29 ก.พ. เวลา 13:14 • ความคิดเห็น
คนที่เค้าทุกข์ทรมาน แล้วทำจิตได้ เราโชคดีได้ เจอพระที่ท่านบวช อธิษฐานบวชตลอดชีวิต ให้สัจจะไว้ว่าเจ็บป่วยไม่บอกใคร ไม่ติดต่อญาติพี่น้อง ไม่กลับบ้าน ไม่ตอบจดหมาย ..ท่านธุดงค์อยู่สิบหกปี ..หลังรับกฐินก็ธุดงค์ ไปจนเข้าพรรษา ธุดงค์อยู่ สิบหกปี ..ครั้งสุดท้ายที่ธุดงค์ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเดินตั้งแต่ฟ้าเริ่มสงว่าง มีฝนตกตลอดทาง ระยะทางก็ประมาณ ร่วม 90 กม มาถงจุดหมายก่อนเที่ยงคืน ที่จะเข้าวันเข้าพรรษา
.ท่านเป็นพระที่มีความขันติมาก..ท่านมีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร ท่านก็อดทนของท่าน จนกระเพาะทะลุ สลบที่กุฏิ มีคนมาเจอนำส่ง โรงพยาบาล .ท่านก็เลยต้องฉันอาหาร ก่อนฉันยา ..แล้วก็มีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลัง แต่ท่านก็ไม่บอกใคร พอดีเรา..มีโอกาสที่ดูแลท่าน ..ได้ถึงได้รู้ว่า ท่านมีปัญหาที่กระดูกสันหลัง เวลานั่ง กระดูกสันหลัง มันดูออกว่า มันเหมือนจะแยก ไปคนละชิ้น ไม่ต่ออยู่ในแนวเดียวกัน เร่าก็เลยปรึกษาน้องผ่าตัด ด้ามกระดูก
..แต่ท่านก็ยังปวด (ท่านไปบอกหรอก).ท่านก็ไม่บ่นอะไร ที่หัวเข่าก็ต้องผ่าตัด เส้นเลือดเลี้ยงก็ตีบตันไปหนึ่งเส้น .นิ่วในถุงน้ำดี ก็ต้องให้หมอเอาออก ..เส้นที่ขาเป็นตะคริว แข็งเหมือนเส้นลวด ต่อมลูกหมากโต เราก็มีโอกาสได้ดูแล ระยะยังท่านต้องใช้ยาแรงขึ้น ..ก็ไปคลีนิค ผู้ปวดเรื้อรัง พอท่านมรณะภาพ เราก็ได้เห็นว่า เหล็กที่ด้าม มีน็อตหกตัว มีตัวหนึ่งหลวมเหมือนไม่ได้ขันล๊อกให้แน่น .
เราเคยถามท่านในเรื่องของความขันติ ท่านบอกว่า ผู้ที่มีความขันติ ยอดเยี่ยมที่สุด ก็คือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า .ท่านเปรยๆ ให้ฟังว่า ..ข้างบนเค้าบอกว่า ฉันจะต้องกลับแล้ว ..เราก็รีบอาราธนานิมนต์ขอให้ท่านอยู่ต่อ ท่านเปรยมาสองครั้งเราก็กราบขออาราธนาท่าน ..จนครั้งที่สาม เราก็ขออาราธนา
..ท่านบอกว่า ครั้งนี้ไม่ได้อยู่กับฉัน แล้วท่านก็บอกว่า ใครทีสมารถให้ท่านอยู่ต่อหรือต้องละสังขาร เราก็ไปขอผู้ที่ท่านบอก ..ท่านบอกว่า ตอนนี้มันเลยเส้นที่สาม ..เทพเค้าจัดงาน เตรียมรับท่านแล้ว เค้าเตรียมไว้หมดแล้ว ..หลังจากที่ท่านบอกมาได้สามเดือน ท่านก็ละสังขาร ..ก่อนที่ท่านละสังขาร เราเห็นเป็นภาพท่านมาเดินที่บ้าน ..เราก็ไปเล่าให้ท่านฟัง ท่านบอกว่า ..ไปทำให้ได้ ..
เวลาที่ท่านไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านจะไม่พักห้องพิเศษอะไร จะพักห้องผู้ป่วยรวม .ที่นั่น ..ท่านก็ชี้ให้ดูเรื่องราวต่างๆ เรื่องของกรรม ของคนที่เจ็บป่วย เรื่องบุญทานต่างที่คนป่วยสะสมมาเอง เรื่องของคนที่ใกล้ตาย ..สีที่ปรากฏ สีกาฬลงอยู่ได้ สองสามวันตาย เรื่องโอปปาติกะที่ล่องลอย คอยรับบุญกุศล เรื่องเจ้ากรรมนายเวรที่เค้ามาทวงกรรมกัน มีทั้งแบกกระบองมาทุบ..เรื่องจิตอันธพาล ทำมายาเป็นหัวกระโหลก ลอยน่องแน่งๆ บ้างก็ทำเป็นปีนห้วยหัวหลอก ..ท่านบอกว่า ฉันไม่กลัวหรอก
..เวลาท่านไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เราก็เลยได้มีโอกาสเรียนรู้ ..มีหมอศัลยกรรมกระดูกคนหนึ่งมาถามเราว่า ท่านแยกกายแยกจิตได้หรือ ..เราก็ได้แต่บอกว่า คุณหมอดูเองก็แล้วกัน ..เพราะหมอก็เจอะเจอคนไข้มามาก ..หมอดูเองล่ะกัน ..
ก่อนท่านมรณะภาพ ท่านเรียกมาคุย ท่านบอกว่า จะบอกให้ก็ได้ว่า ฉันเป็นใคร ..ฉันเป็นพระอเสขะ ..ไม่ใช่พระอรหันต์น่ะ พระอรหันต์ต้องสร้างบารมีอีก ต้องมาเกิดอีก ..ท่านฟังธรรมพระศรอริยะเมตตไตรย ..ท่านบอกว่า ที่ท่านอธิฐาน เจ็บป่วยไม่บอกใคร เพราะท่านไม่อยากเกิดอีก ..ก็ใช้ความขันตินั้นแหละ ชดใช้กรรมเค้าไป..ท่านบอกว่า เรื่องเจ้ากรรมนายเวร ฉันก็ส่งเค้าไปเกิดในสถานที่ดีๆทั้งนั้น ด้วยบุญบารมีที่ท่านกระทำมา ท่านเป็นพระลูกวัด ..แล้วก็มีน้อยคนที่จะเข้าไปเรียนรู้อะไรดีจากท่าน เพราะท่านพูดน้อย ..พูดก็สั้น .
โฆษณา