ทำไม รถ EV ถึงเปลี่ยนไว?
หลายๆ คนอาจจะไม่เคยสังเกต แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ รถ EV โดยเฉพาะ Tesla มีพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ไวมากๆ เมื่อเทียบกับรถสันดาปภายใน (ICE) สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิด และพัฒนาเนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป
- รถ EV มีชิ้นส่วนเพียงประมาณ 15,000 ชิ้น ในขณะที่รถ ICE มีชิ้นส่วน 20,000-30,000 ชิ้น แต่ถ้าดูเฉพาะส่วนที่เคลื่อนไหวได้ รถ EV มีประมาณ 200 ชิ้น ส่วนรถ ICE มี 1,000-2,000 ชิ้นเลยทีเดียว ความแตกต่างนี้ทำให้ความยากง่ายในการออกแบบรถ และการประกอบต่างกันมาก ชิ้นส่วนที่น้อยทำให้กระบวนการออกแบบง่ายขึ้นมากกว่าเดิม
- คุณลักษณะของรถหลัก (competitive edge) ที่คือการขับให้ได้เร็ว ไกล และประหยัด จากเดิมที่ต้องพัฒนาชิ้นส่วน (เช่น เครื่องยนต์ หัวเทียน แคม หัวฉีด ECU เกียร์) แต่ละอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งพัฒนาการทีละเล็กทีละน้อย พอมาเป็นรถ EV เหลือจุดที่ต้องพัฒนาไม่มาก ซึ่งคือ มอเตอร์ แบตเตอรี่ และซอฟท์แวร์
- รถ ICE เดิมที่ใช้กลไก และหลักการทางฟิสิกส์ในการทำงานเกือบทุกอย่าง และแทบไม่ต้องมีคอมพิวเตอร์ในการทำงานเลย หลังๆ อาจจะมี ECU บ้างที่ควบคุมการทำงานของหัวฉีด หัวเทียน และแคม แต่รถ EV ใช้ซอฟท์แวร์ในการขับเคลื่อนเป็นหลัก และพึ่งพาคอมพิวเตอร์ในการทำงานเกือบทุกอย่าง ทำให้การทำงานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไว เพราะแค่แก้ซอฟท์แวร์
แต่ก็แปลว่า ถ้าคอมพิวเตอร์มีปัญหา ก็จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นทันที หรือแปลง่ายๆ ว่าเราจะฝากชีวิตไว้กับคอมพิวเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ
และพอเช่นกัน attack surface ก็มากขึ้น ช่องโหว่ของซอฟท์แวร์ต่างๆ สามารถถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะวันที่รถ EV มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตมากขึ้น จากที่เคยต้องมาตัดสายเบรก วันนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นการแฮกระบบแทน
นอกจากนี้ เดิมทีรถ ICE ที่มีสายนับพันสำหรับการควบคุมการทำงานตั้งแต่ใบปัดน้ำฝน ไฟเลี้ยว ไฟหน้า คันเร่ง เบรก พอมาเป็นรถ EV เนื่องจากทุกสิ่งใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุม ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้สายข้อมูลแทนทั้งคัน และมีเพียงอุปกรณ์เล็กๆ ปลายทางที่สามารถรับข้อมูล และไปควบคุมการทำงานก็พอ
ทำให้การเดินสายทำได้ง่ายขึ้น และสามารถเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง และรูปแบบการทำงานได้ง่าย (ใครที่สนใจ ลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานการส่งข้อมูลที่พัฒนากันมาในรถ ICE เช่น CAN bus, LIN bus, MOST bus, FlexRay, K-Line)
- 58
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
