พญานาคLGBTQIA+ มณิกัณฐะนาค(พุทธ) และอิราวัต(ฮินดู)

ในสมัยพุทธกาลครั้งที่พระพุทธสมณโคดมพุทธเจ้าของเราทรงจาริกไปประทับอยู่ที่อัคคาฬวเจดีย์ในเมืองอาฬวี ก็ประสบปัญหาเป็นอันมากที่ไม่มีผู้มีจิตศรัทธามาทำบุญถือศีลกับพระสงฆ์องคเจ้าเหตุเพราะพระสงฆ์องคเจ้าเที่ยวไปขอให้ญาติโยมช่วยสร้างกุฏิ บ้างก็ไปขอให้บริจาคโน่นนั่นนี่ทั้งๆญาติโยมบางคนไม่เต็มใจ ทำให้เหล่าญาติโยมพากันหลบหนีจากพระเพราะความกลัวว่าจะมีพระมาขอนู่นขอนี่
1
พระพุทธเจ้าเห็นดังนั้นก็เรียกประชุมสงฆ์แล้วอบรมสงฆ์ใหม่ โดยยกอดีตชาติหนึ่งของพระองค์มาเล่าให้ฟัง ว่าครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ไปเกิดเป็นพราหมณ์ในตระกูลมั่งคั่ง มีน้องชายหนึ่งคน วันหนึ่งบิดามารดาก็เสียชีวิตลง พราหมณ์สองพี่น้องก็เลยทำใจไม่ได้ หนีไปบวชเป็นฤๅษีอยู่ที่ริมแม่น้ำคงคา
โดยฤาษีคนพี่สร้างอาศรมอยู่ทิศเหนือของแม่น้ำ ฤๅษีคนน้องสร้างอาศรมอยู่ทิศใต้ของแม่น้ำ พราหมณ์คนน้องในเวลานั้นไปอยู่ทิศใต้อันเป็นถิ่นอาศัยของพญานาคเข้าพอดี วันหนึ่งมีพญานาคตัวผู้ที่ชื่อมณิกัณฐะขึ้นมาเล่นน้ำที่ผิวน้ำแล้วเห็นพระฤาษีคนน้องผู้มีผิวขาวรูปงามกำลังกวาดลานอาศรม พญานาคมณิกัณฐะก็เลยหลงในรูปของฤๅษีผู้น้อง จึงใช้อิทธิฤทธิ์ของพญานาคแปลงร่างตัวเองเป็นหนุ่มหล่อขึ้นไปชวนฤๅษีสนทนาปราศรัย
ทำไปทำมาก็คุยกันถูกคอ สนิทสนมกันมากจนมณิกัณฐะทนไม่ไหว มาวันหนึ่งก่อนจะกลับลงแม่น้ำคงคาก็คืนร่างเป็นพญานาคขดรัดรอบกายของพระฤๅษีผู้น้องไว้ด้วยความสิเนหาสมัครใคร่ ร่างพญานาคนั้นสำหรับฤๅษีผู้ไม่ได้มีตบะแก่กล้าย่อมเป็นที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เมื่อมณิกัณฐะเห็นว่าพระฤๅษีกลัวก็รู้ตัวรีบคลายขนดออกแล้วหนีลงน้ำไป
วันต่อๆมามณิกัณฐะก็ขึ้นฝั่งมาเจรจาโอ้โลมฤาษีหนุ่มคนน้องอีกเช่นเคย แม้ฤาษีผู้น้องจะดีใจชอบใจที่นาคาผู้หล่อเหลาผู้พูดจาสนุกมาเยี่ยมหา แต่สุดท้ายพอนาคราชนั้นมีอารมณ์เสน่หาพุ่งขึ้นมันก็อดรนทนไม่ไหว แปลงกายเป็นพญานาคเข้าไปรัดร่างของฤๅษีคนน้องอย่างลุ่มหลงอีกเช่นเคย เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวัน
ฤๅษีหนุ่มจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว วันหนึ่งก็เผ่นแน่บไปหาฤๅษีพี่ชายเพื่อขอคำปรึกษาแต่เช้าตรู่ ฤๅษีพี่ชายเห็นสภาพของน้องชายที่ผอมเพราะกินข้าวกินปลาไม่ลงด้วยความหวาดกลัวพญานาค ก็เลยแนะนำให้ฤๅษีคนน้องแกล้งพูดขอมณีสีม่วงเม็ดงามที่ห้อยคอมณิกัณฐะทุกครั้งที่มณิกัณฐะขึ้นจากน้ำมาโอ้โลม
ฤๅษีคนน้องจึงกลับไปที่อาศรม ณ ทิศใต้ของแม่น้ำคงคาอีกครั้งพร้อมทำใจดีสู้เสือ เมื่อพญานาครูปหล่อขึ้นมาโอ้โลมปฏิโลม เมื่อได้จังหวะก็พูดขอเม็ดมณีที่คอของพญานาคนั้นด้วยท่าทีแสร้งอยากได้ พอมณิกัณฐะได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเสียแล้วกระโดดลงน้ำกลายเป็นพญานาคดำดิ่งลงบาดาลหายไปทันที
แต่พญานาคมณิกัณฐะก็ตัดใจไม่ลงเพราะหลงในรูปร่างหน้าตาของฤๅษีคนน้อง จึงขึ้นมาโอ้โลมฤาษีรูปงามอีกในวันถัดไป ฤๅษีรูปงามก็ทำใจดีสู้เสืออีกก่อนจะแกล้งพูดขอมณีที่คอของมณิกัณฐะ พญานาคร่างหนุ่มหล่อทำหน้าเสียอีกครั้ง ก่อนจะกระโจนลงน้ำหนีไป ถัดมาอีกวัน มณิกัณฐะที่คิดจะไม่ไปหาฤๅษีคนน้องอีกแล้ว ก็ยังอดรนทนไม่ไหว คิดว่าครั้งนี้ฤๅษีท่านนี้คงหยุดพูดขอมณีที่ห้อยคอแล้วแหละมั้ง จึงขึ้นบกไปหาฤๅษีผู้น้องอีกครั้งด้วยรู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง๕๕๕
ปรากฏว่ากำลังคุยๆอยู่อย่างเต็มอรรถรส จู่ๆพระฤๅษีหนุ่มหล่อก็พูดขอมณีที่คอของมณิกัณฐะอีกครั้ง คราวนี้มณิกัณฐะก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความผิดหวัง พร้อมกล่าวตัดพ้อฤๅษีว่า "ท่านเอาแต่ขอมณีอันเป็นของวิเศษบันดาลอาหารการกินและสมบัติของเราอยู่ได้ โดยไม่สนใจเลยว่าเราจักเป็นจักตายอย่างไร ต่อไปนี้ท่านและเราขาดจากความเป็นผู้ชอบพอกันแล้ว ลาก่อน"
หลังจากนั้นพญานาคก็ไม่มาหาพระฤๅษีหนุ่มหล่อคนน้องอีกเลย ตอนแรกพระฤๅษีก็ดีใจมากที่พญานาคผู้มีสภาพกายจริงน่าสะพรึงกลัวพ้นไปจากชีวิตเสียได้ แต่พอผ่านไปสามวันก็รู้สึกคิดถึงพญานาคคนหล่อใจดีผู้นั้นจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเผลอมีใจสิเนหาตอบไปโดยไม่รู้ตัว พออาการหนักกว่าเดิมก็ถ่อสังขารไปหาพระฤๅษีผู้พี่เพื่อขอคำปรึกษา
พระฤๅษีคนพี่ก็สอนใจน้องชายว่า การที่เราไปขอของของคนอื่นทั้งๆที่เขาไม่เต็มใจให้ ก็เท่ากับเป็นการทำให้เขาทุกข์ใจ และทำให้เขาไม่เป็นอันสุงสิงกับเราอีก พระฤๅษีคนน้องเมื่อฟังดังนั้นก็สำนึกผิด กลับไปถือศีลภาวนาอุทิศบุญกุศลให้มณิกัณฐะยังทิศใต้ของแม่น้ำคงคาดังเดิม แม้จะไม่มีโอกาสพบพานมณิกัณฐะอีกเลยจวบจนฤๅษีผู้น้องสิ้นอายุขัย แล้วตามฤๅษีผู้พี่ไปเกิดในพรหมโลกในที่สุด
จากเหตุการณ์ในชาติก่อนของพระพุทธองค์เหตุการณ์นี้ทำให้เราได้รู้ว่าเพศที่ ๓ มีมานานแล้วและมีในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา(ไม่ว่าจะในโลกบาดาลหรือโลกไหน)อีกด้วย และที่สำคัญ เพศที่ ๓ ส่วนมากก็จะไม่สมหวังในรัก จากวิบากแห่งกรรมด้านกามราคะรูปราคะที่ให้ผลเป็นไปดั่งนั้นนั่นเอง
ในตำนานมหาภารตะที่เป็นเรื่องราวของลัทธิพราหมณ์ภารตะที่ชาวอินเดียใต้เชื่อถือกันมากก็มีพูดถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เจ้าชายอรชุน(ตัวเอก เป็นบุตรของพระอินทร์)ลงไปอาบน้ำในสระแห่งหนึ่งในระหว่างพักผ่อนจากการรอนแรม ก็ถูกพญานาคตัวเมียที่ชื่อนางอุลูปีเอาหางตวัดลงไปสมสู่ในน้ำในสภาพที่ครึ่งบนเป็นสาวงามครึ่งล่างเป็นงูนาค ในที่สุดนางอุลูปีก็ตั้งท้องกับอรชุนแล้ววางไข่ออกมาเป็นพญานาคที่ชื่ออิราวัต(ครึ่งนาคครึ่งเทพ)
พญาอิราวัตมีลักษณะเหมือนมนุษย์รูปงามทุกประการ เวลาอยู่ในร่างมนุษย์จะมีผิวขาวเหมือนอรชุนผู้เป็นพ่อ แต่ดันมีเขี้ยวแบบงูหรือพญานาคแล่บออกมาจากปาก ทีแรกพญาอิราวัตก็ไม่ได้เป็นเกย์ แต่พอดีว่านางอุลุปีผู้เป็นแม่ขอร้องให้อิราวัตไปช่วยอรชุนรบในสงครามภารตยุทธจนชนะ
แต่แม้จะชนะศึกแล้ว ด้วยวิบากกรรมอิราวัตก็โดนทหารเการพย์ตัดคอขาดจนกายและศีรษะแยกจากกัน ด้วยความเป็นลูกครึ่งเทพ อิราวัตก็ยังไม่ตาย ณ ตอนนั้น เขานึกเสียดายที่ชีวิตนี้สั้นนัก อยากจะแต่งงานครองคู่กับใครสักคน อนันตะเศษะหรืออนันตนาคราชที่เป็นปู่ทวดนึกเห็นใจก็เลื้อยขึ้นมาจากทะเลเกษียรสมุทร แล้วแปลงกายเป็นร่างกายของเหลนไปต่อกับหัวให้ แล้วพาเหลนเหาะไปบอกพระกฤษณะให้ช่วยหาคู่ให้เหลนตนหน่อย
พระกฤษณะก็รู้แจ้งทันทีว่าไม่มีใครมาร่วมสมรสรักกับอิราวัตแน่นอนเพราะอิราวัตใกล้ตายแล้ว และถ้าสามีตาย สตรีผู้เป็นเมียจะต้องทำพิธีสตีคือวิ่งเข้ากองไฟตายตามสามีไปตามธรรมเนียมของชาวลัทธิบูชาไฟในยุคนั้น
พระกฤษณะก็เลยยอมตัดปัญหาทั้งหมด แต่งงานกับอิราวัตเสียเองโดยในสภาพผู้ชายเนื่องจะได้ไม่ต้องวิ่งเข้ากองไฟเพราะไม่ใช่หญิง อิราวัตเองก็ดีใจที่องค์เทพชั้นสูงอย่างกฤษณะยอมมาแต่งงานกับตน(บางตำนานว่าพระกฤษณะแปลงเป็นหญิงมาเสพสมกับอิราวัตบ้างก็มี) จึงเสพนิโยกกับพระกฤษณะอย่างอิ่มใจ เมื่อถึงที่สุดแห่งสุขแล้วก็ตายคาพระบิณฑิกมังสาของพระกฤษณะ
ในปัจจุบันสาวประเภทสองและเหล่าเกย์ในอินเดียภาคใต้และในสิงคโปร์จะเรียกตัวเองว่าอิราวนี(ทายาทของอิราวัต) และถือกันว่าตนเป็นบุตรที่เกิดจากพ่อคืออิราวัตและแม่ที่เป็นพระกฤษณะ
ช่วงกลางเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมในแคว้นทมิฬของอินเดียและย่านชุมชนชาวทมิฬในสิงคโปร์ของทุกปีจะมีเทศกาลบูชาระลึกถึงการตายด้วยความเสียสละอันยิ่งใหญ่ขององค์อิราวัต โดยจะมีสาวประเภทสองที่ตั้งตนเป็นสาวกขององค์อิราวัตผู้เรียกขานตัวเองว่า{ติรุนงไก}(คือลูกสาวของพญาอิราวัตนาคราชนั่นเอง)มาร้องไห้อย่างรัชดาลัยเธียเตอร์ที่หน้าเทวสถานของอิราวัต
ซึ่งเรื่องราวของอิราวัตนาคานี้เกิดในภพภูมิทั้งแดนบาดาลของพวกนาค ทั้งโลกมนุษย์และสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีเพศมากกว่า ๒ เพศ เหมือนกับโลกมนุษย์เราที่มีทั้งLGBTQ&I&A&+ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ชายจริงหญิงแน่หรือไม่ก็ล้วนแล้วแต่เกิดมาพร้อมกรรมทั้งหมดทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่าจะหนักจะเบาจะมากจะน้อย หรือจะรู้ตัวกันได้(สักที)หรือไม่ก็เท่านั้น
สามารถคัดลอกบทความนี้ไปเผยแพร่ได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ใส่Creditให้กับแอดมินนาโครัตนะแห่งFB P.ธรรมะแฟนตาซีหน่อยนะครับ จะได้ไม่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
โฆษณา