25 ก.พ. เวลา 05:00 • ธุรกิจ

‘Erewhon’ ขายน้ำผลไม้ปั่นแก้วละ ‘800 บาท’ แต่มีคนซื้อกิน

แพงกว่าสิบเท่าก็มีคนซื้อกิน! รู้จัก “Erewhon” ซูเปอร์มาร์เก็ตลักชัวรี แจ้งเกิดจากการเป็นแหล่งแฮงเอาต์ตัวท็อปฮอลลีวูด พบ เมนู “น้ำผลไม้ปั่น” ได้รับความนิยมล้นหลาม สนนราคาสูงสุดแก้วละ “860 บาท”
ย้อนกลับไปราว 3 ปีก่อนหน้า ในช่วงที่ทั่วโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดใหญ่ หลายเมืองถูกชัตดาวน์ลงชั่วครู่ สถานที่ที่เคยเป็นแหล่งแฮงเอาต์-สังสรรค์ก็พลันสงบลงโดยพลัน เมื่อการเว้นระยะห่างกลายเป็นค่ามาตรฐานที่ผู้คนพึงปฏิบัติ เหลือไว้เพียงสถานที่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างบรรดาร้านค้าปลีกจำพวก “ซูเปอร์มาร์เก็ต” เท่านั้น
ในช่วงเวลาที่ไนต์คลับ แหล่งกินดื่มเที่ยวปิดตัวลงชั่วคราว “ซูเปอร์มาร์เก็ต” กลายเป็นสถานที่ในการพบปะ-รวมตัวผู้คนเอาไว้มากที่สุด ด้วยอานิสงส์ที่ว่านี้ “เอเรวอน” (Erewhon) ร้านสะดวกซื้อลักชัวรีระดับ “ไฮเอนด์” ที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2011 ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของบรรดาเซเลบริตี้ระดับ “เอลิสต์” ในวงการฮอลลีวูดมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น “เจค จิลเลนฮาล” (Jake Gyllenhaal) “เฮลีย์ บีเบอร์” (Hailey Bieber) “ฮิลารี ดัฟ” (Hillary Duff) “ไมลีย์ ไซรัส” (Miley Cyrus) “ลิลี คอลลินส์” (Lily Collins) “ชอว์น เมนเดส” (Shawn Mendes) หรือฝั่งไทยเองก็มี “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” ไปเยือนเช่นกัน
ความสวยงามของสถานที่ที่มีการจัดเรียงสินค้าราวกับตู้ดิสเพลย์ จนสามารถถ่ายรูปลงโซเชียล มีเดีย ได้ ทำให้ “เอเรวอน” อยู่ในความสนใจของผู้คนทันที รวมถึงราคาที่แพงกว่าท้องตลาด “สิบเท่า” โดยต้องการวางจุดยืนแบรนด์ในฐานะร้านสะดวกซื้อที่ขายเฉพาะสินค้า “ออแกนิก” เท่านั้น
ทำให้หลายคนสงสัยใคร่รู้ว่า “เอเรวอน” ทำอย่างไรให้ผู้บริโภคยอมจ่ายในราคาที่สูงขึ้น เพื่อสินค้าที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องดื่มสมูทตี้ หรือ “น้ำผลไม้ปั่น” ที่มีราคาเริ่มต้น “22 ดอลลาร์” ถึง “24 ดอลลาร์” หรือคิดเป็นเงินไทยราว “864 บาท” ต่อหนึ่งแก้ว
หลังจากบรรดาเซเลบริตี้แวะเวียนมาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ความนิยมดังกล่าวก็แพร่ขยายไปยังอินฟลูเอนเซอร์อีกมากมาย โดยหนึ่งในแอคเคานต์ที่มีผู้ติดตามกว่า “1.5 ล้านคน” ระบุว่า การมา “เอเรวอน” เพียงสัปดาห์ละหน เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่ร้านค้าทั่วเมืองปิดตัวลงชั่วคราว “เอเรวอน” เป็นสถานที่เดียวที่เธอได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับคนอื่นๆ ในสังคม กลายเป็นจุดนัดพบที่สร้างความผูกพันให้ผู้คนไม่น้อย
1
แต่สิ่งที่ทำให้ซูเปอร์มาร์เก็ตลักชัวรีแห่งนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เกิดจากเมนู “น้ำผลไม้ปั่น” ที่ “เอเรวอน” แยกส่วนการดูแลออกมาเฉพาะ โดยมีชื่อเรียกว่า “โทนิคบาร์” นวัตกรรมสมูทตี้ที่มีสีสันสวยสดใสเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ดูแลโปรแกรมโทนิคของร้าน และ “มาเรียนนา ฮิววิตต์” (Marianna Hewitt) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของสหรัฐ ที่มองว่า นอกจากสินค้าของร้านจะอร่อยและดีต่อสุขภาพแล้ว เธอมองว่า ต้องทำให้ผู้บริโภคอยากแบ่งปัน-บอกต่อสิ่งนี้กับคนอื่นๆ ด้วย
1
ทำให้ในเวลาต่อมา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากความเห็นของ “มาเรียนนา” คือ “Coconut Cloud Smoothie” เมนูที่มีส่วนผสมของ “Coconut Creamer” มีโทนสีฟ้า ตัดน้ำเงินและขาวแยกชั้นกัน จนถึงวันนี้ “Coconut Cloud Smoothie” ก็ยังขึ้นแท่นหนึ่งในเมนูสมูทตี้ขายดีของ “โทนิคบาร์”
หลังจากนั้นก็เกิดเมนูที่ทำร่วมกับเซเลบฯ อีกมากมาย อย่างเมนู “Strawberry Skin Glaze” ออกแบบโดย “เฮลีย์ บีเบอร์” มียอดขายสูงถึง “40,000 แก้วต่อเดือน” ตามรายงานของ “บิซิเนส อินไซเดอร์” (Business Insider) สร้างยอดขายให้ร้านสูงถึง 864,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว “31 ล้านบาท”
1
“ฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์” วิเคราะห์ว่า เมนูสมูทตี้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง โดยต้นทุนส่วนใหญ่อยู่ที่วัตถุดิบราคาสูง และค่าแรงคนทำงาน ในชั่วโมงเร่งด่วนพนักงานที่ประจำ ณ โทนิคบาร์ จะได้รับค่าจ้างสูงสุด 30 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง คิดเป็นเงินไทยราว “1,079 บาท” เครื่องปั่นที่ใช้สนนราคาที่ 2,000 ดอลลาร์ หรือ “71,943 บาท”
ด้าน “วานิตี้ แฟร์” (Vanity Fair) วิเคราะห์ถึงความนิยมของ “เอเรวอน” ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ไว้ว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของอินสตาแกรมเดินทางควบคู่ไปกับเทรนด์รักสุขภาพ การเดินเข้าร้านซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีคอนเซปต์ “ออแกนิก” ทำให้ภาพของผู้บริโภคดูเป็นคนรักสุขภาพซึ่งดึงดูดคนรุ่นใหม่ได้ไม่ยากนัก คนเหล่านี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อาจจะอยู่ในคลับ ปาร์ตี้ ดื่มสังสรรค์กันอยู่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็นับเป็นเรื่องดีที่พวกเขาหันมาให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ
1
สอดคล้องกับดาราฮอลลีวูดที่ในยุคก่อน “ปาปาราซซี” มักได้ภาพหลังจากพวกเขาดื่มสังสรรค์ เดินออกจากไนต์คลับกันสนุกสนาน ทุกวันนี้คนกลุ่มเดิมหันมากินอาหารออแกนิก ออกกำลัง นั่งสมาธิ โพสต์สูตรอาหารเพื่อสุขภาพบนโซเชียล มีเดีย ส่วนตัว ด้าน “เจสัน ไวด์เนอร์” รองประธานกรรมการร้าน “เอเรวอน” มองว่า แม้คนจะหันมากินสุขภาพเพราะมองว่า เป็นเรื่องเท่ๆ คูลๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากคุณแกล้งอินกับมันจนลงมือทำจริงๆ ในท้ายที่สุด
การเติบโตของ “เอเรวอน” ในปีนี้ คือการขยายเพิ่มเป็น 20 แห่ง และยังไม่มีแผนขยายข้ามรัฐ หรือข้ามประเทศแต่อย่างใด “โทนี” ระบุว่า ทุกๆ ปี หากไปถึงเป้าหมายสำเร็จ เขาจะขยับเป้าเพิ่มไปอีก “สองเท่าตัว” หากปีนี้ขยาย 20 แห่งได้ หมายความว่า ปี 2568 เราอาจได้เห็น “เอเรวอน” 40 แห่ง และในอนาคตอันไกล เราอาจได้เห็น “เอเรวอน” ในเมืองไทยด้วยหรือไม่ คงเป็นเรื่องที่อยู่ในเครื่องหมายคำถามจนกว่าจะถึงวันนั้น
2
#Erewhon #ซูเปอร์มาร์เก็ตลักชัวรี #น้ำผลไม้ปั่น
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness #กรุงเทพธุรกิจMarketing
โฆษณา