1 ก.พ. เวลา 03:23 • ไลฟ์สไตล์
คนตาบอดก็ดีอย่าง ไม่ต้องไปเห็นอะไร ให้มานึกคิด พอไปเห็น ก็งานเข้า อารมณ์นึกคิด ก็เข้ามา จูงให้ไปยึด อารมณ์ก็โผล่ลุกขึ้นมาในตัวตน ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ วิตกกังวล ไอ้นั้นอย่างนี้ ไอ้โน้นอย่างนี้น แหม่ มันคิดนึกอยู่ได้ ไม่ได้ไปไหน เลย ..อยู่ในกายนี้เอง
นี่กายนี่ไปนั่งในป่าคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไปเดิน ไปยืน ไปนั่ง ไปนอน ไม่มีอารมณ์นึกคิด จิตจะมีความสุขมั้ยหนอ อารมณ์นึกคิดไม่รบกวน จิตจะบริสุทธิ์มั้ยหนอ ไม่ไปเห็นสิ่งที่เค้าเขียน เค้าสร้างกัน กายใจมันคงไม่มีอารมณ์ อะไรเข้ามา ให้อารมณ์ มันลุกขึ้นมาเป็นใหญ่ .มันมองไม่เห็นเสียด้วย อยู่ในเรือนกายที่อาศัย ที่จิตนั้นหลงใหล ..อารมณ์กรรมตัวกระทำ..ที่มันไหลลงมาเสมือนสายน้ำ ไหลมาตลอด..ลงสู่กายตั้งแต่เกิดไปจนตาย หยุดสายนี้ไม่ได้เลย ต้องแหวกว่ายไปตามน้ำ ตามอารมณ์นึกคิดในตัวตน ออกจากสายน้ำนี้ไม่ได้เลย
เราก็อยากจะเข้าป่า แบบองค์พระสิทธัตถะ ..แต่ยังไม่มีปัญญาธรรม มองเห็นทุกข์ อยู่เมืองเป็นทุกข์ อยูรยศฐานบรรดาศักดิ์เป็นทุกข์ เป็นกรรมไปเสียทั้งหมด จิตมันยังยึดสิ่งเหล่านั้นอยู่ ชาตินี้ยังตัดใจเข้าป่าไม่ได้ กลัวลำบากลำบน ..ไปอยู่แบบ หากินเอง ..ไม่มีใครประเคนให้กิน มันจะเป็นอย่างไรหนอ
..มันกลัวตาย กลัวอดยาก ไม่มีใครทำให้กิน..ไอ้ที่หายใจเข้าออก มันยังเป็นทำนอง หายใจก็โลภก็นึกคิด หายใจด้วยอารมณ์ที่เค้าปรุงแต่งให้อยู่ ไม่รู้ว่าเค้าปรุงให้หยุดวันไหน ..ก็หายใจด้วโลภบ้าง โกรธบ้าง โลภบ้าง สุดแต่เวรกรรมที่เค้าปรุงลมเข้าออกให้ ..ลมเข้าออกติดขัดหน่อย กายมันทุรนทุราย ..ไม่หยุดหย่อน ..มันเกิดเกิดดับ จะหมดความรู้สึกให้ได้เลย
โฆษณา