มาทำความรู้จักอาการ Shopaholic หมดตัวไม่ว่า..แต่จะเสียหน้าไม่ได้ 😭
เพราะ “ของมันต้องมี” และการช็อปออนไลน์ก็ง่ายและสะดวกรวดเร็วมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเสพติดการชอป หรือที่เรียกว่าอาการ “Shopaholic”
อย่างวันที่ 3 เดือน 3 ที่ผ่านมา วันเลขคู่ที่ถูกใจสายชอปปิงต่างๆ ซึ่งจะมาพร้อมส่วนลด และโปรโมชั่นพิเศษ ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้บริโภคจะได้ซื้อสินค้าราคาประหยัด แต่สำหรับบางคนอาจเป็นช่วงเวลาอันตราย เนื่องจากกระตุ้นอาการ Shopaholic หรือโรคเสพติดการชอปปิงได้
“Shopaholic” คือ โรคเสพติดการชอปปิง 🛍️ ถือเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง ใช้เรียกบุคคลที่มีการใช้จ่ายเงินในการซื้อของหรือชอปปิงจนเกินตัว ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ทั้งปัญหาด้านการเงิน ความสัมพันธ์ หรือสุขภาพจิต จนอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น หลบซ่อน หรือปิดบังราคาของที่ซื้อมา แม้โรคนี้จะเกิดขึ้นบ่อยในเพศหญิง แต่ในความเป็นจริงแล้วสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ เพราะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการชอปปิงของแต่ละคน
โรคเสพติดการชอปปิงนี้อาจมีสาเหตุมาจากตัวบุคคลนั้นๆ เอง ทั้งภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล สมาธิสั้น ขาดความมั่นใจในตนเอง หรือเกิดภาวะความเครียด ทำให้ต้องระบายอารมณ์เชิงลบออกไปด้วยการซื้อของ เพื่อบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้น หรืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสพติดการชอปปิงมาจากสิ่งกระตุ้นรอบตัว ทั้งสื่อโฆษณาที่ดึงดูด ทำให้อยากซื้อสินค้า รวมถึงความสะดวกสบายในการชอปปิง อย่างการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์ เป็นต้น
ถ้าเรายังไม่แน่ใจว่ามีอาการ Shopaholic หรือไม่ มาทำเช็คลิสต์นี้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย
5️⃣ เช็กลิสต์ที่อาจนำไปสู่การเสพติดการชอปปิงได้!
🤤 อยากชอปตลอดเวลา
ไม่สามารถหยุดซื้อของได้ ต้องซื้อเป็นประจำทุกวันต่อเนื่อง
🥴 ซื้อเกินความจำเป็น
ผู้ที่มีอาการนี้มักซื้อของเกินจำนวนที่จะใช้จริงเสมอๆ
😇 รู้สึกดีหรือผ่อนคลายเมื่อได้ซื้อ
เมื่อมีอาการเครียด มักบรรเทาด้วยการชอปปิง ซึ่งจะทำให้เกิดความสุขตอนซื้อ แต่หลังจากนั้น ความสุขก็จะหมดไป
🤐 ต้องโกหก หรือหลบซ่อน เพื่อให้ได้ชอปต่อ
พฤติกรรมนี้เกิดจากการที่กลัวคนรอบข้างตำหนิเรื่องการซื้อของมากเกินไป ทำให้จำเป็นต้องโกหก หรือซื้อมาแล้วต้องซ่อน เพื่อไม่ให้โดนว่า
😰 เริ่มมีปัญหาเรื่องหนี้สิน
ปัญหาหนี้สินที่ว่านี้เกิดจากการใช้จ่ายที่เกินตัว หรือการจ่ายค่าผ่อนชำระสินค้าที่เยอะผิดปกติ รวมถึงยอดวงเงินในบัตรเครดิตเต็มด้วย
❎ โดยพฤติกรรมเสพติดการชอปปิง หรือ Shopaholic นี้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา ดังนี้
😨 ชอปสนุก แต่ทุกข์สุดๆ เมื่อถึงเวลาจ่าย : เนื่องจากการชอปปิงเกินตัวอาจนำไปสู่การหยิบยืม หรือต้องกู้เงินเพื่อจ่ายค่าสิ่งของที่ซื้อ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดภาระหนี้สินตามมา
😱 ชอปมันส์ แต่ความสัมพันธ์พัง : เพราะอาจต้องโกหกว่าของที่ซื้อมามีคนให้มา หรือซื้อในราคาถูกกว่าความเป็นจริง เพื่อไม่ให้คนรอบตัวตำหนิ ดังนั้นเมื่อคนใกล้ชิดรู้ความจริง ก็อาจส่งผลให้สูญเสียความเชื่อใจได้
😵💫 ชอปแก้เครียด แต่กลับเครียดกว่าเดิม : ปัญหาข้อนี้ส่งผลต่อสุขภาพจิต เพราะถ้ามีหนี้สินจากการชอปที่มากเกินไปจนไม่สามารถจัดการกับหนี้ที่ค้างอยู่ได้ ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะเครียด หรือซึมเศร้าได้ และที่หนักที่สุดคือการลักเล็กขโมยน้อยเพื่อตอบสนองความอยากได้ของตัวเอง จนนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายในที่สุด
ซึ่งจาก 5️⃣ เช็คลิสต์ข้างต้น ที่อาจนำไปสู่การเสพติดการชอปปิงนั้น หากใครมีอาการตรงกับเช็กลิสต์ข้อใดข้อหนึ่ง หรือตรงเกิน 3️⃣ ข้อขึ้นไป ต้องเริ่มปรับพฤติกรรมการชอปปิงของตัวเองโดยทันที เพื่อไม่ให้อาการแย่ลง โดยสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ดังนี้
🧮 ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
วิธีนี้จะช่วยให้ติดตามการใช้จ่ายและควบคุมไม่ให้ใช้จ่ายเกินตัวได้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสามารถช่วยให้วางแผนการใช้จ่ายเงินได้ดีขึ้น และยังเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้ตนเองอีกด้วย หากใครอยากเริ่มต้นบันทึกรายรับรายจ่าย ปัจจุบันก็มีแอปพลิเคชันที่สามารถช่วยบันทึกได้ง่ายๆ
📝 วางแผนการเงิน
ควรกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายของเราเองให้ชัดเจน และจัดสรรเงินให้เหมาะสม แบ่งสัดส่วนการใช้ออกเป็นก้อน ๆ โดยสูตรแบ่งสัดส่วนที่นิยมใช้กันคือ “50-30-20” แบ่งออกเป็น “ค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเงินสำหรับเก็บออม” ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ คือ เงินเดือน 20,000 บาท ก็แบ่งเป็น 3 ส่วนทันที ส่วนแรก 50% = 10,000 บาท ส่วนที่สองจำนวน 30% = 6,000 บาท และส่วนสุดท้าย 20% = 4,000 บาท
เมื่อแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนแบบนี้ ก็ช่วยให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ง่ายขึ้นว่าในแต่ละเดือนเรามีเงินสำหรับใช้จ่ายในส่วนต่างๆ เท่าไหร่บ้าง อีกทั้งในส่วนของเงิน 20% ที่เป็นเงินเก็บ ก็สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง หรือลงทุนกับกองทุนรวม และประกันชีวิตประกันสุขภาพได้
⚽️ หากิจกรรมอื่นทำทดแทนการชอปปิง
เพื่อไม่ให้หมกมุ่นกับการชอปปิงจนเกินไป ควรหากิจกรรมที่ชื่นชอบทำ เช่น ปลูกต้นไม้ ออกกำลังกาย หรืออาจจะใช้เวลากับคนรักหรือครอบครัวก็ได้
👥 ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
หากอาการของการเสพติดการชอปปิงอยู่ในขั้นรุนแรง ไม่สามารถแก้ได้จาก 3 ข้อข้างต้นที่กล่าวมา ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือนักบำบัด
และแน่นอนว่าหากสายชอปคนไหนกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ออมเงินได้อย่างเป็นระบบ ไม่เผลอนำไปชอปก่อน อาจมาปรึกษาและขอคำแนะนำจากพวกเราทีมงาน THEE PLANS 🦌 เพื่อช่วยวางแผนให้ได้ รับรองว่าเพื่อนๆ มีเงินออมได้แน่นอนครับ 💋
มาเป็นเพื่อนบ้านกับ THEEPLANS 🫎 กันนะครับ
#SHOPAHOLIC
#วางแผนการเงิน
#FinancialLiteracy
#THEEPLANS
#FinancialSolutions
#STANDbyYOU
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
