8 มี.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เข้าใจ หุ้นกู้ 101 สินทรัพย์ยอดฮิตที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้

เมื่อการฝากเงินไว้ในธนาคารเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ! แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไร❓
1
การมองหาทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปีก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนก็ต้องดูความเสี่ยงที่ตัวเรายอมรับได้ด้วย
และหนึ่งในทางเลือกการลงทุน ที่มีความเสี่ยงน้อย แถมให้ผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร ก็คือ “หุ้นกู้” นั่นเอง…
  • หุ้นกู้ คืออะไร ?
หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ที่ออกโดยบริษัทเอกชน เพื่อกู้ยืมเงินจากนักลงทุนไปใช้สำหรับกิจการต่าง ๆ ของบริษัท แล้วให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนในรูปแบบของดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนจะมีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” และบริษัทที่เป็นผู้ออกหุ้นกู้จะมีสถานะเป็น “ลูกหนี้”
  • ทำไมหุ้นกู้ถึงได้รับความนิยม 📈
- ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนดอกเบี้ยขาลงแบบนี้ ก็เป็นจังหวะดีที่จะซื้อหุ้นกู้ เพื่อล็อกอัตราผลตอบแทนเอาไว้
1
- ผลตอบแทนสม่ำเสมอ หุ้นกู้จะมีผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยเป็นรายงวด เช่น ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ และเมื่อครบกำหนดอายุก็จะได้รับเงินต้นคืน
1
- กระจายความเสี่ยง หุ้นกู้ถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุนได้ เพราะมีธุรกิจ และความเสี่ยงให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญหากเรามองหาหุ้นกู้ที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ ก็จะช่วยให้พอร์ตของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย
1
เมื่อหุ้นกู้มีความน่าสนใจแบบนี้ ก็เชื่อว่าหลายคน อาจเริ่มเทใจให้กับหุ้นกู้กันบ้างแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงที่ผ่านมา ข่าวการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้บริษัทชั้นนำเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 พบว่ามีการผิดนัดชำระหนี้ในวงเงินกว่า 22,065 ล้านบาทเลยทีเดียว
ดังนั้น ใครที่ต้องการหาหุ้นกู้ที่เหมาะกับตัวเอง ให้ได้ผลตอบแทนที่ถูกใจ และลดความเสี่ยงจากผลตอบแทน ก็ต้องอย่าลืมใส่ใจ 3 เรื่องเหล่านี้ด้วย
1. อันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)
2
การใส่ใจเรื่องอันดับความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะเป็นตัวบ่งบอกว่าหุ้นกู้ของบริษัทนั้น ๆ จะมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน
โดยจะถูกจัดอันดับจากองค์กรที่น่าเชื่อถืออย่าง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อช่วยให้เราสามารถประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนได้
โดยจะมีการแบ่งอันดับความน่าเชื่อถือเป็น 3 ระดับ ได้แก่
- กลุ่ม Investment Grade
ถือเป็นกลุ่มที่อยู่ในระดับที่น่าลงทุน โดยจะมีตั้งแต่ระดับเรทติ้ง AAA ที่มีความน่าเชื่อถือสูงที่สุด และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ค่อนข้างต่ำที่สุด ไปจนถึงระดับ BBB ความน่าเชื่อถือปานกลาง และมีโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ปานกลาง ทั้งนี้หากหุ้นกู้มีระดับความน่าเชื่อถือสูงก็จะมีดอกเบี้ยที่ไม่สูงมากนัก
- กลุ่ม Non-Investment Grade
กลุ่มนี้จะมีตั้งแต่เรทติ้ง BB ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำลงมา และจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงขึ้น และยังมีเรทติ้ง C ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำที่สุด สุดท้ายเรทติ้ง D คืออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้ตามกำหนด หรือผิดนัดชำระหนี้นั่นเอง
- กลุ่ม Unrated Bond
เป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีการจัดอันดับ ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก แต่ก็จะดึงดูดนักลงทุนด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงมากเช่นกัน
2. ประเภทของหุ้นกู้
เนื่องจากหุ้นกู้แต่ละประเภทก็จะมีความเสี่ยง และเงื่อนไขต่างกันออกไป ดังนั้น เราจึงต้องดูรายละเอียดส่วนนี้ให้ชัดเจน
- หุ้นกู้มีหลักประกัน (Secured Bond)
ผู้ที่ออกหุ้นกู้จะมีการนำสินทรัพย์มาค้ำประกันในการออกหุ้นกู้ เช่น อสังหาริมทรัพย์, ที่ดิน โดยจะมีมูลค่าเท่ากับ หรือมากกว่า มูลค่าของหุ้นกู้ที่เสนอขาย ดังนั้น หากวันใดวันหนึ่งบริษัทเกิดการล้มละลาย ผู้ที่ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิในสินทรัพย์เหนือเจ้าหนี้รายอื่น ๆ
- หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Bond)
หุ้นกู้ประเภทนี้จะแตกต่างจากหุ้นกู้มีประกันตรงที่ จะไม่มีการนำสินทรัพย์มาค้ำประกันในการออกหุ้นกู้ ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ล้มละลายขึ้นมา จะทำให้ผู้ที่ถือหุ้นกู้ต้องแบ่งสินทรัพย์กับเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ตามสัดส่วนและสิทธิที่ถือเอาไว้
- หุ้นกู้ด้อยสิทธิ (Subordinated Bond)
สำหรับกรณีบริษัทเกิดการล้มละลาย ผู้ที่ถือหุ้นกู้จะมีสิทธิในการเรียกร้องการชำระหนี้น้อยกว่าเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ
- หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ (Senior Bond)
หากบริษัทล้มละลาย ผู้ที่ถือหุ้นกู้ประเภทนี้จะมีสิทธิเท่าเทียมกับเจ้าหนี้สามัญรายอื่น ๆ และจะมีสิทธิเหนือกว่าผู้ที่ถือหุ้นกู้ชนิดด้อยสิทธิ
3. ศึกษาปัจจัยอื่นเพิ่มเติม
นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เราจะต้องใส่ใจแล้วนั้น ยังมีปัจจัยต่าง ๆ ที่จะต้องให้ความสำคัญเช่นกัน ได้แก่
- ความมั่นคงของบริษัทที่ออกหุ้นกู้
แนะนำว่าให้ติดตามข้อมูลการดำเนินงานของบริษัทว่ามีทิศทางในปัจจุบันและอนาคตเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงในด้านใดบ้าง รวมไปถึงการตรวจสอบงบการเงินของบริษัทโดยเฉพาะกระแสเงินสด เพราะจะช่วยให้เราคาดการณ์ได้ว่าบริษัทจะมีเงินเพียงพอสำหรับการชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน
1
- วิสัยทัศน์ของผู้บริหาร
เนื่องจากผู้บริหารคือบุคคลที่คอยกำหนดทิศทาง และการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ของบริษัท ดังนั้น หากเลือกผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ดี ไม่มีข่าวเสียหาย ก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าบริษัทจะสามารถเติบโตต่อไปได้
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับหุ้นกู้และเห็นถึงความน่าสนใจในด้านต่าง ๆ กันไปแล้ว เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพการลงทุนในหุ้นกู้ที่ชัดเจนมากขึ้น เราไปดูตัวอย่างกันเลย !
คุณ A นำเงิน 100,000 บาท ไปลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีอายุ 2 ปี และมีอัตราดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี เท่ากับว่าคุณ A จะได้รับผลตอบแทนดังนี้
  • ปีที่ 1 ได้ดอกเบี้ย 3,500 บาท
  • ปีที่ 2 ได้ดอกเบี้ย 3,500 บาท
จะเห็นว่าระหว่างทางคุณ A จะได้รับอัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้รวมทั้งสิ้น 7,000 บาท และเมื่อครบกำหนด 2 ปี ก็จะได้เงินต้นที่ลงทุนไปจำนวน 100,000 บาท กลับคืนมานั่นเอง ทั้งนี้ในส่วนของรายได้จากดอกเบี้ย จะมีการหักภาษี ณ​ ที่จ่าย 15% เพิ่มเติมด้วย
1
เรียกได้ว่าผลตอบแทนที่ได้ จะมีจำนวนมากกว่าการที่คุณ​ A นำเงินไปฝากธนาคารเอาไว้เฉย ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถนำผลตอบแทนดังกล่าวไปลงทุนต่อยอดเงินให้งอกเงยต่อไปได้อีกด้วย
1
และสำหรับใครที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์ยอดฮิตอย่าง “หุ้นกู้” ทางธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ก็มีหุ้นกู้ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง ที่จะมีการคัดเลือกหุ้นกู้เอกชนอย่างละเอียดครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น
1
  • อันดับความน่าเชื่อถือ
  • ความสามารถในการชำระหนี้
  • ความเสี่ยงด้านธรรมาภิบาลของผู้บริหารและผู้ถือหุ้นหลัก
ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ยังได้คว้ารางวัลใหญ่ จากสถาบันชั้นนำระดับประเทศ และระดับโลก 10 ปีซ้อน ได้แก่
  • รางวัล “Best Bank for Investment Solutions” 10 ปีซ้อน
  • รางวัล “Derivatives House of The Year, Thailand” 4 ปีซ้อน
  • รางวัล “Best Bond Dealer” 4 ปีซ้อน
  • รางวัล “Most Active Bank in Corporate Bond Secondary Market” 4 ปีซ้อน และรางวัลชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย
เพื่อให้นักลงทุนทุกคนมั่นใจได้ว่า หุ้นกู้ที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คัดสรรมา มีคุณภาพ และให้ผลตอบแทนได้ตามที่คาดหวังนั่นเอง
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
📞 CIMB THAI Care Center โทร 02 626 7777
✅Wealth & Preferred Line: https://bit.ly/42WVffD
#WealthAdvisorybyCIMBTHAIBank #ยกระดับชีวิตปลดล็อกลิมิตทางการเงิน #CIMBTHAIBank #ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย #MOVINGFORWARDWITHYOU
References
โฆษณา