3 มี.ค. 2024 เวลา 06:15 • ปรัชญา
เพราะจิตเรานั้นมีกรรมปกปิด มีอวิชชาปกปิด ปกปิดไม่ให้เรารู้จัก ไฟ..ไฟโลภโกรธหลง ไฟราคะตัณหา เรื่องตาหูจมูกลิ้นกายใจเป็นไฟ..มันเป็นไฟได้อย่างไร .เราคงเคยเห็นคนเวลาโกรธหน้าดำหน้าแดง คนที่ชี้หงุดหงิด ..เรามองเห็นแค่ผิวกาย ..แต่ลึกไปใต้ผิวหนัง เป็นสีดำๆ เลือดก็ดำ อณูธาตุในกายก็ถูกแผดเผา เป็นขี้เถ้าดำๆ ด้วยพิษของไฟ ..สิ่งที่จะดับ ..ไฟนี้ได้ เค้าเรียกว่า น้ำธรรม .ที่จะไปดับไฟ น้ำธรรมนี้จะไปเอามาจากไหน นั่นก็เรื่องการสร้างบุญกุศลบารมี เอาน้ำธรรมไปดับไฟ
เมื่อไม่สร้างบุญกุศลบารมี มันก็มีแต่อารมณ์ที่แผดเผา เผาไปเรื่อยๆ อาหารการกืนเราไม่ได้กินแค่ประทังชีวิตประทังสังขาร เรากินน้ำเลือดน้ำหนองของผู้ที่ที่ไเสาะแสวงหากิน มาเลี้ยงสังขารกรรม หมูหมาเป็ดไก่วัวควาย เนื้อกุ้งหอยปู เค้าก็หากินไปตามสัญชาตญาณของรูปที่อาศัย เค้าอยู่กับกรรมไม่รู้จักกรรม หากินไปตามกรรม เป็นผู้มีเนื้อของกรรม
เราก็ไปกินเค้าด้วยความเอร็ดอร่อย .กินเนื้อกรรมเอร็ดอร่อย ..ถึงเวลาเนื้อกรรม นั้นเหมือนแผลงฤทธิ์ น้ำเลือดน้ำหนองที่เป็นกรรม ก็กัดกินเนื้อกรรม ..ในกาย เป็นโรคตรงนั้นตรงนี้เกิดขึ้น เจ็บปวดปวดเมื่อย เลือดลมติดขัด มีอะไรกัดกิน แปรสภาพเป็นพังผืด ทุกข์ทรมานบ้าง น้ำเลือดน้ำหนองของกรรมไปเกากัดกินตามเส้นเอ็นต่างๆ เส้นก็ตึง หนังก็ย่น กัดกิน กร่อนตรงนั้นตรงนี้นเรือนกาย ..ให้ทุกข์ทรมาน
กลับมาที่เรื่องราวไฟ ที่ว่าอารมณ์นั้นเป็นไฟ มันปกคลุมทั้งเรือนกาย เราก็มองไม่เห็น ไม่ให้รับรู้นั่น ..ที่แท้จริงก็คือ กรรมที่ปิดบังไม่ให้เรารับรู้ มันจึงหลงใช้อารมณ์กันเพลิดเพลิน เพราะไม่รู้จักไฟ ..เมื่อไม่รู้จักไฟ ก็ไม่มีความคิดที่จะดับไฟ หาอะไรมาดับไฟ ชีวิตจึงต้องเป็นไปตามยถากรรม ..ที่ไฟนั้น(อารมณ์กรรม อารมณ์นึกคิด) แผดเผา วิ่งไปตามกรรม
เหมือนคนที่ถูกไฟนั้นเผา ไฟราคะ ไฟไทสะ ไฟโมหะ .เป็นไฟสามกอง แผดเผาทั้งกายใจ ..จิตก็ไม่รู้จักไม่เห็นไฟสามกอง เพราจิตนั้น นอนเนื่องในโคลนตมปักควาย จะว่าโง่ ก็ไม่ใช่ ..ก็จิตมันไม่รู้ ไม่มีมีความรู้สึกว่าเป็นไฟนี่น่ะ
เรื่องความไม่รู้นี่ มีน้องคนหนึ่ง เค้าก็ชอบปฏิบัติธรรม มักน้อง ฝันเห็นควาย กินหญ้าเต็มทุ่ง ควายเดินตัดหน้าบ้าง ควายมายืนมองบอก ..วันหนึ่ง ก็ไปถามพระ เล่าเรื่องความฝันถึงควาย ท่านก็บอกว่า เค้าไม่รู้จะบอกเราอย่างไร เค้าก็เลยส่งเรื่องราวของควายให้ ..หมายถึงตัวโง่ นั่นแหละ
ฟังธรรมก็จบๆไป จบแล้ว ก็ไม่เคยเอาไปใคร่ครวญ พินิจพิจารณาอะไร กลั่นกรองเหตุผลให้แก่จิต นำไปปฏิบัติบ้าง อุตส่าห์เดินทางมาไกล มาทำบุญ พระท่านก็สอนให้พอพ้นกุฏิ ก็ไม่เคยนำไปทบทวนอะไรเลย..นำไปปฏิบัติในสิ่งที่ท่านแนะนำ เค้าเรียกว่า ฝนตกเท่าไหร่ๆ มันก็ไม่ซึมดินลงไปได้เลย ต้นไม้คือจืต ก็ไม่มีทางโตในธรรมได้เลย เหมือนต้นไม้ในดินกันดาร
โฆษณา