Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของเราเอง
•
ติดตาม
18 ก.พ. 2024 เวลา 06:31 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าหลังกำแพง EP.1 มือปืน
โต๊ดถูกตัดสินตลอดชีวิต โต๊ดบอกกับผมว่า “ถ้าวันนั้นปฏิเสธที่จะทำงานนี้ คงจะไม่มีวันเวลาที่เลวร้ายอย่างนี้แน่
ก่อนอื่นผมต้องขอโทษและสวัสดีทุกคนที่ติดตาม หลังจากห่างหายไปนานเนื่องด้วยภาระกิจจากงานประจำ จึงทำให้ไม่มีเวลาเขียนเรื่องราวให้ผู้ติดตามได้อ่านกัน โดยเรื่องราวต่อแต่นี้ไปจะเป็นเรื่องราวของ บุคลต่างๆที่ผมได้ประสบพบเจอมาไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ลูกน้องในที่ทำงานหรือเพื่อนร่วมงานและได้นั่งคุยกันจนได้เรื่องราวของบุคลนั้นๆมาเล่าให้ผู้อ่านได้อ่านกัน จนบางท่านอาจจะร้อง เห้ย!!!...มีแบบนี้ด้วยเหรอ ผมจะค่อยเล่าความเป็นมาและเป็นไป
โดยในการเล่าเรื่องในครั้งนี้ผมให้ชื่อว่า “เรื่องเล่าหลังกำแพง” เรื่องแรกนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนของผมคนหนึ่งที่ห่างหายไปกันนานแต่กลับได้มาพบกันในสถานที่ที่ไม่น่าจะพบกันได้
“โต๊ด” เป็นเพื่อสมัยเรียน ม.ต้น ผมรู้จักกันผ่านเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้บ้านของผมในเวลานั้น ซึ่งโต๊ดเป็นเด็กที่เรียนเก่งมากโดยเรียนอยู่ในห้องคิงของชั้น ซึ่งเด็กที่เรียนเก่งจะได้เป็นผู้นำในกิจกรรมต่างๆตามที่ครูแนะนำ ทำให้เราจึงอยากรู้จักโต๊ด โต๊ดเป็นคนนิสัยดีมากไม่เคยเอาเปรียบเพื่อนๆส่วนใหญ่จะออกตัวรับผิดแทนเพื่อนๆด้วยซ้ำยิ่งทำให้โต๊ดมีเพื่อนเยอะและมีคนห้อมล้อมซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เวลาเรียนวิชาที่ผมไม่เข้าใจผมก็จะขอคำปรึกษากับโต๊ด
หลังจากที่ผมจบ ม.3 พวกเราต่างคนต่างแยกย้าย ผมแยกไปเรียนสายอาชีวะ ส่วนโต๊ดเรียนต่อสายสามัญเลยไม่ได้ติดต่อกันเลยเพราะในสมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งต่อมาผมได้ข่าวว่าโต๊ดไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหาร ผมดีใจกับโต๊ดด้วยเพราะโต๊ดเป็นเด็กเรียนเก่งเหมาะแล้วที่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนแบบนั้น
เวลาผ่านไปหลายปี ผมน่าจะประมาณ 17 ปี ที่ผมไม่ได้เจอโต๊ด แต่ก็กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานที่ที่ไม่ควรได้มาเจอกันนั่นก็คือ “เรือนจำ” ครั้งแรกที่เจอกันหลังจากห่างหายไปหลายปี ผมก็รู้สึกคุ้นๆหน้ากับผุ้ชายคนนี้ เค้าเดินเข้ามาหาผมแล้วถามผมว่า “จำเราได้มั้ย??” ผมนิ่งและพยายามคิดอยู่พักใหญ่ว่าใคร??? แต่ก็ยังจำไม่ได้อยู่ดี จนเค้าพูดขึ้นมาเองว่า “ผมโต๊ดไง ที่เรียนที่โรงเรียนเดียวกันสมัย ม.ต้น” ผมถึงนึกออกว่าใคร หลังจากนั้นผมก็เลยถามว่ามาอยู่ในนี้ได้ยังไง ไปทำอะไรมา โต๊ดเลยเล่าให้ผมฟังว่า
หลังจากเรียนจบโรงเรียนเตรียมทหารก็แยกเหล่า โต๊ดได้เข้าทหารอากาศได้ทำงานที่ตัวเองต้องการเป็นที่เชิดชูแก่ครอบครัว พอทำไปได้ระยะหนึ่งก็มีนายระดับนายท่านหนึ่ง ขอตัวไปเป็นคนสนิทคอยรับใช้ภาษาทหารเรียกว่า “ทส” โต๊ดเล่าว่าแรกนายท่านนี้ให้ทำหน้าที่คอยประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆให้กันท่าน โต๊ดอยู่กับนายท่านนี้มาหลายปีจนกระทั่งเป็นคนสนิทที่คอยจัดการเรื่องต่าง ๆนายท่านนี้ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
จนวันหนึ่งนายท่านนี้ได้สั่งให้ไปจัดการกับคนที่ขัดผลประโยชน์กับท่านซึ่งผมก็ไม่ได้ถามว่าเรื่องอะไร คำสั่งนั้นคือให้ อุ้ม ยิงทิ้ง ก็ค่อนข้างน่ากลัวนะฟังๆแล้ว เพราะในยุคนั้นการมีอิทธิพลในหมู่ของทหารถือว่าปกติ ในครั้งแรก ๆของการฆ่าโต๊ดก็กลัวแต่พอทำหลายครั้งก็กลายเป็นความเคยชิน สำหรับผมภาพของโต๊ดในสมัยเรียนไม่น่าทำงานแบบนี้ได้เพราะโต๊ดเป็นเด็กดีไม่เกเรเหมือนผม(ถ้าใครอยากรู้เรื่องของผมก็ไปย้อนดูได้ที่
https://www.blockdit.com/pages/64d243c6befcd15a8291d5fc
)
แต่โชคชะตาก็ผลิกผัน จากคนดีกลายเป็นผู้ร้าย
ขอบคุณภาพ : https://www.unlockmen.com/hyundai-ioniq5
เคสแรก ๆนายก็คอยเคลียให้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะตำรวจไม่อยากยุ่งกลัวมีปัญหา พอทำไปสัก 2 – 3 เคส ก็หมดยุคของนายท่านนั้น ซึ่งเป็นปกติของการครองอำนาจพอหมดวาระก็ต้องลงแล้วพอลงสิ่งต่างๆที่ทำไม่ดีไว้มันจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาเรื่องเรื่อยๆ หรือที่สุภาษิตว่าไว้ “น้ำลด ตอพุด” เท่านั้นแหละโต๊ดก็ก็ต้องหาทางออกเพราะไม่มีใครเป็นแบล็ค คอยช่วยเหลือแล้ว
ทางออกของโต๊ดในตอนนั้นคือ “หนี” ต้องออกจากราชการทหารแบบไม่อยากออก เพราะข้อหาที่ได้รับนั้นมันรุนแรงมาก โต๊ดหนีได้ 2 ปี ก็เลยตัดสินใจเข้ามอบตัวซึ่งโดนตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและหลบหนีการจับกุม แต่โต๊ดไม่ได้ซักทอดไปหาใครสักคน เพราะยังนึกถึงบุญคุณที่มีกันมาอยู่ โต๊ดถูกตัดสินตลอดชีวิต โต๊ดบอกกับผมว่า “ถ้าวันนั้นปฏิเสธที่จะทำงานนี้ คงจะไม่มีวันเวลาที่เลวร้ายอย่างนี้แน่” จากคำพูดของโต๊ด ผมว่าจริงนะการที่เรารู้จักปฏิเสธคนถึงแม้นว่าบุคคลนั้นจะมีบุญคุณกับเราเพียงใด
เราสามารถทดแทนบุญคุณในเรื่องอื่นได้ แต่สิ่งที่สำคัญเรื่องนั้น ๆ ต้องไม่ผิดกฎหมาย หลังจากโต๊ดเข้ามาชดใช้กรรมเป็นเวลา 10 ปี ได้อภัยโทษหลายครั้งจนโทษเหลือไม่กี่ปี ก็ได้มาเจอกับผมซึ่งผมกลับเป็นคนที่ต้องดูแลเพื่อนคนนี้แต่ไม่สามารถบอกใครได้ เพราะถ้าผมปฏิบัติกับโต๊ดในฐานะเพื่อนแบบออกหน้าออกตามันจะกลายเป็นผลเสียทั้งผมและโต๊ด ผมเลยต้องเว้นระยะห่างจากโต๊ดไว้พอสมควร เพื่อให้คนอื่นๆมองเห็นว่าผมวางตัวยังไง ไม่มีความเหลื่อมล้ำกันถึงจะอยู่รอดปลอดภัยกันทั้งสองฝ่าย
หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ย้ายไปทำงานอีกที่หนึ่งและก็ขาดการติดต่อกันอีกครั้งกับโต๊ด เวลาผ่านไปราวๆ 6 ปีเห็นจะได้ โต๊ดได้ติดต่อมาหาผมผ่านเฟสบุ๊ค ผมก็รับเป็นเพื่อนและติดต่อกันคำถามแรกที่ผมถามคือ “เป็นยังไงบ้างสบายดีมั้ย ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” โต๊ดบอกว่า “สบายดี ออกมาได้ 2 อาทิตย์แล้ว ออกมาก็หาช่องทางติดต่อเลยเนี้ย” เราก็ตอบกลับไปว่า “ดีใจด้วยนะเพื่อน แล้วไม่ต้องกลับไปแล้วนะ”
ในตอนนี้โต๊ดได้เริ่มชีวิตใหม่แล้ว มีครอบครัวที่ดีเปิดร้านขายอุปกรณ์มือถือ มีความเป็นอยู่ที่ถือว่าดีเลยทีเดียว ผมดีใจกับเพื่อนคนนี้ด้วยจริงๆที่ได้กลับมาสู่ชีวิตที่ดี มันทำให้ผมคิดว่าการที่เรามองคนอื่นแบบฉาบฉวยคิดว่าเขาเรียนเก่งเรียนดีคงต้องมีชีวิตที่ดีเสมอไปนั้นมันไม่จริง ถึงจะเรียนดีเรียนเก่งแต่หนทางชีวิตนั้น ถ้าเราก้าวพลาดเชื่อคำคนที่เราคิดว่าจะช่วยเหลือเราได้ในทุกสถานการณ์นั้นไม่มีจริง
ดังนั้นในเส้นทางชีวิตที่เราเดินในทุกๆวันนั้นควรคิดให้รอบด้านก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป เพราะถ้าหากทำไปแล้วมันจะหวนคืนกลับมาไม่ได้ การกระทำบางอย่างอาจจะดีกับเราในช่วงแรกๆแต่พอถึงสุดท้ายปลายทางแล้วมันอาจจะย้อนกลับมาหาเราเองในสิ่งที่ไม่ดีที่เราได้ทำลงไป บางคนอาจจะบอกว่าก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าเราปฏิเสธก็แค่ไม่ได้งานแค่อย่างเดียวแต่ยังมีงานอื่นๆให้เราทำได้อีกเยอะแยะโดยที่ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง.....
ขอบคุณภาพปก :
https://pantip.com/topic/40815952
เรื่องเล่า
นักเขียน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย