Hoare รู้ว่าการล่มดังกล่าวหลายครั้งเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับวิธีการใช้หน่วยความจำของอุปกรณ์ ซึ่งซอฟต์แวร์ภายในอุปกรณ์เช่นลิฟต์มักเขียนด้วยภาษาโบราณเช่น C++ หรือ C ซึ่งมักอนุญาตให้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีขนาดค่อนข้างเล็ก
1
ปัญหาคือภาษาเหล่านั้นยังทำให้ง่ายต่อการทำให้เกิดข้อบกพร่องของหน่วยความจำโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่จะทำให้ทุกอย่างหยุดทำงาน Microsoft ประมาณการว่า 70% ของช่องโหว่ในโค้ดเกิดจากข้อผิดพลาดของหน่วยความจำจากโค้ดที่เขียนด้วยภาษาเหล่านี้
ผู้บริหารของ Mozilla รู้สึกทึ่งพวกเขาตระหนักว่า Rust สามารถช่วยพวกเขาสร้างเอ็นจิ้นเบราว์เซอร์ที่ดีขึ้นได้ซึ่งแน่นอนว่าเบราว์เซอร์เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความซับซ้อนสูงและมีโอกาสมากมายที่จะเกิดข้อบกพร่องของหน่วยความจำที่เป็นอันตราย
ในปี 2009 Mozilla ตัดสินใจสนับสนุน Rust อย่างเป็นทางการ โดยทำให้ภาษาเป็นโอเพ่นซอร์ส Mozilla เริ่มลงทุนด้วยการจ่ายเงินให้กับกลุ่มวิศวกรเพื่อมาสานต่อโปรเจ็กต์นี้
Dave Herman ผู้ร่วมก่อตั้ง Mozilla Research ขนานนามสถานที่ทำงานของกลุ่มหัวกะทิที่มาเริ่มโปรเจ็กต์ Rust ว่า “ถ้ำเด็กเนิร์ด” ซึ่งอีก 10 ปีให้หลัง Mozilla ได้ว่าจ้างวิศวกรกว่า 12 คนให้ทำงานเต็มเวลากับ Rust
บางบริษัทค้นพบว่า Rust ได้ช่วยเหลือพวกเขาเกี่ยวกับข้อบกพร่องในการจัดการหน่วยความจำ Mara Bos ใช้ Rust เพื่อเขียนซอฟต์แวร์ของบริษัทใหม่ทั้งหมดสำหรับควบคุมโดรนซึ่งเดิมเขียนด้วยภาษา C++
ที่ Discord วิศวกรรู้สึกหงุดหงิดมานานแล้วที่ garbage collector ในภาษา Go ซึ่งเป็นภาษาที่พวกเขาใช้สร้างส่วนสำคัญของซอฟต์แวร์จะทำให้สิ่งต่างๆ ช้าลง