Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2024 เวลา 03:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ความเป็นไปได้ของ “การเดินทางข้ามเวลา (Time Travel)”
หลายคนอาจจะเคยชมภาพยนตร์หรืออ่านนิยายเกี่ยวกับ “การเดินทางข้ามเวลา (Time Travel)”
ที่ผ่านมาเป็นเวลานับร้อยปีนั้น มนุษย์ต่างจินตนาการถึงหลักการของการเดินทางข้ามเวลา มันคงจะน่าตื่นเต้นหากมนุษย์สามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปในอดีต หรือเดินทางไปยังโลกอนาคต
ในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องนั้น อาจจะมีเครื่องเดินทางข้ามเวลาหรือที่เรียกว่า “ไทม์แมชชีน (Time Machines)” แต่คำถามก็คือ
“การเดินทางข้ามเวลานั้นเป็นไปได้จริงหรือไม่?”
เราลองมาหาคำตอบกันครับ
คำถามที่ว่าเวลาเป็นสิ่งที่เราสามารถย้อนกลับไปหรือพุ่งไปข้างหน้าได้หรือไม่นั้น เป็นหนึ่งในปริศนาที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถไขได้กระจ่าง
หากว่าจักรวาลนี้ดำเนินไปตามกฎของเทอร์โมไดนามิกส์ เรื่องการเดินทางข้ามเวลาก็อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกฎข้อที่สองของเทอร์ไมไดนามิกส์นั้น กำหนดว่าทุกสรรพสิ่งในจักรวาลจะดำรงอยู่ในรูปแบบเดิมหรืออาจจะกลายเป็นสับสนวุ่นวายเมื่อเวลาผ่านไป
หากจะให้เห็นภาพ หากเราตอกไข่ใส่ถ้วยเพื่อจะทำไข่ดาว เราก็ไม่สามารถทำให้ไข่ฟองนี้กลับไปในรูปเดิมก่อนที่เราจะตอกมันลงถ้วย ซึ่งตามกฎเทอร์โมไดนามิกส์ จักรวาลนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปได้ เวลานั้นมีแต่จะพุ่งต่อไปข้างหน้าราวกับถนนเลนเดียวที่พุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่มีถอยหลัง
1
แต่อย่างไรก็ตาม นักฟิสิกส์ชื่อดังอย่าง “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)” ได้เสนอ “ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Relativity)” โดยใจความสำคัญก็คือ เวลาของแต่ละคนนั้นจะผ่านไปไม่เท่ากัน โดยหากเราอยู่บนยานพาหนะที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วแสง นั่นคือประมาณ 1,080 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง เราก็จะพบว่าเวลานั้นเดินไปช้ากว่าคนอื่นๆ บนโลก
1
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
แน่นอนว่าในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถประดิษฐ์ยานพาหนะที่เดินทางด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ แต่นักบินอวกาศที่ขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติก็ได้พบเจอกับประสบการณ์ที่จำไม่มีวันลืม เมื่อสถานีอวกาศนานาชาติโคจรรอบโลกด้วยความเร็ว 28,164 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
“สก็อตต์ เคลลี (Scott Kelly)” นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ได้ใช้เวลาอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลากว่า 520 วัน และผลที่ได้ นั่นก็คือสก็อตต์นั้นแก่ช้ากว่า “มาร์ค เคลลี (Mark Kelly)” พี่น้องฝาแฝดของสก็อตต์
สก็อตต์เกิดทีหลังมาร์คหกนาที แต่ในเมื่อตอนนี้สก็อตต์เดินทางด้วยความเร็วกว่ามาร์คและเป็นเวลาหลายวัน ทำให้มีการประเมินว่าสก็อตต์นั้นอายุน้อยกว่ามาร์คหกนาทีกับอีกห้ามิลลิวินาที
นักวิทยาศาสตร์บางคนก็เสนอแนวคิดที่ว่าบางทีการเดินทางข้ามเวลาอาจจะทำได้จริง โดยหนึ่งในแนวคิดที่ว่าก็คือเรื่องราวของ “รูหนอน (Wormhole)”
1
สก็อตต์ เคลลี (Scott Kelly)
รูหนอนคือแนวคิดทางทฤษฎีในฟิสิกส์ที่แสดงถึงทางลัดหรืออุโมงค์ผ่านกาลอวกาศ เชื่อมต่อจุดสองจุดที่แยกจากกันในจักรวาลหรือแม้แต่จักรวาลที่แตกต่างกัน เป็นวิธีการเดินทางที่เร็วกว่าแสงหรือเป็นประตูสู่มิติอื่น เป็นสะพานเชื่อมระหว่างจุดเริ่มต้นกับปลายทาง
หากมีคนสามารถสร้างรูหนอนได้ และหาวิธีการเชื่อมปลายทางด้วยความเร็วใกล้เคียงกับความเร็วแสง เวลาของปลายทางที่เคลื่อนไหวจะผ่านไปช้ากว่าปลายทางที่หยุดนิ่ง
หากมีคนเข้าไปในปลายทางที่เคลื่อนไหวและไปออกทางด้านปลายทางที่หยุดนิ่ง ผลที่ได้นั้น นั่นก็คือบุคคลนั้นจะโผล่ออกมาในอดีตของตน
1
แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องรูหนอนก็เป็นเพียงทฤษฎีหนึ่งเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เคยพบ และดูเหมือนว่าการจะส่งมนุษย์เข้าไปในรูหนอนก็เป็นแนวคิดที่ท้าทาย
2
ยังมีทฤษฎีและแนวคิดเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาอีกมากมายที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือ “ทฤษฎีปฏิทรรศน์คุณปู่ (Grandfather paradox)”
ทฤษฎีนี้มีแนวคิดว่าหากบุคคลหนึ่งสามารถย้อนเวลาไปยังอดีตได้ และก็บังเอิญทำให้ปู่ย่าตายายหรือบรรพบุรุษของตนไม่ได้พบกัน ไม่ได้รักและลงเอยกัน จะเป็นอย่างไร?
เท่ากับว่าบุคคลนั้นก็จะไม่ได้เกิดมาเนื่องจากบรรพบุรุษไม่ได้พบกัน ไม่ได้ลงเอยกัน ตนก็จะไม่ได้เกิด แต่ก็มีข้อขัดแย้งที่ว่า ถ้าอย่างนั้นตัวเราที่เดินทางกลับไปยังอดีตตั้งแต่แรกนั้นเกิดมาได้อย่างไร?
“สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking)” นักฟิสิกส์ชื่อดังชาวอังกฤษ ก็ได้ทดลองหาคำตอบของการเดินทางข้ามเวลา โดยได้จัดงานเลี้ยงขึ้นและทำการ์ดเชิญมางานเลี้ยง ซึ่งในการ์ดเชิญนั้นก็ระบุวันที่และเวลา หากแต่จะไม่มีการส่งการ์ดเชิญไปยังแขกจนกว่างานเลี้ยงจะถูกจัดขึ้นและเลิกไปแล้ว
สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking)
ฮอว์กิงมีแนวคิดว่าหากมีคนในอนาคตได้บัตรเชิญนี้ และสามารถย้อนเวลากลับมาได้ ก็คงต้องมาปรากฎตัวให้เห็น แต่ผลที่ได้ก็คือ ไม่มีใครมาเลย ซึ่งฮอว์กิงก็ได้กล่าวถึงผลการทดลองว่า
“หลักฐานที่ดีที่สุดที่เรามีที่พิสูจน์ว่าการเดินทางข้ามเวลานั้นไม่มีจริงและไม่มีทางมีได้ นั่นก็คือเรายังไม่เคยถูกรุกรานโดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากอนาคต”
1
1
อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ นักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ซึ่งมีลักษณะที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามเวลา โดยหลักการทำงานก็คือ เมื่อส่องกล้องขึ้นไปยังจักรวาล สิ่งที่เห็นก็คือภาพจักรวาลแต่เป็นภาพในอดีต นั่นก็เพราะว่าแสงจากจักรวาลและดวงดาวนั้นใช้เวลาในการเดินทาง และลำแสงเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เก็บภาพในอดีต
เมื่อนักวิทยาศาสตร์ส่องกล้องขึ้นไปยังท้องฟ้าเพื่อสำรวจจักรวาลและดวงดาว ภาพที่เห็นนั้นจะไม่ใช่ภาพในปัจจุบัน แต่เป็นภาพเมื่อแสงเริ่มเดินทางมายังโลกเมื่อหลักล้านหรือพันล้านปีก่อน
กล้องโทรทรรศน์รุ่นใหม่ของ “นาซ่า (NASA)” นั่นคือ “กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (James Webb Space Telescope)” ก็เป็นกล้องที่ใช้สำรวจจักรวาลซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่จุดเริ่มต้นของ “บิ๊กแบง (Big Bang)” ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อราว 13,700 ล้านปีก่อน
ดังนั้นก็อาจจะสรุปได้ว่า หากต้องการเดินทางข้ามเวลาในปัจจุบัน เทคโนโลยีในปัจจุบันอาจจะยังทำไม่ได้ แต่สำหรับอนาคตนั้น คงมีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะตอบได้
แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าการเดินทางข้ามเวลาเป็นไปได้จริงหรือไม่?
-----
References:
https://medium.com/aha-science/is-time-travel-even-possible-e3b758678f83
https://www.bbc.com/future/article/20231110-doctor-who-is-time-travel-really-possible-heres-what-physics-says
https://spaceplace.nasa.gov/time-travel/en/
https://www.space.com/21675-time-travel.html
2
ประวัติศาสตร์
ความรู้รอบตัว
13 บันทึก
30
3
7
13
30
3
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย