8 มี.ค. เวลา 06:47 • ประวัติศาสตร์

“The vulture and the little girl” ภาพทรงพลังที่สะท้อนความอดอยากในซูดานและทำให้ช่างภาพต้องฆ่าตัวตาย

ในปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) ช่างภาพจากแอฟริกาใต้ที่ชื่อ “เควิน คาร์เตอร์ (Kevin Carter)” ได้เดินทางไปยังซูดานในช่วงที่ซูดานกำลังประสบปัญหาความอดอยากอย่างหนัก และที่ซูดานนี้เอง คาร์เตอร์ก็ได้ถ่ายภาพที่จะกลายเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการวารสารและการถ่ายภาพ
ภาพที่คาร์เตอร์ถ่ายได้นั้นคือ “The Vulture and the Little Girl” ซึ่งได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในเวลาต่อมา หากแต่ภาพนี้เอง ก็ทำให้คาร์เตอร์ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองในปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537)
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร ลองมาดูกันครับ
1
The Vulture and the Little Girl
“เควิน คาร์เตอร์ (Kevin Carter)” เป็นช่างภาพข่าวชาวแอฟริกาใต้ที่เกิดในแอฟริกาใต้เมื่อปีค.ศ.1960 (พ.ศ.2503) โดยเติบโตมาในย่านคนขาว และเห็นถึงการถูกกดขี่ของคนผิวดำมาตั้งแต่ยังเด็ก
เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน คาร์เตอร์ก็ได้ทำงานเป็นช่างภาพ ก่อนจะได้รับมอบหมายให้เดินทางไปซูดานในปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) เพื่อเก็บภาพความอดอยากของซูดาน
คาร์เตอร์นั้นไปซูดานกับเพื่อนคนหนึ่ง ก่อนจะแยกทางกันไปคนละทาง ก่อนที่ไม่กี่วันต่อมา คาร์เตอร์จะโทรหาเพื่อนคนนั้นและบอกว่าตนได้ถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมไว้ได้ภาพหนึ่ง
1
เควิน คาร์เตอร์ (Kevin Carter)
คาร์เตอร์ไม่ทราบเลยว่าตนได้จับภาพที่จะกลายเป็นหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์วงการสื่อสารมวลชนและจะเป็นภาพที่ทรงอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน
ในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ.1993 (พ.ศ.2526) หนังสือพิมพ์ “The New York Times” ได้ตีพิมพ์ภาพถ่ายของคาร์เตอร์ลงหนังสือพิมพ์ และตั้งชื่อภาพว่า “The Vulture and the Little Girl” และได้ลงคำบรรยายภาพซึ่งชวนสลดแกมขนลุกว่า
“เด็กผู้หญิงรายหนึ่ง กำลังอ่อนแรงจากความหิวโหย ทรุดตัวลงบนทางที่กำลังไปยังโรงทานในเมืองอายอด และข้างๆ นั้น แร้งตัวหนึ่งกำลังเฝ้ารออยู่”
หลังจากมีการตีพิมพ์ภาพถ่ายนี้ออกไป ผู้อ่านต่างส่งจดหมายมาถึงหนังสือพิมพ์นับพันฉบับ ต่างถามว่าชะตากรรมของเด็กคนนี้เป็นอย่างไรหลังจากถ่ายภาพแล้ว
และอาจจะเรียกว่าเป็นทั้งความโชคดีและโชคไม่ดีของคาร์เตอร์ก็ได้ ที่ว่าโชคดีนั้นก็คือภาพนี้ทรงอิทธิพล สั่นสะเทือนสังคม เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ที่โชคร้ายคือเหล่าคนอ่านต่างก่นด่าคาร์เตอร์ ด่าว่าทำไมเขาจึงไม่ช่วยเหลือเด็กคนนี้ กลับสนใจแต่จะถ่ายภาพ
2
แต่ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่หลายคนไม่ทราบก็คือขณะที่ถ่ายภาพนี้ คาร์เตอร์ถูกทหารคุมตัวอยู่ข้างๆ ไม่สามารถทำอะไรนอกเหนือจากถ่ายภาพ ดังนั้นต่อให้อยากจะเข้าไปช่วย ก็ไม่สามารถทำได้
แต่ถึงจะถูกก่นด่ามากแค่ไหนก็ตาม แต่ภาพถ่ายฝีมือคาร์เตอร์ภาพนี้ก็ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ประจำปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) และคาร์เตอร์ก็ได้รับคำชมเชยว่าเป็นผู้เปิดเผยความลำบากของซูดานให้โลกรับรู้
แต่ในปีเดียวกันนี้เอง คาร์เตอร์ก็ได้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย โดยสาเหตุก็มาจากการถูกหลอกหลอนจากความเลวร้ายต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นในซูดาน
ส่วนชะตากรรมของเด็กหญิงในภาพ ก็ไม่มีใครทราบอีกเลย
ไม่มีใครทราบ จนถึงปีค.ศ.2011 (พ.ศ.2554)
ในปีค.ศ.2011 (พ.ศ.2554) นักข่าวจากสเปนได้เดินทางไปซูดานเพื่อตามหาเด็กในภาพ และถึงแม้ว่าจะไม่พบกับเด็กในภาพ แต่ก็ได้พบกับพ่อของเด็กในภาพ
1
ผู้เป็นพ่อได้เปิดเผยว่าเด็กในภาพนั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เด็กผู้หญิง แต่เป็นเด็กผู้ชายชื่อว่า “Kong Nyong”
1
ผู้เป็นพ่อได้เล่าให้ฟังว่า Kong Nyong รอดตายจากความอดอยากในซูดานเมื่อปีค.ศ.1993 (พ.ศ.2536) มาได้ หากแต่ก็มาป่วยเป็นไข้และเสียชีวิตเมื่อปีค.ศ.2007 (พ.ศ.2550)
เรียกได้ว่าทั้งคาร์เตอร์และ Kong Nyong ต่างก็เสียชีวิตหากแต่เป็นที่จดจำไปตลอดกาลจากภาพถ่าย The Vulture and the Little Girl
และไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนี้กลายเป็นภาพที่ทรงพลังที่สุดภาพหนึ่งในประวัติศาสตร์ และยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของใครหลายคนจนถึงทุกวันนี้
โฆษณา