17 ก.พ. เวลา 11:07 • การเมือง

รสนิยมการเมือง กำหนดวิธีคิดคน…

นั่งอ่านข่าวการตายในคุกของนายนาวัลนีที่รัสเซียแล้ว
ก็ค่อนข้างเฉยๆกับตัวข่าวนะ
ในรัสเซียมันคือเรื่องปกติ ที่ศัตรูของปูตินจะมีอันเป็นไป
ด้วยสาเหตุต่างๆนาๆ
…Oligarchs หลายคน ตกตึกตายหลังสงครามยูเครนระเบิดขึ้น
ก็อาจเพราะโดนว็อดก้าไปหลายช็อต เลยพลาดตกตึก…มั้ง….
1
…ส่วนนาวัลนีนั้น เข้าใจว่าเพราะในคุกคงไม่มีว็อดก้า
และอาคารสูงให้ตก เลยต้องตายแบบอื่น 555….
1
กับตัวข่าว ผมไม่แปลกใจ
แต่ผมมาสะดุดกับคอมเมนท์ และมุมมอง
ของคนไทยเราเองที่แสดงออกมาเสียมากกว่า
…มันออกไปในโทนว่า กบฏ สมควรตาย…
…ตายแบยไหนก็ช่าง…
โดยไม่ได้รู้สึกว่า
กระบวนการยุติธรรมของรัสเซียนั้นมีปัญหาเลย
ทั้งที่ความจริงแล้ว จนถึงตอนนี้ ปูตินเองก็ไม่ได้มีหลักฐาน
อะไรมากพอ ถึงความเป็นกบฏของนาวัลนี
ทุกวันนี้ เขาติดคุกด้วยข้อหายิบย่อยมากมาย ไปเรื่อยๆมากกว่า ไม่ใช่สาระหลักในคดีกบฏ
เข่นเดี๋ยวคนอื่นๆ ที่ตายอย่างมีเงื่อนงำ ก็เป็นลักษณะนี้
…พูดง่ายๆ ว่านี่คือศาลเตี้ยจากอำนาจทางการเมือง…
…ไม่ใช่ความยุติธรรม ในแบบที่นิติรัฐพึงมี….
แต่ทำไม คนไทยหลายคนชอบ ?
อันนี้ถ้าเราเทียบกับหลายกรณีในบ้านเรา ที่ตายอย่างลึกลับ
เราจะพบว่า มันมีมุมมองที่คล้ายกันอยู่
…คือคนที่ตายนั้น ไม่รักชาติ เป็นกบฏ สมควรตาย…
ทั้งที่ยังไม่ได้มีผลของคดีแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับการเสนอให้ใช้ความรุนแรง ต่อผู้เห็นต่าง
ในลักษณะของศาลเตี้ย ในปัจจุบัน
การข่มขู่คุกคาม ดูจะไม่มีใครใส่ใจนัก
หากคนโดนเป็นผู้เห็นต่าง ทั้งที่มีกฎหมายไว้จัดการ
พยานหลักฐานก็ค่อนข้างพร้อม
ยังไงคนก่อเหตุก็ต้องถูกลงโทษ
แต่ดูเหมือนจะอยากให้ใช้กฎหมายเกินเลย ฆ่ากันให้ตาย
แบบไม่สนใจกระบวนการทางกฎหมายเลยซะมากกว่า…
…ทั้งที่แม้แต่กับผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง
ปล้นฆ่า ข่มขืน ค้ายา หรือกระทั่งคอรัปชั่น
ยังไม่มีใครมองว่าสมควรโดนแบบนั้นเลย…
ผมไม่สนับสนุนการกระทำของกลุ่มคิดต่าง
…แต่ทุกอย่าง ต้องเป็นในกรอบกฎหมายเท่านั้น….
พื้นฐานความคิดแบบนี้ อิงจากวิธีคิดแบบอำนาจนิยม
ที่ฝ่ายการเมืองมีอำนาจเบ็ดเสร็จ สงสัยก็ฆ่าทิ้งได้เลย
ไม่ต้องรอกระบวนการใดๆ ถือเป็นการขจัดภัยของรัฐ
ซึ่งวิธีคิดแบบนี้ มันก็อาจถูก ถ้าฆ่าคนถูกตัว
และเขาเป็นภัยจริงๆ
ซึ่งส่วนมาก ความจริงแล้ว คนพวกนี้ไม่ได้เป็นภัยต่อรัฐ
…แต่เป็นภัยต่อผู้ถืออำนาจรัฐมากกว่า….
1
ตามหลักแล้ว บุคคล ย่อมไม่ใช่รัฐ ความเป็นภัยต่อบุคคล
จึงไม่ใช่ความปลอดภัยของรัฐ
ดังนั้นในกรณีแบบนาวัลนี มันจึงแสดงให้เห็นสภาพที่แท้จริง
ของรัสเซียว่าเป็นอย่างไร ภายใต้การปกครองของปูติน
…การสำคัญตนของปูตินว่าเขาคือรัฐ มันค่อนข้างน่ากลัวนะ…
…ระแวงใคร จับฆ่าทิ้งหมด มันคงไม่ใช่เรื่องถูกต้องนัก….
…สำหรับคนที่ชอบอะไรแบบนี้ ไม่โดนเองคงไม่รู้สึก…
…ลองสิ ถ้าอำนาจรัฐเปลี่ยนมือ คนมาแทนทำแบบนี้กับเขา
เขาก็จะพูดเหมือนที่คนอื่นด่าปูตินนั่นแหละ….
แนวคิดแบบนี้จึงไม่มีมาตรฐานอะไรเลย มันขึ้นกับความชอบของแต่บุคคลเพียงเท่านั้น และห่างไกลจากคำว่ายุติธรรมมาก
…คำถามก็คือ เราต้องการจริงๆเหรอ กับสังคมแบบนั้น….
…หรือเพราะเราชินกับเรื่องแบบนี้ จนมองว่าปกติ?…
คนเรานั้นมักมองอะไรจากมุมที่ตัวเองเคยชิน และชอบเสมอ
ถ้าตรงจริตก็ถูกต้อง มนุษย์เราไม่ได้มองที่ข้อเท็จจริงมากนัก
เรื่องนี้มีอีกตัวอย่างที่สำคัญ และชัดเจน คือวิธีมองสื่อ
สิ่งที่ผมขำมากที่สุด คือแนวคิดถึงการพูดว่า
สื่อตะวันตกนั้นควบคุมได้ และมักปิดบังบางอย่างไว้
ทำไมผมขำ ?
ง่ายมาก เพราะเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขทางธุรกิจ
และเทคโนโลยีในปัจจุบัน
ผมขอยกตัวอย่างสื่อในอเมริกาที่โดนด่ามากที่สุดนี่แหละชัดดี
สื่ออเมริกันนั้น เป็นเอกชนเกือบทั้งหมด
มันจึงมีการแข่งขันและทำลายคู่แข่งอยู่เสมอ
…อเมริกามีสื่อรัฐครับ แต่เรทติ้งต่ำมาก ไม่มีใครดู
ประมาณช่อง 11 บ้านเรานั่นแหละ มันไม่มีอิทธิพลอะไรกับสังคม แถมถ้าใครเอาสื่อแจกจากรัฐมาเสนอ สื่อเจ้านั้น
ก็แทบหมดอนาคตในสังคมอเมริกันเลยแหละ…
และสื่อของอเมริกันทุกสำนักนั้น มีแนวคิดทางการเมือง
เขาไม่ได้ปิดบังว่าต้องเป็นกลาง
CNN เป็นเดโมแครต , FOX เป็นรีพับลิกัน ใครๆก็รู้
ทั้งเงื่อนไขทางธุรกิจ และการสาดโคลนกันทางการเมือง
มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่รัฐจะปิดบังอะไรได้
เพราะหากคุณบิดเบือน อีกเจ้าจะเอาคุณจนตาย
และสื่อที่เสียเครดิตจากข่าวเท็จ ก็จะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป
ยังไม่นับว่า ถ้ารายใหญ่ปกปิด แล้วรายย่อยแหกอก
มันก็จะยิ่งแย่ ธุรกิจสื่อที่ขาดความน่าเชื่อถือ มันอยู่ไม่ได้หรอก
…ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้
ที่รัฐจะไปออกคำสั่งอะไรได้ …
…รัฐน่ะอยากปิด แต่สื่อเขาไม่ฟังคุณหรอก มันเป็นแบบนั้น…
มันต่างกับในรัสเซีย หรือประเทศอำนาจนิยม
ที่รัฐเล่นงานสื่อได้ในหลายรูปแบบ และสื่อส่วนมาก
ก็เป็นของรัฐ
มุมมองว่า สื่อควบคุมได้นั้น มันเป็นการสะท้อนวิธีมอง
แบบอำนาจนิยมออกไปเท่านั้น
คือ คิดว่าตัวเองเคยทำ คนอื่นมันก็ทำได้แหละ
ทั้งที่ความจริง ด้วยเงื่อนไขมันเป็นไปไม่ได้เลย
เอาง่ายๆว่าสื่อขวาจัดมากๆ เป็นลักษณะของพวกอาณาธิปไตย
เลยเนี่ย ในสหรัฐมีเยอะนะครับ แบบไม่เอาอำนาจรัฐเลย
เต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งเป็นภัยกับสหรัฐเองชัดเจน
แต่รัฐบาลก็ไม่เคยปิดปากพวกเหล่านี้ได้
เพราะกฎหมายบังคับอยู่ มันจึงทำได้แค่เพียงให้ข้อมูลอีกทาง
ออกมา แล้ววัดใจว่าประชาชนเชื่อใคร มันก็เท่านั้น
อเมริกา เป็นประเทศที่มีคนพวกนี้(Anarchy) เยอะมาก
พวกเขายังคุมไม่ได้ แล้วประสาอะไร จะไปคุมสื่อทั้งหมดได้
การที่เราเชื่อว่าพวกเขาควบคุมสื่อได้ มันมีเหตุผล
จากประสบการณ์ของตัวเราเองมากกว่าข้อเท็จจริง
เพราะ ก่อนจะถึงยุคอินเทอร์เน็ต โซเชี่ยลมีเดีย
สื่อไทยนั้นถูกควบคุมมาตลอดด้วยวิธีต่างๆ
ไม่ใช่อำนาจรัฐ ก็อำนาจเงินผ่านสปอนเซอร์โฆษณา
ทั้งจากรัฐวิสาหกิจ และเอกชนรายใหญ่
เราทุกคนรับรู้ความจริงข้อนี้ จึงชิน และเชื่อ ว่าสื่อนั้นถูก
ควบคุมได้ในทุกสังคม ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่
…และยังเชื่อแบบนั้น มาจนถึงวันนี้….
โดยที่เราไม่เคยมองความเป็นจริงเลยว่า
แม้แต่วันที่คุณทักษิณมีอำนาจเต็มมือ ก็ยังต้องพ่ายแพ้
ให้กับสื่อ ที่ควบคุมไม่ได้เช่นกัน…
…ดังนั้นถ้าว่ากันตามความเป็นจริง การควบคุมสื่อ
ในปัจจุบัน ทุกที่บนโลกนั้น เป็นไปไม่ได้เลย…
…นอกจากเกาหลีเหนือน่ะนะ…
ที่เขียนมา เพราะคิดว่ามุมมองแบบนี้มันน่าห่วง
เพราะการแตกแยกทางความคิดในบ้านเราปัจจุบันมันมาก
และมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรงได้ไม่น้อย
ผมกล้าพูดเลยว่า ต่อไปการจัดกิจกรรมของกลุ่มเห็นต่าง
ถ้ามีกลุ่มขาโหดฝ่ายขวาเข้าไปทำแบบเดิมที่สกายวอลค์
มันจะมีการตอบโต้แน่นอน
และค่อนข้างรุนแรงด้วย
เมื่อดูจากวีรเวรของกลุ่มทะลุแก็สสายแว้น
ที่สนับสนุนกลุ่มเห็นต่างนั้น มีดีกรี ไม่ธรรมดา
นักเลงแก่จะชนกับนักเลงเด็กเอาง่ายๆ
วิธีที่ดีที่สุด ที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้น
คือ ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย
1
อย่าใช้มันจนล้นเกิน และเลือกปฏิบัติ
1
…อย่างยุติธรรม..
1
เพราะยุติธรรมแปลว่า “ยุติ ด้วยความเป็น ธรรม”
ไม่ใช่ยุติ ด้วยความรู้สึกแบบศาลเตี้ย
…เหมือนที่หลายคนมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในรัสเซียนั้นถูกต้อง…
…ทั้งหลายทั้งปวง มันก็ต้องเริ่มจากวิธีคิดที่ถูกต้อง
มากกว่าเอารสนิยมทางการเมืองนำนั่นเอง….
โฆษณา