20 ก.พ. เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หนี้บัตรเครดิต ความเสี่ยงใหม่ของเศรษฐกิจอเมริกา

ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี อันที่จริงดีกว่าที่นักวิเคราะห์หลายคนคาดไว้เสียอีก อย่างในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว สหรัฐฯ ก็เติบโตถึง 3.3% ซึ่งมากกว่า 2% ที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดไว้ในแบบสอบถามของ Reuters แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอีกหนึ่งความเสี่ยงที่กำลังก่อตัวในเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนั่นก็คือหนี้บัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ในปัจจุบัน คนอเมริกันใช้บัตรเครดิตกันเยอะขึ้น โดยรายงานของ Federal Deposit Insurance Corp. ได้กล่าวไว้ว่า ในไตรมาสที่สามของปีที่แล้ว บัตรเครดิตที่ชาวอเมริกันถือรวมกันมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตัวเลขนี้ก็อาจสูงกว่านี้เมื่อข้อมูลในไตรมาสที่สี่ออก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลโดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยสูงเช่นตอนนี้ จากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตโดยเฉลี่ยล่าสุด อยู่ในระดับสูงสุดที่เคยมีมา (แผนภูมิ 1)
และเมื่อภาระหนี้บัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ผู้ยืมก็เริ่มจะส่งสัญญานว่าจะจ่ายไม่ไหวกัน ดูได้จากรายงานของ Moody’s Analytic ที่แสดงให้เห็นว่าจำนวนบัญชีค้างชำระเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในปีที่แล้ว
สิ่งเหล่านี้เป็นที่น่ากังวล โดยเฉพาะกับครัวเรือนรายได้น้อยถึงรายได้ปานกลาง นี่เป็นเพราะครัวเรือนที่รายได้สูงมักจะมีบ้านเป็นของตัวเองและมีการลงทุนในหุ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาราคาบ้านและราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ครัวเรือนเหล่านี้ยังพอมีรายได้จากการเก็งกำไร ผิดกับครัวเรือนรายได้น้อยและรายได้ปานกลาง ที่ส่วนใหญ่เช่าบ้านอยู่
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นบวกกับเงินเฟ้อที่สูงจึงมีผลกระทบต่อครัวเรือนเหล่านี้มากกว่า ซึ่งคนเหล่านี้มีสัดส่วนมากถึง 80% ของประชากรสหรัฐฯ ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้คนมากมายหยุดจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภายหน้า
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข่าวดีอยู่บ้าง อย่างแรกคือการที่ภาวะทางการเงินในสหรัฐฯ เริ่มคลายตัว โดยสัดส่วนของธนาคารที่มีการปรับเพิ่มมาตรการการปล่อยกู้ลดลงแล้วในไตรมาสแรกของปีนี้ (แผนภูมิ 2) นอกจากนี้ เงินเฟ้อที่ค่อยๆ ลดลง และธนาคารกลางของสหรัฐฯ ที่ดูผ่อนคลายมากขึ้น ก็ทำให้มีโอกาสที่วงจรการลดดอกเบี้ยจะเริ่มต้นได้เร็วขึ้นด้วย โดย Capital Economics มองไว้ว่า การลดดอกเบี้ยครั้งแรกจะมาในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
โฆษณา