Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
JobThai Official Page
•
ติดตาม
21 ก.พ. 2024 เวลา 05:01 • ธุรกิจ
KPI กับ OKR ต่างกันยังไงไปดูกัน!
เชื่อว่าคนทำงานไม่มากก็น้อยต้องเคยได้ยินคำว่า KPI (Key Performance Indicator) หรือเครื่องมือที่ใช้วัดประสิทธิภาพในการทำงานกันมาบ้าง แต่หลายคนอาจไม่คุ้นหูกับคำว่า OKR (Objective and Key Results) อีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ตั้งเป้าหมายในการวัดผลการทำงานเช่นเดียวกัน วันนี้ JobThai เลยจะมาอธิบายเครื่องมือนี้พร้อมบอกความแตกต่างระหว่าง KPI กับ OKR ให้ได้รู้กัน 🤩
🔸 KPI (Key Performance Indicator) คือดัชนีชี้วัดผลงานแบบภาพรวมที่ใช้การประเมินผลงานเป็นตัวเลขในการชี้วัดประสิทธิภาพการทำงานที่ผ่านมา โดยจะมีกรอบเวลาในการวัดผลที่ค่อนข้างยาว ตั้งแต่รายไตรมาสไปจนถึงรายปี และอิงจากตัวเลขในอดีตที่ใช้ชี้วัดเพื่อตั้งเป็นเป้าหมายในการทำงานให้กับคนในองค์กร
🔹 OKR (Objective and Key Results) เป็นเครื่องมือในการตั้งเป้าหมายการทำงานที่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน โดยจะมีเป้าหมายหลัก (Objective) ในการวัดผล 3-5 ข้อ ซึ่งมีจุดเด่นที่ระยะการวัดผลที่สั้นและมีความถี่ในการวัดผล จึงตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนแผนการทำงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถผลักดันงานส่วนที่ต้องการให้ถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น
แม้เครื่องมือวัดผลการทำงานทั้ง 2 แบบจะดูมีเป้าหมายที่เหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างในการใช้วัดผลกันพอสมควร นั่นคือ
🔸 KPI เหมาะกับการใช้วัดผลในระยะยาวแบบรายไตรมาสหรือรายปี มีการกำหนดเป้าหมายแบบ Top-Down คือองค์กรเป็นผู้กำหนดเป้าหมายขึ้นมาให้กับพนักงานทุกคน และเป็นเป้าหมายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง สามารถทำให้บรรลุได้ ส่งผลต่อค่าตอบแทนในการทำงานจากการประเมินพนักงาน ยกตัวอย่างเช่น ยอดขายสมาร์ตโฟนต้องเติบโต 10% ภายในปีหน้า (ปีที่แล้วเติบโต 7%)
🔹 OKR เหมาะกับการใช้วัดผลในระยะสั้นที่เป็นรายเดือนเพื่อความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการทำงาน โดยสามารถกำหนดเป้าหมายได้ทั้งแบบ Bottom-up และ Top-down มีการกำหนดเป้าหมายร่วมกับพนักงานภายในองค์กรเพื่อการเติบโต และส่วนใหญ่มักจะเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงนิยมใช้ในบริษัทสตาร์ทอัปเป็นส่วนมาก แต่จะไม่ส่งผลในเรื่องค่าตอบแทนในการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น
Objective: สร้างสมาร์ตโฟนที่แบตเตอรี่อยู่ได้ 1 สัปดาห์โดยไม่ต้องชาร์จ
Key Results: ใน 1 วัน แบตเตอรี่จะต้องลดลงไม่เกิน 14% เพื่ออยู่ให้ถึง 1 สัปดาห์
อาจจะฟังดูเป็นเรื่องเกินจริง แต่เป็นตัวจุดประกายที่ทำให้เกิดการพัฒนาแบบเจาะจงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะกลายเป็นจริงได้ในระยะเวลาอันสั้น เหมือนกับที่เราเคยเห็นเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่บนสมาร์ตโฟนให้เต็มเร็วภายในระยะเวลาไม่ถึง 30 นาที จากที่แต่ก่อนต้องมีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงขึ้นไป
องค์กรไหนที่ลังเลว่าควรใช้ KPI หรือ OKR ในการประเมินประสิทธิภาพในการทำงานดี JobThai อยากบอกว่าทั้ง 2 เครื่องมือล้วนสามารถตอบโจทย์การวางแผนในการทำงานให้กับทุกองค์กรได้ทั้งนั้น แต่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
อ่านบทความฉบับเต็ม
📍
https://blog.jobthai.com/career-tips/id/5690
อ่านบทความอื่น ๆ ของ JobThai
คลิกเลย 👉
https://blog.jobthai.com
ตามไปดูสาระดีๆ สนุกๆ จากคลิป TikTok ของ JobThai
คลิกเลย 👉
http://www.jobthai.com/r9ucBG
หางาน หาคน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานได้ที่ JobThai Official Group
http://www.jobthai.com/YghGQ9
ธุรกิจ
พัฒนาตัวเอง
การเงิน
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย