5 ก.พ. 2024 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์

• รู้ไหมวิธีพิสูจน์ว่าใครเป็นฆาตกรในยุคกลาง คือให้ผู้ต้องสงสัยอยู่กับศพ

ถ้าศพมีเลือดไหล แปลว่าคนนั้นเป็นฆาตกร
ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 12 จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 ศาลในยุโรปรวมถึงในอาณานิคมอเมริกา มีหนึ่งในวิธีการที่ใช้พิสูจน์ว่า ใครเป็นคนร้ายที่ก่อคดีฆาตกรรม โดยเป็นวิธีที่เรียกว่า ‘Cruentation’ หรือการที่มีเลือดไหลออกมาจากศพ
วิธีการนี้มาจากความเชื่อที่ว่า ถ้าฆาตกรอยู่ใกล้กับศพของคนที่ตนฆ่าและใช้มือสัมผัสกับศพ ศพของผู้ตายจะมีเลือดไหลออกมาผ่านทางรูจมูก ลูกตา หรือบาดแผล เพราะวิญญาณผู้ตายจะสื่อสารผ่านทางเลือด และถือเป็นคำตัดสินจากพระผู้เป็นเจ้าที่ใช้มัดตัวฆาตกร
ที่มาของ Cruentation ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ปรากฏครั้งแรกในศตวรรษที่ 6 ในมหากาพย์ของเยอรมันเรื่อง Nibelungenlied ในตอนที่ซิกฟรีด (Siegfried) ถูกฆาตกรรม และเมื่อผู้ร้ายนามว่า ฮาเกน (Hagen) อยู่ใกล้กับศพของซิกฟรีด บาดแผลบนศพก็มีเลือดไหลออกมา
ว่าแต่ในทางวิทยาศาสตร์ เลือดสามารถไหลออกมาจากศพได้หรือไม่ คำตอบคือเป็นไปได้
หลังจากที่เสียชีวิต ร่างกายของคนเราจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ‘Livor mortis’ หรือการที่เลือดไหลกองลงมาตามแรงโน้มถ่วง ตัวอย่างเช่นหากเสียชีวิตตอนที่นอนหงาย เลือดในร่างกายจะไหลกองรวมกันอยู่ในบริเวณด้านหลังของร่างกาย
เลือดสามารถไหลออกจากศพได้ แต่จะออกมาไม่มาก ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการแข็งตัวของเลือดหลังการเสียชีวิต
ส่วนกรณีของ Cruentation ที่อ้างว่ามีเลือดไหลออกมาจากศพนั้น ความจริงอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘Purge fluid’ ซึ่งเป็นของเหลวที่เกิดจากการย่อยสลายภายในร่างกาย เมื่อมีการสัมผัสหรือกระแทกไปที่ศพ Purge fluid ก็สามารถไหลออกมาทางรูจมูกหรือรูอื่น ๆ บนร่างกายได้
อ้างอิง
1
#HistofunDeluxe
โฆษณา