2 ก.พ. 2024 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ปี23 “Private Fund” & “PVD” โตต่อเนื่อง +10.36% และ +2.83% ตามลำดับ

“บลจ.พรินซิเพิล” แชมป์กองทุนส่วนบุคคลโตสุด +206.56% ส่วน “บลจ.เคดับบลิวไอ” แชมป์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โตสุด +967.28% !!!
สาระ Fund วันละนิด: วันนี้จะพามาส่องอีก 2 ธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมกองทุน ได้แก่ “กองทุนส่วนบุคคล” (Private Fund) และ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” (Provident Fund: PVD) กันบ้าง
ในปี2023 ที่ผ่านมา กองทุนทั้ง 2 ประเภท มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่องไม่ต่างอะไรกับ “กองทุนรวม” โดยในส่วนของ “กองทุนส่วนบุคคล” นั้น มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปี23 ที่ 2.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น +10”36% จากสิ้นปีก่อน แม้ว่าจะมีประเด็นเรื่องการ “เก็บภาษีเงินลงทุนต่างประเทศ” ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ก็ดูไม่ได้ทำให้การเติบโตชะลอตัวลงแต่ประการใด
ด้าน “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” สิ้นปี23 มี AUM ทั้งสิ้น 1.42 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +2.83% อาจจะดูไม่ร้อนแรงแต่ก็เป็นลักษณะปกติของการเติบโตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
โดยแต่ละบลจ.มีการเติบโตใน 2 ธุรกิจนี้เป็นยังไงบ้างนั้น ทางทีมงาน ‘Wealthy Thai’ ได้สรุปรวบรวมเอาไว้ให้หมดแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย
"กองทุนส่วนบุคคล" ปี23 AUM แตะ 2.2 ลลบ. โตแรง +10.36%...“บลจ.พรินซิเพิล” โตสุด +206.56% ส่วน “บลจ.เอ็กซ์สปริง” ร่วงสุด -25.38%, “บลจ.เอไอเอ” ส่วนแบ่งมากสุด 33.62%
อาจด้วยโลกการลงทุนเปิดกว้างขึ้นและโพรดักท์การลงทุนก็มีความหลากหลาบและสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้บริการ “กองทุนส่วนบุคคล” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีประเด็นเรื่องการเก็บภาษีเงินลงทุนในต่างประเทศเข้ามาแทรกในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ก็ดูไม่ได้ทำให้การเติบโตของกองทุนส่วนบุคคลลดลงแต่ประการใด
“ผู้เล่นในธุรกิจนี้ ก็มีมากมายหลายหลาก ฝั่งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ก็มีกระโดดเข้ามาทำ บลจ.รูปแบบใหม่ๆ ก็สนใจเช่นกัน เรียกว่า เป็นตลาดที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในการสำรวจนี้ จะโฟกัสบลจ.และบล. ที่เป็นสมาชิกของ ‘บริษัทจัดการลงทุน’ (AIMC) เท่านั้น”
สิ้นปี2023 “กองทุนส่วนบุคคล” มีสมาชิกทั้งสิ้น 23 แห่ง มี AUM ทั้งสิ้น 2,170,065.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +10.36% จากสิ้นปีก่อน โดยมีบลจ. 10 แห่ง คิดเป็น 43% จากทั้งหมด ที่โตชนะอุคสาหกรรม ในขณะที่อีก 13 บลจ. คิดเป็น 57% โตแพ้ค่าเฉลี่ย ในจำนวนนี้มี 4 บลจ.ที่โตลดลง
สำหรับ 4 บลจ.ที่มีกองทุนส่วนบุคคลเติบโตมากสุดในปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ยมากกว่า 40% นำมาโดย อันดับ1) “บลจ.พรินซิเพิล” +206.56%, 2) “บลจ.วรรณ” +43.74%, 3) บลจ.ทาลิส +42.09% และ 4) “บลจ.กรุงไทย” +39.38%
ส่วน 4 บลจ.ที่มีการเติบโตลดลงนั้น ประกอบด้วย 1) “บลจ.เอ็กซ์สปริง” ลดลง -25.38%, 2) “บลจ.บางกอกแคปปิตอล” -12.84%, 3) “บลจ.เกียรตินาคินภัทร” -1.95% และ 4) “บลจ.กสิกรไทย” -0.77% ตามลำดับ
ทั้งนี้พบว่า 5 บลจ.ที่มีส่วนแบ่งกองทุนส่วนบุคคลมากสุดนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 80.98% นำมาโดย
“บลจ.เอไอเอ” มี AUM 729,533.38 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 62%
“บลจ.ไทยพาณิชย์” มี AUM 647,782.93 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 85%
“บลจ.กสิกรไทย” มี AUM 186,985.28 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 62%
“บลจ.กรุงศรี” มี AUM 118,279.24 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 45%
“บลจ.ทิสโก้” มี AUM 74,839.44 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 45%
"กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" ปี23 AUM 1.4 ลลบ. +2.83%...“บลจ.เคดับบลิวไอ” โตสุด +967.28% ส่วน “บลจ.เอ็มเอฟซี” ร่วงสุด -14.13%, “บลจ.ทิสโก้” ส่วนแบ่งมากสุด 18.45%
หันมาดู “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” กันบ้าง ถือเป็นตลาดที่บลจ.ใหม่ไม่ค่อยกล้ากระโดดเข้ามาเล่นเท่าไรนัก เป็นตลาดที่แข่งยาก และอาจไม่คุ้มที่จะทำ ด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด
โดยเฉพาะกองทุนเดี่ยวขนาดใหญ่ทั้งหลายของหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น แต่ในฝั่งตลาดของบริษัทเอกชน ยังพอมีพื้นที่ให้เติบโตอยู่ที่ใครจะช่วงชิงกันมาได้มากน้อยแคไหนเท่านั้นเอง
การเติบโตก็เป็นแบบน้ำซึมบ่อทรายเรื่อยๆ จาก “เงินสะสม-เงินสมทบ” ที่เข้ามาตลอด และอีกส่วนก็จาก “ผลตอบแทนจากการลงทุน”
สิ้นปี2023 “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” มีสมาชิกอยู่ 17 แห่ง มี AUM ทั้งสิ้น 1,421,986.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2.83% จากสิ้นปีก่อน โดยมี 11 บลจ. คิดเป็น 65% ที่โตชนะอุตสาหกรรม ส่วนอีก 6 บลจ. คิดเป็น 35% ที่โตแพ้อุตสาหกรรม ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2 บลจ.ที่โตลดลง
สำหรับ 4 บลจ.ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี23 โตมากสุดนั้น เฉลี่ยโตมากกว่า +10% นำมาโดย อันดับ1) “บลจ.เคดับบลิวไอ” +967.28%, 2) “บลจ.แอสเซท พลัส” +100%, 3) “บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” +16.56% และ 4) “บลจ.บางกอก แคปปิตอล” +10.65%
ส่วน 2 บลจ.ที่มีการเติบโตลดลง ได้แก่ “บลจ.เอ็มเอฟซี” ลดลง -14.13% และ “บลจ.บัวหลวง” -9.18% ตามลำดับ
ทั้งนี้พบว่า 5 บลจ.ที่มีส่วนแบ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากสุดนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 67.88% นำมาโดย
“บลจ.ทิสโก้” มี AUM 262,352.77 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 45%
“บลจ.กสิกรไทย” มี AUM 239,503.15 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 84%
“บลจ.ไทยพาณิชย์” มี AUM 198,574.61 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 96%
“บลจ.กรุงไทย” มี AUM 163,253.06 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 48%
“บลจ.เอ็มเอฟซี” มี AUM 101,593.90 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 14%
ทั้งหมดนี้ คือ บางส่วนของการเติบโตของธุรกิจ “กองทุนส่วนบุคคล” และ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ในปี2023 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีสัญญาณที่ดี ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของนักลงทุนสถาบันที่มีมากขึ้นในฐานะของทางเลือกในการบริหารจัดการเงินลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพมาก ในท่ามกลางตลาดการลงทุนโลกที่นับวันก็ท้าทายมากขึ้นทุกปี
โฆษณา