9 มี.ค. เวลา 03:50 • ปรัชญา

นักพเนจร

ณ เมืองอันแสนกว้างใหญ่ซึ่งมีนามว่า "โลก" ในเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหน้าหลายตา อยู่มาวันหนึ่ง ได้มีชายพเนจรผู้หนึ่งนามว่า "ความสุข" ได้เดินทางผ่านเข้ามาขอพักอาศัยเพียงชั่วคราว
.
ผู้คนมากมายเมื่อเห็นความสุขก็ต่างพากันยินดีแห่ต้อนรับกันอย่างล้นหลาม ความสุขรู้สึกประทับใจและรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก ที่เหล่าผู้คนต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เลยตอบแทนด้วยความรื่นเริงให้แก่ผู้คน
ในขณะที่ผู้คนกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างมีความสุข ก็ได้มีชายพเนจรผู้หนึ่งเดินทางผ่านเข้ามาในเมืองเพื่อขอพักอาศัย ชายผู้นี้นามว่า "ความทุกข์"
.
ผู้คนเมื่อพบว่าเป็นความทุกข์ ก็ต่างพากันไม่อยากต้อนรับ พลันตะโกนโห่ร้องขับไล่ไสส่ง ให้ออกไปจากเมือง เพราะความทุกข์มักมาพร้อมกับความเจ็บปวดมากมายอยู่เสมอ
ก่อนจะเดินจากไป ความทุกข์ รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพียงไม่นานก็มีชายพเนจรอีกผู้หนึ่งเดินทางผ่านเข้ามาเพื่อขอที่พักอาศัยเพียงชั่วคราวเหมือนเช่นเคย ชายผู้นี้มีนามว่า "ความตาย" เมื่อผู้คนพบเห็นก็ต่างไม่ยินดีต้อนรับ พร้อมโห่ร้องและสาปแช่ง เพราะความตายมักพรากคนที่เรารักจากไปเสมอ
ในระหว่างที่ผู้คนต่างพากันโห่ร้องขับไล่ความตายอยู่นั้น ได้มีชายพเนจรผู้หนึ่ง นามว่า "สติ" พึ่งเดินผ่านมาถึงและเห็นผู้คนในเมืองนี้พากันเลือกปฏิบัติตามความต้องการของตน เลยได้ออกมากล่าวย้ำเตือนผู้คนในเมืองไปว่า "นักพเนจรเฉกเช่นความสุข ความทุกข์หรือความตาย มักมีมา มักผ่านไปหลาย ๆ ครั้งอยู่เสมอ ไม่มีใครจะอยู่จีรังไปได้ตลอดหรอกหนา”
เพราะชีวิตถ้าเอาแต่ยึดถือความสุขเพียงอย่างเดียว ย่อมแสดงว่าเรากำลังหลงกับความสุขที่เกินตัวจนใช้ชีวิตด้วยความประมาท คนเราเมื่อโหยหาแต่ความสุขมักไม่นึกถึงความตาย แต่เมื่อใดที่เจอความผิดหวังสิ้นหวังจากความประมาท เมื่อเกิดความทุกข์ในชีวิตมักจะนึกถึงแต่ความสิ้นหวังอยู่เสมอ
.
ควรไตร่ตรองพิจารณาอย่างมีสติกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิต แม้จะเป็นความทุกข์หรือความตายก็ตาม เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราต้องพบเจอในขณะที่ยังมีลมหายใจ
ดังนั้นแล้วเมื่อเจอความทุกข์เดินทางผ่านเข้ามาหรือเจอความตายเดินทางผ่านเข้ามา ก็ควรต้อนรับอย่างมีสติ เเล้วอยู่กับมันไปให้ได้ ชีวิตจึงจะมีแต่ความสุข
Author: Never Give Up
โฆษณา