24 ก.พ. เวลา 08:50 • ปรัชญา

ในวิกฤต เมื่อโลกกำลังเคลื่อนผ่านโค้งอันตรายของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ก็มีโอกาสที่ยิ่งใหญ่ รออยู่

การรับรู้ของการใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่โลกกำลังเคลื่อนผ่านโค้งอันตราย หลายคนคงเริ่มรู้สึกเห็นคล้อยตามคำที่พุทธะสอนว่า"ชีวิตมีแต่ทุกข์เกิดกับทุกข์ดับ"
และ Always remember for peace life
ความสุขที่แท้จริงของชีวิตคือความสงบบนทางสายกลางที่อยู่ระหว่างความสุขและความทุกข์
Always remember for peace life
สภาวะความกลัวและความขัดแย้งในโค้งอันตราย
ได้เผยธาตุแท้ของคนสี่รูปแบบซึ่งเปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า ให้โลกได้รู้ความจริงว่า ไผ เป็น ไผ
คนที่เป็น"บัวเหนือน้ำ"
อยู่พ้นจากกระแสข้อมูลน้ำในคลองสื่อโซเชียล
รู้จักแยกแยะเอาข้อมูลความจริงและเททิ้งข้อมูลปรุงแต่ง เพราะมองเห็นความจริงของน้ำในคลองซึ่งปั่นป่วนด้วยกระแสปรุงแต่งข้อมูลโซเชียลที่ต่างดิ้นรนเอาธุรกิจของตัวเองให้รอดในตลาดการแข่งขันสมบูรณ์ของโลกยุค 5G ที่ใครๆ ก็เป็นสื่อได้
กลุ่มคนที่เป็น"บัวยังไม่พ้นน้ำ"
ตกเป็นเหยื่อเพราะจมอยู่ในกระแสธารของข้อมูลข่าวสารในคลองสื่อโซเชียลที่ถูกปรุงแต่งให้ปั่นป่วนด้วยวิธีการปลุกเร้าอารมณ์ สร้างสภาวะความกลัวและความขัดแย้งในโค้งอันตรายเพื่อทำให้คนติดตามอยากจะรู้ผลว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดผลอะไรที่จะกระทบมาถึงความมั่นคงของตัวเขาหรือเปล่า
หลวงพ่อชา พูดสอนโยมเรื่องคนมองไม่เห็นตัวเองว่า
"สิ่งที่มีอยู่ เป็นอยู่ แต่เรามองไม่เห็น"
เปรียบเหมือนปลา อยู่ในน้ำ มองไม่เห็นน้ำ ก็ได้
แต่ คนที่อยู่บนฝั่งริมคลอง มองเห็นน้ำในคลอง มองเห็นปลาและสิ่งต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำในคลอง
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล สอนว่า "จิตส่งออกนอกเป็นทุกข์"
คนที่จิตสงบอยู่ในบ้าน ไม่เป็นทุกข์
หลวงพ่อชา สอนเรื่องการใช้ชีวิตคน เหมือนเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด เข้าไปพักอยู่โรงแรม พออยู่ไปนาน นึกเอาเองว่าโรงแรมเป็นของตัว ไปทะเลาะกับเจ้าของโรงแรม คงจะเหมือนกฎหมายครอบครองปรปักษ์ ในความเป็นจริงสรรพสิ่งเป็น"สมบัติของโลก" ไม่ใช่ของใคร ทุกคนเป็นเหมือนนักท่องเที่ยวที่ได้ Visa มาใช้ชีวิตบนโลก พอหมด Visa ก็จากโลกนี้ไป ไม่มีใครเอาอะไรมา และไม่มีใครได้อะไรไป
โลกเผชิญสภาวะสงครามในปัจจุบัน
เป็นผลจากเหตุคือความหลงผิดของเผด็จการที่คิดครอบครองปรปักษ์ อยากก่อสงครามเพื่อแย่งชิงเอา"สมบัติของโลก" เพราะสงครามเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้รักษาอำนาจเผด็จการให้คงอยู่ ในขณะที่ประชาชนไม่ต้องการเข้าสู่สงคราม
ล่าสุด รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ประกาศเกณฑ์ประชาชนเป็นทหาร ทำให้ประชาชนแตกตื่นแห่ขอ Visa เข้าไทยเพื่อหนีออกจากพม่าไปขออยู่ไทย ยาวๆ
ในโลกของระบอบเผด็จการนั้น ทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มเผด็จการโดยใช้ระบบอุปถัมภ์ดูแลคนที่เป็นพวกแต่กดทับคนที่เห็นต่าง
ผู้นำเผด็จการ"จิตส่งออกนอก"
ขับเคลื่อนโลกในตัวด้วย "ตัวกู ของกู" ใช้ "ตัวกู" แสวงหา รวมถึงแย่งชิงสมบัติของโลก มาเป็น "ของกู"
จิตไม่เคยหันกลับเข้ามาพิจารณาดูภายในตัวของตัวเอง จึง ไม่รู้ ว่า แท้จริง ตัวกูนั้น ไม่มี
ด้วยความเห็นผิดของผู้นำเผด็จการ
ทำให้เกิดสภาวะความกลัวและความขัดแย้งในโค้ง
2024 โลกเริ่มเข้าโค้งอันตราย Per Crisis(Permanent Crisis) บนเส้นทาง Great Reset Age: 2020-2030
คนที่เป็น"บัวเหนือน้ำ"
มองเห็นความจริงของโลกอนิจจังว่า
"ในวิกฤต นั้นมีโอกาสเสมอ" โดยขึ้นอยู่กับพลังธรรมชาติว่าจะเทความถึงพร้อมไปด้านไหน
พลังธรรมชาติของทุนเสรีเพื่อประชาชนคนเท่ากัน
เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วย"ทุนมนุษย์ "ที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวัง โดยรัฐบาลยอมเป็นหนี้แทนประชาชนเพราะบริหารเพื่อประชาชนที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ล่าสุดทุนเอกชนในอเมริกาสามารถส่งยานไปลงเพื่อสำรวจดวงจันทร์
พลังธรรมชาติของผู้นำเผด็จการ ใช้ระบบกำไรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ใช้เงินทุนเป็นพลังทางเศรษฐกิจผ่านระบบอุปถัมภ์ไปโอบรับคนที่ยอมเป็นพวก พร้อมกับกดทับให้คนที่เห็นต่างเป็นเพียงแรงงานทาสทางเศรษฐกิจ
สรุปเหตุการณ์สงคราม
สงครามรัสเซียยูเครน
ลากยาวต่อไปอีก 1 ปี เพราะอเมริกาอนุมัติเงินช่วยช้ามาก ทำให้ยูเครนขาดกระสุน เสียดินแดนเพิ่ม ต่อเมื่อได้รับเงินสนับสนุนก็จะยันกันต่อไปได้
สงครามในพม่า
รัฐบาลทหารพม่าใช้กลยุทธ์พยายามรักษาพื้นที่ และพยายามเกณฑ์ประชาชนเข้าเป็นทหารเพิ่ม และจะมีคนวัยทำงานชาวพม่าในไทยหนึ่งล้านคนใกล้หมด visa ถ้ากลับพม่าจะถูกเกณฑ์ทหาร ยืนระยะไปเรื่อยๆ รอให้ฝ่ายตรงข้ามหมดเงินสนับสนุน ก็จะล้าไปเอง
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว
เนื่องในวันมาฆบูชา
วันที่พุทธะ เทศนาสอนภิกษุ 1250 รูปที่มาร่วมประชุมกัน ให้ได้รับรู้วิธีปฏิบัติเรื่องที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา คือ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
สำหรับปุถุชนคนธรรมดา
การปฏิบัติตามหัวใจพุทธศาสนานั้นยาก กว่าภิกษุ เพราะภิกษุอยู่ในสภาพแวดล้อมของบรรพชิตพร้อมกับมีศีล 227 ข้อเป็นเครื่องช่วยควบคุมการปฏิบัติละเว้นความชั่ว
แต่ปุถุชนคนธรรมดา
ต้องตื่นขึ้นรู้ทันประสาทสัมผัสของตัวเอง เพื่อละวางความคิดรูปแบบสัญชาตญาณสัตว์ที่ติดตัวเรามา
หลวงพ่อชา สอนเรื่องคนเราแรกเกิดมาจิตใจประกอบด้วยสัญชาตญาณไม่แตกต่างจากสัตว์ เรียกว่าเป็นสัตว์มนุษย์ ต่อเมื่อได้รับการอบรมบ่มนิสัยเช่นรู้จักปฏิบัติศีลห้าจึงมีศีลคุ้มครองให้ได้เป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจสูง
มนุษย์และสัตว์ในอดีต
สามารถรักษาเผ่าพันธุ์ให้ดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้ด้วย สัญชาตญาณการเอาตัวรอดและเรื่องการสืบพันธุ์
แต่มนุษย์ต่างจากสัตว์
มนุษย์สามารถสร้างภาษาขึ้นมาส่งต่อความรู้ รุ่นต่อรุ่น เกิดความเจริญก้าวหน้าต่อไปได้เรื่อยๆ
ด้วยมนุษย์พูดได้และมีสมองที่คิดได้เร็ว สามารถอบรมพัฒนา สร้าง"สัญญาแบบปัญญารอบรู้"ให้เป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจสูงได้
สัญญาแบบปัญญารอบรู้
รู้ทัน ผ่านภาพขยายหรือหนัง slow motion(เพราะสติเร็วกว่า) ทำให้สามารถแยก กาย ออกจากใจ เพราะเห็นกิเลส เห็นตัณหา เห็นอุปทาน เห็นกรรม เพียงแค่เห็นก็วางเพราะเข้าใจ เหมือนเห็นลิง ไม่เป็นลิงเพราะรู้จักว่าลิงต้องเป็นอย่างนั้น เห็นลิงแล้วไม่รำคาญ แม้เวทนามีอยู่ แต่ไม่ทุกข์
เมื่อสิ่งเหล่านั้นจางหายไปแล้ว ศีลจึงปรากฏ ศีลคือความปกติ ตา หู กาย รับรู้ปกติเป็นทิพย์ ไม่ทุกข์ เพราะหมดมานะเก้าคือไม่เปรียบเทียบ จึงไม่มีสั้นมียาวด้วยกิเลสโลภโกรธหลง
แม้กายถูกขัง กายป่วย แต่ใจไม่เป็นทุกข์
เพียงรู้ แล้ว วาง ด้วยสติ ภายในกาย มีสติอยู่ที่ลมหายใจ ต้องฝึกถอดสัญชาตญาณของกายออก คือ แยกกาย กับ ใจ ไม่ต้องพยายามวาง เพราะความเข้าใจจะวางได้เอง จงอยู่ด้วยสัญญาแบบปัญญารอบรู้ ความเข้าใจความจริงของสิ่งต่างๆ
โฆษณา