27 ก.พ. เวลา 10:48 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

José Moreno Hernández

ผมเคยชื่นชอบนักบินอวกาศคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่รู้ประวัติ จนกระทั่งวันนี้ได้อ่านหนังสือ Hidden Potential ของ Adam Grant ทำให้ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก และได้ดูหนังเรื่อง A million miles away ก็ยิ่งชอบขึ้นไปอีก
เขาเป็นชาวเม็กซิกันที่เกิดในสหรัฐอเมริกา พ่อแม่ของเขาทำงานในฟาร์มเก็บองุ่น สตรอเบอร์รี่ และผลไม้อื่นๆ ตามเมืองต่างๆ ในแคลิฟอร์เนีย และกลับไปเม็กซิโกช่วงคริสต์มาสทุกปี และเขาเองก็ต้องช่วยที่บ้านทำงานเก็บผลไม้ตลอด
วันหนึ่งเขาได้พยายามปรับเสาอากาศทีวี เพื่อที่จะดูรายการของ NASA ที่ส่งยาน Apollo 11 ไปยังดวงจันทร์ และได้ตั้งความฝันไว้ว่าสักวันเขาอยากจะเป็นมนุษย์อวกาศ แต่หนทางสำหรับเขามันช่างห่างไกลเสียเหลือเกินสำหรับครอบครัวของเขา
หลังเรียนชั้นมัธยมจบ เขาได้เข้า University of the Pacific in Stockton เพื่อศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า และได้ทุนการศึกษาต่อที่ University of California in Santa Barbara ก่อนที่จะทำงานที่ Lawrence Livermore National Laboratory และทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนในการคิดค้นเครื่อง mammogram ที่ช่วยตรวจมะเร็งเต้านม และช่วยในโครงการป้องกันประเทศจากอาวุธนิวเคลียร์ แต่วันที่เขาไปเริ่มงาน คนที่ทำงานกลับคิดว่าเขาเป็นคนทำความสะอาด ไม่ได้คิดว่าคนอย่างเขาจะเป็นวิศวกรได้
ถึงตรงนี้ ทุกคนคงคิดว่าชีวิตของเขาโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ และใกล้ที่จะได้เป็นนักบินอวกาศแล้ว เปล่าเลย มีคนสมัครอยากจะเป็นนักบินอวกาศต่อปีมากกว่า 12,000 คน และรับเพียงประมาณ 10 คนเท่านั้น พ่อแม่ และครอบครัวของเขาก็คิดว่า มันเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ และอยากให้เขาเลิกที่จะฝัน
เขาสมัครซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่หยุดที่จะพยายาม และได้ทำทุกอย่างที่จะให้ NASA เห็นว่าเขามีศักยภาพที่จะทำได้ เขาเริ่มที่จะวิ่งมาราธอน เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองแข็งแรงพอ ฝึกเป็นนักประดาน้ำ ฝึกเป็นนักบิน เรียนภาษารัสเซีย จนในที่สุด หลังจากสมัครเข้าโครงการมากถึง 11 ครั้ง ในครั้งที่ 12 เขาก็ได้รับเข้าทำงาน แต่ไม่ได้เป็นนักบิน เขาได้เข้าทำงานกับ Johnson Space Center ในฐานะวิศวกร จนในที่สุดเขาได้เป็น Chief of the Materials and Processes Branch แต่เขาก็ยังไม่เลิกความพยายาม
1
ในที่สุดเขาได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับ Franklin Chang-Diaz นักบินอวกาศที่เป็นแรงบันดาลใจของเขา ก่อนจะได้รับการคัดเลือกเป็นนักบินอวกาศใน 2004 และฝึกสำเร็จในปี 2006 ก่อนที่จะได้เป็น mission specialist บนภารกิจ STS-128 ในปี 2009 ในที่สุด และได้อยู่ในอวกาศ 14 วัน และโคจรรอบโลก 217 ครั้ง ก่อนที่จะลาออกจาก NASA ในปี 2011 และตั้งบริษัทของเขาเอง และได้เคยลงสมัครเป็น สส. แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
ในหนังสือ Hidden Potential เล่าเรื่องของเขาในมิติที่ว่า จริงๆ เราไม่ควรที่จะ judge คนจากความสำเร็จในอดีตของเขา แต่ควรที่จะดูว่า ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่อาจจะไม่เหมือนกัน คนๆ นั้นพยายามแค่ไหนที่จะฝ่าฟันอุปสรรค เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า คนๆ นั้นจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ได้ถึงเป้าหมาย อละเราควรที่จะดูที่ potential มากกว่า accomplishment ในอดีต
การที่ NASA ใช้แบบฟอร์มมาตรฐาน จึงไม่มีช่องให้เขากรอกข้อมูลเหล่านี้เลย เขาจึงถูกวัดจากเพียง accomplishment โดยไม่ได้ดูเลยว่าชีวิตของเขาเผชิญอะไรมากบ้าง เพื่อให้ได้มาถึงตรงจุดนี้ แต่เมื่อเขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ มากพอ จนเขาได้คัดเลือกเป็น 120 คนที่มาสัมภาษณ์ เขาถึงได้มีโอกาสฉายแววของเขาขึ้นมา
เรื่องของเขาน่าจะเป็นแรงบันดาลใจที่ดี สำหรับเด็กทุกคนที่ฝัน และต้องการที่จะตามฝันของตัวเองอย่างไม่ย่อท้อครับ
1
ป.ล. หนังสนุกดีครับ
1
Quotes ที่น่าสนใจของเขา
Don’t ever, ever, ever give up on yourselves, because you can do it.
It’s worth dreaming big when you are willing to put in the work that is needed to accomplish the goal you have. Obviously,the more difficult the goal, the more you will have to work…but everything is possible, and you should dare to dream big.
I had to leave this world to come to the realization that we are all just one.
Like my dad told me, there’s no shortcuts. You gotta do the work.
José M. Hernández
โฆษณา