3 ก.พ. เวลา 18:42 • ประวัติศาสตร์

ดอกป๊อปปี้ ดอกไม้สัญลักษณ์แด่รั้วของชาติ

ดอกป๊อปปี้ เป็นดอกไม้ประจำวันทหารผ่านศึกนั้นในทางสากลถือว่าเป็นดอกไม้ที่สื่อความหมายถึงทหารผ่านศึกผู้พลีเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องมาตุภูมิอันเป็นที่รัก ซึ่งมีประวัติเกี่ยวโยงถึงสมรภูมิฟลานเดอร์ส สมรภูมิเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ระหว่างสัมพันธมิตรและเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสงครามในครั้งนั้น ทหารพันธมิตรได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากสมรภูมินี้มากที่สุด
ดอกป๊อปปี้ เป็นพืชในวงศ์ Papaveraceae ที่ออกดอก ดอกป๊อปปี้จะประกอบด้วย 4-6 ใบ มีสีสันแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพันธุ์ บางพันธุ์อาจมีลวดลาย ดอกป๊อปปี้แดง (พันธุ์ Papaver rhoeas) เป็นวัชพืชพันธุ์หนึ่งในยุโรป ป็อปปี้เป็นไม้ล้มลุก โดยสามารถสูงได้มากถึง 1 เมตรและยาว 15 เซนติเมตรในแนวขวาง ดอกของป็อปปี้จะมี 4 ถึง 6 กลีบ โดยในพื้นที่เขตอบอุ่น ป๊อปปี้จะออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงต้นฤดูร้อน และสปีชีส์ส่วนใหญ่จะหลั่งยางเมื่อได้รับบาดเจ็บ
ดอกของป๊อปปี้สวยจึงมักปลูกเพื่อใช้เป็นไม้ประดับ แต่นี้ยังมีบางสปีชีส์ที่มีการใช้งานในอุตสาหกรรมยาและอาหาร ต้นฝิ่นถูกปลูกโดยทั่วไปในหลายพื้นที่และถูกจับตาโดยองค์การนานาชาติ โดยผลผลิตหลักคือฝิ่นซึ่งเป็นสารตั้งต้นของโอปิแอตเช่น มอร์ฟีน เฮโรอีน และ โคเดอีน
เหตุที่ดอกป๊อปปี้ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากมันโตขึ้นเป็นจำนวนมากในสถานที่ที่เป็นสนามรบสำคัญในประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 1 คือ สมรภูมิทุ่งฟลานเดอร์ส (The Battle of Flanders) หนึ่งในแนวรบด้านตะวันตกที่ฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยฝรั่งเศส อังกฤษ และฝ่ายอักษะ นำโดย เยอรมัน ออสเตรีย – ฮังการี ตุรกี ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
จากการที่มันโตขึ้นเต็มไปทั้งท้องทุ่งระหว่างที่สงครามยังคงปะทุอยู่ ทำให้ จอห์น แมคเรย์ นายแพทย์ชาวแคนาดา ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นแพทย์สนามอยู่ ณ สนามรบนั้น นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งกวีบทหนึ่งคือ “In Flanders Fields” ใน ค.ศ. 1915 จากการที่ในบทกวีพรรณนาถึงดอกป๊อปปี้ที่โตขึ้นทั่วท้องทุ่ง และความตายของเหล่าทหารหาญในสนามรบ ทำให้ดอกป๊อปปี้กลายเป็นตัวแทนของความเสียสละ ความกล้าหาญ ของทหารที่เข้าร่วมสงครามโลกทั้งครั้งที่ 1 และ 2 รวมถึงสงครามอื่น ๆ ในภายหลัง
หลังมีการตั้ง The Royal British Legion (องค์กรการกุศลเพื่อสงเคราะห์ทหารผ่านศึกของอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1921 ประกอบกับการทำให้ดอกป๊อปปี้เป็นสัญลักษณ์ทางการกุศลเพื่อช่วยเหลือทหารผ่านศึก การจำหน่ายดอกป๊อปปี้ของจากองค์กรก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นลำดับ จาก 578,188 ปอนด์ ในปี ค.ศ. 1938 เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 รายได้ก็เพิ่มเป็นราว 20-21 ล้านปอนด์ ขณะที่ในช่วงสงครามกับอัฟกานิสถานและอิรักรายได้จากการขายดอกป๊อปปี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 40 ล้านปอนด์
ประเทศในแถบตะวันตก จะยึดเอาวันที่ 11 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก (Veteran’s Day) เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เป็นต้น (อังกฤษเรียกว่า วันสงบศึก หรือวันที่ระลึก Remembrance Day) กล่าวคือเป็นวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลาง ลงนามสงบศึกในขบวนรถไฟที่เมืองกงเปียญ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 อันเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างเป็นทางการ
สำหรับประเทศไทย ยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันทหารผ่านศึก โดยเป็นวันคล้ายวันสถาปนาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) จัดตั้งเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) มีฐานะเป็นองค์การของรัฐเพื่อการกุศล เป็นองค์การเพื่อให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในการรบ รวมทั้งเชิดชูเกียรติแก่ทหารผ่านศึก
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2491 โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดเกล้าฯ รับ อผศ. เข้ามาอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต่อมาได้มีการปรับปรุงโดยพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2510 และปรับปรุงอีกครั้งโดยพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2560
กิจกรรมในวันทหารผ่านศึกของไทย จะมีรัฐพิธีวางพวงมาลารำลึกถึงเหล่าทหารหาญที่สละชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ การจำหน่ายดอกป๊อปปี้เพื่อสมทบทุนสนับสนุนกิจการขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก การแสดงจำลองประวัติศาสตร์กรณีสงครามต่างๆ เป็นต้น
โฆษณา