จากบทกวีที่ไร้ชื่อผู้เขียน สู่ ‘วรรณกรรมฟีลกู๊ด’ ที่เยียวยาหัวใจของ Pet Parents
บทกวีเรื่องสะพานสายรุ้งกลายเป็นแนวคิดที่เหล่า Pet Parents ชื่นชอบ เพราะในโลกความเป็นจริงสัตว์หลายตัวจากโลกไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน บางครั้งก็ตายเพราะอุบัติเหตุจากมนุษย์ บางครั้งก็ตายด้วยอายุที่เยอะและโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย แต่หลังจากตายไปแล้ว พวกเขาจะมีแต่ความสุขและไม่ต้องพบเจอกับความทรมานแบบนั้นอีก
อย่างไรก็ตาม แม้ในบทกวีเรื่องสะพานสายรุ้งจะไม่ปรากฏชื่อและข้อมูลของผู้แต่ง แต่ก็มี Pet Parents คาดเดาว่าคนแต่งน่าจะเป็น พอล ซี. ดาห์ม (Paul C. Dahm) เป็นผู้เขียน เพราะในช่วง 1990s เขาได้ออกหนังสือที่มีเนื้อหากล่าวถึงการสูญเสียสัตว์เลี้ยงคล้ายๆ กันถึงสามเล่ม อีกรายชื่อหนึ่งคือ วอลเลส ไซฟ์ (Wallace Sife) ผู้ก่อตั้งสมาคมให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สูญเสียสัตว์เลี้ยง หรือ Association for Pet Loss and Bereavement (APLB)
ไซฟ์กล่าวว่าบทกวีเรื่องสะพานสายรุ้งที่แพร่หลายในช่วง 1980s มีเนื้อหาคล้ายจดหมายที่เขาเขียนให้กับเพื่อนในกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน โดยเป็นบทกวีที่เหมือนจะพัฒนามาจากเรื่องเล่าเกี่ยวกับสวรรค์ของสัตว์เลี้ยง ซึ่งต้นฉบับนั้นเป็นของเขาเอง นอกจากนี้ไซฟ์ยังเคยเขียนหนังสือเรื่อง The Loss of Pet ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กับสะพานสายรุ้งด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร แต่นักเขียนทั้งสองคนก็ได้นำแนวคิดของสะพานสายรุ้งมาสร้างและผลิตหนังสือ รวมถึงสร้างพื้นที่ที่เยียวยาจิตใจของ Pet Parents ซึ่งเพิ่งสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของตัวเองไป
‘จินตนาการ’ ช่วยบรรเทาและเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของ Pet Parents ได้จริงหรือ?
แม้ว่าเรื่องราวของสะพานสายรุ้งและสวรรค์ของสัตว์เลี้ยง หรือที่เราเรียกกันว่า “ดาวหมา ดาวแมว” นั้นจะเป็นที่นิยมมากแค่ไหน แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ แนวคิดสะพานสายรุ้งเองก็เช่นกัน มารีนา แอล. รี้ด (Marina L. Reed) หนึ่งในนักเขียนหนังสือเรื่อง Remember It's OK: Loss of a Pet มองว่าแนวคิดดังกล่าวอาจไม่ใช่เครื่องมือปลอบใจที่ดีที่สุด กลับกันแล้ว มันอาจจะสร้างผลกระทบที่เลวร้ายเกินกว่าจะคาดเดาได้ด้วย