันเหรอบุญหลงทำไมยัยมาถึงไม่กลับบ้าน” เต้ถามขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ” บุญหลงตอบกลับหน้าเศร้า
“เดี๋ยวฉันช่วยโทรหายัยมาให้นะ เพื่อนที่สนิทกันก็มีไม่กี่คนหรอก”  ต้อมยิ้มให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับ ผมโทรไปกี่ครั้งก็ไม่ติด ปิดเครื่องตลอด”
“ฉันเชื่อว่ายัยมาเป็นคนมีเหตุผล ให้เวลาเขาหน่อยนะ นายอย่าเพิ่งคิดมาก พวกเราเป็นกำลังใจให้”
เต้ช่วยพูดให้บุญหลงคลายความกังวล เพราะดูจากสภาพของบุญหลงตอนนี้เหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน
“ผมเป็นห่วงมาจริง ๆ นะครับ”
เมื่อไม่มืใครรู้ เขาจึงกลับมานั่งคิดทบทวนตัวเองที่บ้าน
ในขณะที่เขากำลังนอนเอนตัวเอามือก่ายหน้าผากอยู่บนโซฟาพร้อมกับใช้ความคิด ทันใดนั้น
“ตี๊ดดดดดดดด ตี๊ดดดดดดดดด”
ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาดูและก็ต้องแปลกใจเพราะเป็นเบอร์ของสมคิดเลขาส่วนตัวของเขาที่ถึงแม้เขาจะสั่งไว้ว่าห้ามโทรมา แต่วันนี้สมคิดกลับฝ่าฝืนคำสั่ง เขาจึงกดรับไปด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย
“คุณสมคิด มีอะไรเร่งด่วนหรือเปล่าครับ”
“ด่วนขอขาดบาดตายครับคุณราช”
“มีอะไร”
“คุณราชครับ หุ้นส่วนจะถอนตัวกันไปหมดแล้วนะครับ”
“ใครอยากถอนก็ให้เขาถอนไปเถอะคุณสมคิด”
“คุณราชครับ บริษัทเราจะเสียหายนะครับ”
“ครับ ผมรู้แล้ว”
“แล้วคุณราชรู้แล้ว จะไม่กลับมาช่วยกันแก้ไขสถานการณ์หน่อยเหรอครับ”
“ช่วงนี้ผมก็ยุ่ง คุณสมคิดจัดการไปตามที่เห็นสมควรนะครับ”
“เรื่องงานไม่เท่าไหร่หรอกครับคุณราช แต่เรื่องคดีความนี่สิครับจะทำยังไง”
“ทางโน้นเขาว่ายังไงบ้าง”
“ถ้าคุณราชไม่มาแก้ต่างให้ตัวเองที่ศาลเขาถือว่าคุณแพ้นะสิครับ”
“ขึ้นศาลวันไหนนะคุณสมคิด”
“พรุ่งนี้ครับ”
“ห่ะ อะไรนะ พรุ่งนี้เลยเหรอ”
“ครับ พรุ่งนี้ เก้าโมงเช้า ถ้าคุณราชไม่มาก็ถือว่าแพ้คดี”
ราเชนทร์ว้าวุ่นใจกับการหนีหายไปของมาริสาที่มีสาเหตุมาจากการเข้าใจผิดกันและเขาคือต้นเหตุทั้งหมดที่ทำให้เธอเสียใจและหนีหายไปแบบนี้ ถึงแม้เขาจะมั่นใจว่ามาริสาเข้มแข็งมากพอที่ไม่คิดสั้นถึงขั้นทำร้ายตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากเห็นเธอเสียใจ แต่ตอนนี้เขาจะไปทางไหนก่อน บริษัทก็สำคัญ หัวใจก็สำคัญ
บทที่ 13
ราเชนทร์ตัดสินใจบินกลับไปภูเก็ตเพื่อเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ ของทางบริษัทที่เขาทิ้งมาเป็นเดือนแล้ว และข่าวลือต่าง ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาเพื่อดิสเครดิตของเขา
เลขาและทนายความนั่งกระสับกระส่ายอยู่ที่ศาลเพื่อรอการไต่สวนคดีความของราเชนทร์แต่เขาก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะโผล่หน้ามา
จตุพรมากับทนายความของเขา และยังคงโกรธแค้นราชไม่หาย
“ฉันบอกแล้วว่ายังไงมันก็ต้องแพ้ ไอ้หน้าตัวเมียนั่น มันหลอกให้ฉันเซ็นสัญญาแล้วก็หนีไป อีกทั้งมันยังเป็นชู้กับเมียของฉันด้วย” เขาตะโกนใส่สมคิดกับทนายอย่าเดือดดาล
เมื่อถึงเวลาที่ผู้พิพากษากำลังจะอ่านคำตัดสิน ประตูห้องว่าความก็เปิดกว้างออกพร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่สภาพการแต่งกายซอมซอ เสื้อผ้าเก่า ๆ ผมเผ้ารุงรังดูยังไงก็ไม่ใช่ราช ราเชนทร์แน่นอน แต่เมื่อเขายืนยันต่อเจ้าหน้าที่ว่าเขาคือราชตัวจริวด้วยบัตรประชาชนให้ดูทุกคนจึงเชื่อว่าใช่เขา
“คุณราช ในที่สุดคุณก็มา” สมคิดเอ่ยขึ้นมาทั้งน้ำตาด้วยดีใจที่ราชกลับมาสักที
“ผมขอโทษคุณสมคิด คุณทนายด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณมาทัน” ทนายกอดปลอบใจเขา
จตุพรทำท่าจะปรี่เข้ามาชกเขาให้ได้ แต่ทนายของเขาห้ามเอาไว้ได้ทัน
“ผมจะฆ่ามัน ไอ้คนทรยศ”
“คุณจตุพรสงบสติอารมณ์หน่อยครับ”
เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินคดีความจบและราชชนะคดี
“ผมดีใจด้วยนะครับคุณราช”
“ขอบคุณคุณสมคิดมากครับที่อยู่ช่วยเหลือผมทุกอย่าง ผมสัญญาว่าผมจะรีบจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นแล้วกลับมาทำงาน ผมไปนะครับ”
“อ้าวคุณราช จะไปไหนอีกครับ”
ราเชนทร์ไม่ได้ตอบคำถามของสมคิด ตอนนี้เขาจัดการธุระสำคัญที่มีข้อจำกัดของเวลาจบแล้วหนึ่งเรื่อง ส่วนเรื่องต่อไปที่รอไม่ได้แล้วเหมือนกัน…
มาริสากลับมาที่บ้านก็ไม่เจอกับบุญหลง ยิ่งทำให้เธอคิดว่าเขาคงทิ้งเธอไปกับลีน่าแล้วจริง ๆ เธอยังทำใจไม่ได้จึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ต่ออีกสักพัก ส่วนร้านข้าวไข่เจียวก็ปิดไปไม่มีกำหนด
เมื่อบุญหลงกลับมาถึงบ้านและมาริสาก็ยังไม่กลับ บ้านหลังเล็ก ๆ ที่เคยอยู่ด้วยกัน แม้มันจะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนคฤหาสน์ของเขาแต่ที่นี้ก็เป็นบ้านเหมือนกัน ที่ไหนมีเธอที่นั่นคือบ้าน เขาทนนั่งคิดถึงเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงดี และคนเดียวที่เขาคิดว่าน่าจะช่วยให้การตัดสินใจของเขาง่ายขึ้นนั่นก็คือ
“แม่ครับผมเจอผู้หญิงคนหนึ่ง”
“เธอเป็นคนยังไง”
“เธอเป็นคนดีครับแม่”
“แล้วลูกคิดยังไงกับเธอ”
“เธอไม่เหมือนคนอื่น”
“งั้นก็อย่าปล่อยให้เธอหลุดมือ”
“ขอบคุณครับแม่”
“แม่รักลูกนะ”
“ผมก็รักแม่ครับ”
บุญหลงรีบออกไปที่บ้านพ่อแม่ของมาริสาอีกครั้งเพื่อหวังขอความเห็นใจจากพวกเขา
“กริ๊งงงงงงง ๆ ๆ”
เขายืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านหลายครั้งก็ยังเงียบจึงส่งเสียงตะโกน
“มา คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่า ออกมาฟังผมอธิบายก่อน”
“หยุดตะโกนโหวกเหวกโวยวายไม่มีมารยาทได้แล้ว ฉันอายชาวบ้าน”
วิภาเป็นคนออกมาเปิดประตูและตำหนิเขาเสียงเขียว
“คุณแม่ครับ ผมรู้ว่ามาอยู่ในบ้าน ให้มาออกมาพบกับผมสักครั้งนะครับ อย่างน้อยให้เราได้ปรับความเข้าใจกัน”
“ไม่มีอะไรต้องปรับแล้ว นายออกไปจากชีวิตลูกสาวของฉันเถอะ”
“มา ๆ ๆ ออกมาคุยกับผมก่อน ผมขอร้อง” เมื่อขอร้องวิภาดี ๆ แล้วแต่เธอก็ยังคงตั้งท่ารังเกียจเขาเหมือนเดิม เขาจึงตะโกนเรียกเธออีกครั้ง
“แม่คะ ใครมาคะ” มาริสาเดินออกมาและ…
“มา คุณอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย”
“ทำไมคุณไม่โทรมาง้อฉันบ้าง”
“โทรมาแล้ว โทรมาหลายครั้งแล้วด้วย แม่ของคุณรับสายและบอกว่าคุณไม่อยู่”
มาริสาหันไปหาแม่ของเธออย่างผิดหวังที่แม่โกหกเธอ
วิภาได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกสาวและลูกเขยกำมะลอแล้วเดินเข้าบ้านไป
“มา ผมมารับคุณกลับบ้าน”
“คุณแน่ใจเหรอคะ”
“ใช่ บ้านของผม บ้านของเรา คุณจำได้ไหมตอนนั้นคุณเคยถามผมว่าอยากไปอยู่ภูเก็ต แต่ผมบอกคุณว่ายังไม่พร้อม ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว กลับบ้านเราเถอะนะครับ”
“คุณจะไม่หนีฉันไปอีกแล้วแน่นะ”
“ผมสัญญา ให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ”
“ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”
...
มาแบบจุใจ สี่ตอนรวดไปเลย
โปรดติดตามตอนต่อไป และขอความร่วมมือคอมเมนต์ด้วยถ้อยคำสุภาพ
ขอบคุณค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา