LGBTQIA&plus กับบทบาทในพระพุทธศาสนา? เทพหรือพญานาคเพศที่๓มีมั้ย?

ในพระพุทธศาสนาจะมีคำเรียกผู้ชายที่มีความนิยมชมชอบในเพศเดียวกันว่าบัณเฑาะก์ สาเหตุที่คำจำกัดความทางเพศในสมัยพุทธกาลไม่ได้หลากหลายเท่าในสมัยปัจจุบันก็เพราะธรรมเนียมที่บดบังให้ชาวเพศทางเลือกในยุคโบราณไม่กล้าแสดงตัวตน แต่เพราะผู้ชายคือเพศที่พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นแล้วว่าเหมาะสมที่สุดในการบวช จึงต้องมีการคัดกรองให้ดี
1
สาเหตุที่พระพุทธองค์ทรงห้ามมิให้ชายรักชายบวชก็เพราะเพศนี้มีความกำหนัดทางกามกับเพศเดียวกัน หากเข้ามาบวชแล้วก็อาจสร้างความเสื่อมเสียและทำให้ศาสนาพุทธถูกทำลายได้
ดังในตัวอย่างหนึ่งของเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาล ที่มีพระรูปหนึ่งเป็นเกย์แต่มาบวช อาบน้ำฉันข้าวร่วมโรง เสวนาร่วมกับเหล่าสงฆ์ แล้วเกิดอารมณ์ทางเพศเลยลองชักชวนพระหนุ่มให้มาเสพกามทางทวารหนักตน แต่พระสงฆ์ในยุคนั้นบวชด้วยศรัทธาแท้ๆจึงตำหนิพระสงฆ์เกย์รูปนั้นไป ไม่คิดเล่นด้วย(เพราะพระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพระดีและเป็นผู้ชายที่(เคย)ชอบผู้หญิงมาก่อนด้วย)
ต่อมาพระเกย์รูปนั้นก็ยังมีกำหนัดไม่หายเลยไปชักชวนเณรวัยรุ่นร่างล่ำๆให้เสพสมทวารหนักตน แต่ก็โดนเณรเหล่านั้นต่อว่าอย่างหนักเพราะเณรเหล่านั้นก็มาบวชด้วยหัวใจศรัทธาเช่นกัน จึงไม่ยอมคิดทำผิดพระวินัยเลย(บวกกับไม่มีจิตพิสมัยในเพศเดียวกัน) พระเกย์รูปนั้นเลยออกนอกวัดไปหาควาญช้างและคนเลี้ยงม้าแทน
1
ควาญช้างและคนเลี้ยงม้าที่ไม่ได้มีสตรีใดสนใจเลือกเป็นคู่ เมื่อเห็นพระสงฆ์เกย์รูปนี้มาชักชวนให้เล่นทวารหนักก็นึกสนใจและกระทำการสังวาสจนเสร็จกิจ หลังจากนั้นทั้งควาญช้างและควาญม้าก็เข้าใจผิดว่าพระสาวกของพระพุทธองค์ไม่ใช่คนมีศีลแท้จริง มีแต่บัณเฑาะก์(เกย์)หนีมาบวชเพื่อจะได้เป็นเครื่องรองรับอารมณ์ทางเพศของเหล่าสงฆ์
1
หลังจากนั้นเป็นต้นมาศาสนาพุทธก็ถูกครหาอย่างเป็นวงกว้างจนพระพุทธองค์ต้องบัญญัติข้อห้ามมิให้บัณเฑาะก์บวช(เกย์ห้ามบวช) แต่ต่อมาอรรถกถาที่แต่งต่อเติมไปมากก็เพิ่มเนื้อหาเข้าไปว่า บัณเฑาะก์มีประเภทที่บวชได้และบวชไม่ได้ ในกุรุนทีอรรถกถาพรรณนาไว้ว่า บัณเฑาะก์ที่ชอบมีกามกิจกับผู้ชายด้วยกันบวชได้ถ้าสงบสำรวมได้ บัณเฑาะก์ที่ชอบดูผู้ชายกับผู้ชายมีกามกิจกันก็บวชได้ถ้าสำรวมได้ แถมยังบอกอีกว่าบัณเฑาะก์ที่เสพสมได้ทั้งหญิงทั้งชายก็บวชได้ในช่วงข้างขึ้นซึ่งไม่ได้ชอบผู้ชาย
1
กุรุนทีอรรถกถายังอธิบายอีกว่าบัณเฑาะก์ประเภทเดียวที่บวชไม่ได้คือบัณเฑาะก์ที่มีอวัยวะเพศผสมทั้งสองเพศ หรืออวัยวะเพศหายไป ถูกตอนหรือเป็นขันที อันนี้ห้ามบวชเด็ดขาด ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระเถระผู้จารึกบทอรรถกถานี้พยายามจะให้โอกาสคนได้บวชมากขึ้นจึงเขียนลงไปด้วยเจตนาดี แต่อันที่จริงแล้วตามพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะเป็นเกย์ เป็นกะเทยหรือเป็นคนที่มีเพศสภาพกำกวม ก็ห้ามบวชเป็นอันขาด
2
เอาง่ายๆคือถ้าท่านรู้ตัวว่าท่านเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบในบุรุษเพศอย่างคู่รักได้ หรือสามารถร่วมรักกับผู้ชายด้วยกันได้(ตัดสตรีข้ามเพศออกไปได้เลย ผู้เสมือนสตรีย่อมบวชมิได้) ไม่ว่าคุณจะมีความรู้สึกชอบผู้หญิงอยู่ด้วยหรือไม่มีเลยก็ตาม คุณก็ไม่สามารถบวชเป็นพระในพระพุทธศาสนาได้ เพราะพระล้วนย่อมมีแต่บุรุษ หากบัณเฑาะก์มาอยู่ในดงบุรุษ เมื่ออาบน้ำร่วมกัน เห็นเรือนร่างของบุรุษ ก็อาจเสี่ยงสุ่มเผลอไผลพลาดก่อกามไปแล้วศาสนาพุทธก็จะถูกครหาจนเสื่อมสิ้นลงได้
5
สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้จึงเป็นมาตรการตัดไฟแต่ต้นลมนั่นเอง ไม่ได้มีเจตนาแบ่งชนชั้นหรือกีดกันบัณเฑาะก์มิให้บวชแต่อย่างไร
1
เป้าหมายของพระพุทธศาสนาคือการหลุดพ้นจากวัฏสงสารการเวียนว่ายตายเกิด โดยมีพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้เผยแผ่หลักธรรมคำสอน หรือเป็นผู้เดินทางสู่ปลายทางแห่งการหลุดพ้น การบรรลุธรรมจึงไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องบวชเท่านั้นถึงจะบรรลุธรรมแล้วพ้นไปจากวัฏสงสารได้
1
ต่อให้คุณไม่ได้เป็นพระ คุณก็สามารถหลุดพ้นได้ด้วยการสั่งสมสุตะหรือสั่งสมจิตสั่งสมใจให้เลื่อมใสศรัทธาในธรรมะ บางคนมีบุญเก่าหนุนไว้ให้พบเจอกับพุทธวจนะ ได้รู้ข้อเท็จจริงตามพระไตรปิฎกฉบับของแท้ เมื่อมีความศรัทธา มีความรู้ความเข้าใจจริง การเรียนรู้และปฏิบัติจะเกิดขึ้น
1
เมื่อพิเคราะห์ปฏิบัติซ้ำไปเรื่อยๆจนตกผลึกติดเป็นอนุสัย-อุปนิสัย สุดท้ายถ้าไม่บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลขั้นต้นที่เรียกว่าโสดาบัน ก็ยังได้เป็นผู้ชื่อว่าบุคคลอันดีอันชอบ หรือเป็นคนดีที่มีปลายทางเป็นสุคติ เมื่อชีวิตล่วงลับไปก็จะมีบุญกุศลนำพาไปเกิดในสุคติ เช่น มนุษย์ หรือเทวดา(ผู้มักอนุโมทนาในบุญเพื่อไม่ให้จิตตกต่ำได้อีก) เป็นต้น
1
สรุปก็คือถ้าเกย์ท่านใดปรารถนาจะบวชก็อาจบวชได้ แต่พึงระวังไว้เลยว่ามีข้อแม้ คือท่านต้องสงบสำรวมอดทนอดกลั้นต่อกิเลสตัณหาราคะให้ได้ และประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามทำน้ำกามให้เคลื่อนออกมาเป็นอันขาด(เว้นแต่ฝันเปียก) อยู่ในครรลองแห่งธรรมให้ได้ และจงเป็นพระพุทธสาวกที่ตรงตามพุทธบัญญัติให้ได้
1
พึงระลึกไว้เสมอว่าหากท่านบวช เท่ากับบวชเพื่อเดินทางสู่การหลุดพ้นวังวนเวียนว่ายตายเกิด มิใช่บวชตามๆกันมา มิใช่บวชเพราะหนีความรำคาญ มิใช่บวชเพราะพ่อแม่หรือใครบังคับสั่งมา มิใช่บวชเพราะอยากมีฤทธาอาคม หรือมิใช่บวชเพราะหนีคดีความผิดใด
ถ้าท่านรู้ตัวว่าอย่างไรเสียก็หยุดความชื่นชอบในบุรุษเพศไม่ได้ หรือได้บ้างไม่ได้บ้าง ผู้เขียนก็ขอแนะนำว่าให้ใช้ชีวิตเป็นฆราวาสพร้อมประพฤติธรรมในสถานะฆราวาสแทนการบวชพระได้เลย เพราะเป้าหมายปลายทางนั้นก็ไม่ได้ต่างกันเลย นั่นก็คือบรรลุธรรมจนหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดชั่วนิรันตรกาลเช่นกัน
4
สำหรับเรื่องของเพศนั้น ในที่นี้จะแบ่งเป็น ๒ ปัจจัยกว้างๆในการนิยามเพศ โดยอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ นั่นคือเพศกำเนิด(กำเนิดมามีอวัยวะเพศไหน) และเพศวิถี(พฤติกรรมทางเพศ เช่น เป็นผู้ชายการแสดงออกก็เป็นผู้ชายแต่มีใจเสน่หาแต่กับผู้ชาย หรือเป็นผู้หญิงแต่ชอบผู้หญิงด้วยกัน หรือชอบได้ทั้งสองเพศ หรือมีเพศกำเนิดเป็นชายแต่การแสดงออกและจิตใจเป็นหญิง เป็นต้น)
1
หากคุณเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงก็เท่ากับว่าเพศกำเนิดคุณเป็นชายและมีเพศวิถีเป็นชาย แต่หากคุณเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายก็เท่ากับว่าเพศกำเนิดคุณเป็นผู้ชาย แต่มีเพศวิถีเป็นเกย์(บัณเฑาะก์)นั่นเอง
1
เพศอันมีความหลากหลายนี้จะมีแค่เฉพาะในภพภูมิของมนุษย์,สัตว์เดรัจฉานและภพภูมิของจาตุมหาราชิกาสวรรค์ สามภูมินี้เท่านั้นที่มีความหลากหลายทางเพศ ส่วนเปรต อสุรภูมิ นรกภูมิ สามภพภูมินี้ไม่สามารถเสพกามได้เพราะได้รับความทุกข์ทรมานตลอดเวลาแม้จะมีอวัยวะเพศหรือไม่มีก็ตาม ส่วนสวรรค์ตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไปจนถึงชั้นปรนิมมิตวสวัตตีจะมีเพศแยกชายหญิงตามสามัญ ชั้นรูปพรหมจะมีแต่รูปร่างแต่ไม่มีรูปเพศ แต่พอเป็นชั้นอรูปพรหมก็จะไม่มีแม้แต่รูปร่างอีกต่อไป
1
ในจาตุมหาราชิกาสวรรค์ยังมีเรื่องที่มนุษย์เราไม่รู้อีกเป็นอันมาก ขึ้นชื่อว่าจาตุมหาราชิกาสวรรค์นั้นกว้างเกินประมาณนับ และมีมิติที่ซ้อนทับกันเยอะมาก เช่น เมืองบังบด เมืองลับแล เมืองบาดาล เมืองฉิมพลี เมืองยักษา เมืองรากษส เมืองกุมภัณฑ์ เมืองกินนราและเมืองเทวัญ(เทวดา) นอกจากนี้ยังมีเมืองหรือนครอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกระบุเอาไว้
1
แต่ถิ่นที่มักมีผู้เป็นบัณเฑาะก์ถือกำเนิดนั้นมักเป็นโลกมนุษย์ โลกฉิมพลี(ดินแดนของพวกพญาครุฑและกินนร)และโลกบาดาล(ดินแดนของพวกนาคราชและเงือก) (รองลงมาคือดินแดนของเทวดาจำพวกคนธรรพ์ ยักษ์ กุมภัณฑ์ รากษส ฤาษี วิทยาธร)เนื่องมาจากผู้ที่อยู่ในสามสี่ดินแดนนี้คือปวงเวไนยสัตว์ที่กระทำกรรมอันให้ผลซับซ้อนหลากหลาย จึงมีความพิสดารของผลกรรมอย่างน่าพิศวง
1
หนึ่งในนั้นคือชนกกะกรรมที่นำไปเกิด(ให้เกิดรูปร่างหน้าตาเผ่าพันธุ์) สองคืออาจิณณะกรรมที่ชอบทำเป็นประจำก่อนตายไปเกิด(ให้เกิดกมลนิสัยสันดาน) สามคืออุปปัชชะเวทนียกรรมคือกรรมที่ทำไว้ในชาติที่แล้วเลยทำให้ต้องมาเกิดใหม่เป็นเพศบัณเฑาะก์หรือปัณฑึกเพศ และสุดท้ายคือกรรมที่ชื่อกามาวจรกุศลกรรม คือกรรมอันเป็นบุญกุศลหนุนนำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์(ชั้นที่๑)
1
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกรรมที่ทำให้สัตว์ในสังสารวัฏไปเกิดเป็นบัณเฑาะก์มาจากเรื่องสังโยชน์๑๐ประการ โดยมีต้นตอจากข้อกามราคะและข้อรูปราคะเป็นหลัก
1
บุคคลหนึ่งๆเคยเกิดเป็นสตรี แต่มีอุปนิสัยบ้ากาม เมื่อมีสามีก็ขอให้สามีทำการบ้านทุกวันเพื่อสนองตัณหา ติดใจในองคชาต แต่ก็ยังทำบุญบริจาคทานสร้างกุศลอยู่ บุคคลผู้นั้นมีเหตุให้สิ้นชีพกระทันหัน เมื่อถือกำเนิดใหม่ก็เข้าสู่ความเป็นเผ่าพันธุ์ของนาคราชที่มีกายเป็นบุรุษเพศแต่ใจรักชอบในบุรุษเพศเสมอตน(เพราะอดีตชาติหมกมุ่นชื่นชอบรสสัมผัสในองคชาต เลยได้กายเป็นชายมาแต่ใจก็อยากเสพกามกับชาย แต่เพราะมีบุญมาบ้างเลยได้เกิดในสวรรค์ชั้นแรก)
1
เช่นกันกับอีกบุคคลหนึ่ง เคยเกิดเป็นสตรีชั้นสูง ชอบให้คนพะเน้าพะนอ มีมานะ๙ถือตนว่าเป็นชนชั้นสูง ชอบทำบุญอย่างเอิกเริกไม่ให้ดูเสื่อมเสียเกียรติยศ ในขณะเดียวกันก็ชื่นชอบกิจทางกาม เธอเป็นเศรษฐินีจึงไม่แสวงหาสามี แต่แสวงหาจัดจ้างชายหนุ่มรูปงามหลายคนมาบำเรอกามโดยการว่าจ้าง เมื่อมีเหตุให้เป็นอันติดกามโรคให้ตายไปจึงติดอนุสัยชื่นชอบองคชาตนำไป แต่มีผลบุญจากการทำบุญเอาหน้า จึงได้ไปเกิดเป็นเผ่าพันธุ์ครุฑที่เป็นชายแต่ชอบผู้ชายด้วยกัน
1
ยกอีกตัวอย่างหนึ่ง บุคคลหนึ่งเคยเกิดเป็นสตรี หรือ บุคคลหนึ่งเคยเกิดเป็นชายรักชาย ชอบเรื่องทางเพศมากจนนางสตรีก็ขอให้สามีทำการเสพสมวันละสามครั้ง ส่วนชายรักชายคนนั้นก็แสวงหาคู่จนได้เจอชายรักชายอีกคนที่ติดกามจนต้องเสพสมกันทุกวันวันละห้าครั้ง แต่เมื่อมีเวลาว่างก็ไปบริจาคทานแก่ผู้ตกทุกข์ หล่อพระพุทธรูป ช่วยเหลือคนและสัตว์ แถมมักปฏิบัติเนกขัมมะบารมีตามโอกาส เดือนละครั้ง เดือนละสองครั้ง แต่ก็หยุดเสพกามกันไม่ได้เกือบทุกคืน พร้อมร้องรำทำเพลงเป็นนิจ
1
สตรีนางดังกล่าวและชายรักชายคู่ดังกล่าวเมื่อสิ้นอายุขัยก็ได้ไปเกิดเป็นคนธรรพ์ผู้ชายแต่รักใคร่ผู้ชายด้วยกัน อีกกรณีหนึ่งมีสตรีนางหนึ่งมักโกรธ ด่าสามีทุกวัน บังคับสามีไปตักบาตรทุกเช้าแถมด่าสามีต่อหน้าพระสงฆ์ สามีเหนื่อยจากงานก็วางยาสามีเพื่อปลุกเซ็กซ์ ทำแบบนี้เป็นนิจจนสามีทำใจมีอะไรกับภรรยาทั้งๆที่ถูกวางยา แต่ข้อดีคือนางภรรยาผู้นี้เป็นคนหน้าใหญ่ใจโตชอบช่วยเหลือสัตว์และผู้อื่น ด้วยแรงกาย ด้วงแรงใจ ด้วยแรงเงินตราบ้าง วันหนึ่งเกิดแท้งบุตรตายไปพร้อมเลือดพร่างจึงได้ไปเกิดในดินแดนของยักษา
1
เป็นยักษ์ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันนั่นเอง
1
ทั้งหมดทั้งมวลที่ยกตัวอย่างมาเบื้องต้นล้วนเป็นที่มาของการเกิดเป็นบัณเฑาะก์ สรุปง่ายๆคือมีสังโยชน์ด้านกามราคะและรูปราคะเป็นหลัก โดยจะเห็นได้ว่ามีชนกกรรม,อาจิณกรรม,อุปปัชณียเวทกรรมและสุดท้าย-กามาวจรกุศลกรรมอยู่เบื้องหลังคอยผลักไสให้สัตว์นั้นๆไปเกิดเป็นเพศบัณเฑาะก์และ/หรือชายจริงหญิงแน่ก็ว่ากันไป
1
เทพหรืออมนุษย์บางเหล่าในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาหรือแม้แต่มนุษย์เราบางคนเองก็มีเพศสภาพที่แปลกพิสดาร คือมีทั้งองคชาต อัณฑะ มดลูก และรังไข่ในหนึ่งตัวตน แม้มองภายนอกจะดูเป็นชายหรือดูเป็นหญิงก็ตาม แถมบางผู้ก็ยังจะสามารถตั้งครรภ์,ออกไข่หรือทำให้ผู้อื่นตั้งครรภ์,ทำให้ผู้อื่นออกไข่ได้ในตัวเดียวกัน เหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงในกามภูมิฝั่งสุคติเป็นหลัก
1
ในหมู่นาคและครุฑมักจะเห็นเหล่าเพศผสมเหล่านี้ได้ไม่ยาก ด้วยผลของกรรมที่ก่อไว้ในอดีตชาติสร้างรูปให้พวกเขาเกิดมาในสภาพเพศผสม โดยภาษามคธจะเรียกเพศผสมครบทั้งสองอย่างว่านปุงสกปัณฑึก,อุภโตพยัญชนก หรือ นปุงสักบัณเฑาะก์ (พวกอวัยวะเพศชายถูกตอนถูกตัดจะเรียกว่าโอปักกิมีย์บัณเฑาะก์)
1
เหตุของการเกิดมามีเพศผสมของทั้งชายและหญิงมาจากอาจิณกรรมเมื่อครั้งตอนยังเป็นมนุษย์คือเป็นผู้นิยมสร้างกุศล ถือศีลในโอกาสอันดีสม่ำเสมอ แต่ก็นิยมคบซ้อน แถมนิยมเสพกามเป็นหมู่คณะ มีทั้งชายทั้งหญิง มีความสุขารมณ์ชมชอบยึดมั่นในการพลิกแพลงกิจกรรมทางเพศ เมื่อติดกามโรคตายลงก็พอดีนึกถึงบุญที่เคยกระทำไว้บ่อยๆได้ทัน(อาสัณณกรรม) จิตเลยยังไม่ไปสู่ทุคติวินิบาตนรกภูมิ
1
พอสิ้นชีพลงดวงจิตก็พุ่งหลาวไปเกิดในครรภ์ของกุมภัณฑ์บ้าง(เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีอวัยวะเพศใหญ่ที่สุด ลือว่าเท่าหม้อดินเผา) ยักษ์บ้าง ครุฑบ้าง นาคบ้าง กินนรบ้าง เงือกบ้าง ฯลฯ ตามแต่น้ำหนักของกรรมดีกรรมร้าย
1
แต่สิ่งที่ให้ผลเหมือนกันก็คือการมีอวัยวะเพศทั้งสองเพศ และอาจตกเป็นเหยื่อกามของเทพที่มีจิตใจหยาบโลนลามก หรือไม่ก็เป็นผู้นำกิจกามลามกนั้นเสียเอง จนลืมที่จะไปอนุโมทนาปราโมทย์บุญกุศล ลืมช่วยเหลืออุปัฏฐากพระอริยบุคคล ลืมน้อมจิตน้อมใจเข้าหาหลักธรรม เพราะมัวแต่ 'นัดยิ้ม' กันอย่างหนักสนั่น
3
พอตายลงจากชาติที่เป็นจาตุมหาราชิกาภูมิก็ดิ่งลงตรงสู่นรกทันทีเพราะไม่มีบุญเกื้อหนุนหลงเหลืออีกต่อไปแล้ว
2
เรื่องกรรมดีกรรมเลวเป็นเรื่องที่ทั้งซับซ้อนทั้งน่าชื่นใจและน่าหวาดผวาไปในขณะเดียวกัน พลาดนิดเดียวมีสิทธิ์ลงนรกทันที มีเพียงพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเท่านั้นที่รู้แจ้งในกฎแห่งกรรมของทุกๆสากลจักรวาล และทรงเป็นเพียงผู้เดียวที่จะบอกได้ว่าแต่ละสัตว์นั้นก่อกรรมอันใดมาจึงได้มาอยู่ในอัตภาพนั้นๆ
3
ตอนต่อไปจะขอพูดถึงประวัติของพญามณิกัณฐนาคราช ตัวอย่างของพญานาคที่เป็นบัณเฑาะก์ในสมัยก่อนพุทธกาลเสียอีก
(อนุญาตให้นำบทความนี้ไปใช้ได้ฟรี แต่กรุณาให้เครดิตแอดมินภุชงค์ เพจธรรมะแฟนตาซี เพื่อจะได้ไม่ถูกดำเนินคดีข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ)
โฆษณา