8 มี.ค. เวลา 12:06 • การเมือง

“หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ รู้มากน้อยขนาดไหนเกี่ยวกับตัวประกัน” บทความของ ซีมัวร์ เฮิร์ช

บันทึกจากการสอดแนมของอเมริกาในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน
6 มีนาคม 2024 “ซีมัวร์ เฮิร์ช” นักข่าวอเมริกันรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัลพูลิตเซอร์ ผู้เปิดโปงเหตุการณ์สำคัญต่างๆในอดีตและอัพเดทในปัจจุบัน โด่งดังจากการเปิดโปงเรื่อง “การก่อวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมของอเมริกา” ได้ลงบทความล่าสุดของเขาบน Substack ชื่อว่า “WHAT DOES US INTELLIGENCE KNOW ABOUT THE HOSTAGES?”
บทความนี้เนื้อหาแบบเต็มได้ถูกล็อคไว้เฉพาะผู้ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Substack อย่างไรก็ตามทางเพจได้อ่านและสรุปประเด็นสำคัญจากทั้งบทความของเฮิร์ชฉบับดังกล่าวไว้ดังนี้
1
เครดิตภาพ: Reuters
เฮิร์ชเริ่มต้นบทความบอกว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งพูดพล่ามเกี่ยวกับการหยุดยิงที่ใกล้จะเกิดขึ้นโดยไม่ได้ใช้แรงกดดันเพียงพอที่จะทำให้มันเกิดขึ้น และรองประธานาธิบดีที่ถูกส่งออกไปอย่างเปิดเผยเพื่อกระตุ้นให้กลุ่มฮามาส (ไม่ใช่อิสราเอล) เห็นชอบการหยุดยิงในฉนวนกาซาเป็นเวลาหกสัปดาห์
เมื่อวันอาทิตย์สองสัปดาห์ที่แล้ว “เนทันยาฮู” ได้ออกรายการ Face the Nation บนช่อง CBS และมองข้ามโอกาสที่จะตกลงกับกลุ่มฮามาสในเร็ววัน “กลุ่มฮามาสเริ่มต้นด้วยข้อเรียกร้องที่บ้าคลั่ง” เขากล่าวถึงจำนวนนักโทษฮามาสที่อิสราเอลปล่อยตัวเพื่อแลกกับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอล “…มันเร็วเกินไปที่จะพูด (เรื่องเจรจาตัวประกัน)” ผู้นำอิสราเอลยืนกรานว่า “ชัยชนะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม และคุณไม่สามารถมีชัยชนะได้จนกว่าคุณจะกำจัดกลุ่มฮามาส”
1
เครดิตภาพ: Face the Nation / CBS
เฮิร์ชซึ่งมีแหล่งข่าววงในของซีไอเอบอกว่า กลุ่มข่าวกรองอเมริกันรู้ตื้นลึกหนาบางมากกว่าที่เนทันยาฮูประกาศบอกในที่สาธารณะอย่างมาก เกี่ยวกับ “สถานะของตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไป” ตัวประกันที่ยังคงเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นแรงจูงใจหลักสำหรับอิสราเอลที่ใช้ในการพิจารณาข้อตกลงหยุดยิง วันพฤหัสบดีที่ผ่านมานับเป็นครบห้าเดือนของเหตุการณ์บุกจับตัวประกันของฮามาส
แต่ทว่าเมื่อกองทัพอิสราเอลกำลังเข้าใกล้ตัว “ยาห์ยา ซินวาร์” ผู้นำกลุ่มฮามาสและผู้บงการการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เชื่อว่าซินวาร์กำลังหลบอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ตอนนี้การสังหารซินวาร์กลายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเนทันยาฮู
2
เครดิตภาพ: TOI
ที่ปรึกษาของเนทันยาฮูกล่าวว่า กลุ่มฮามาสละเมิดกฎที่สำคัญของอิสราเอลอย่างร้ายแรงคือ “คุณไม่สามารถสังหารชาวยิวได้” กฎนี้ไร้เงื่อนไข เราต้องอุทิศเพื่อปกป้องชาวยิวไม่ว่าที่ใดในโลก เป็นเป้าหมายสูงสุดของเรา และยังกล่าวด้วยว่า “หากอิหร่านจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์” ที่ปรึกษากล่าวเสริมอย่างรวดเร็วว่า “อิสราเอลจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้อิหร่าน”
“กล่าวกันว่าซินวาร์กำลังเจรจากับกองทัพอิสราเอล” ที่ปรึกษาคนดังกล่าวว่าไว้ “คุณคิดว่าจะมีการหยุดยิงจริงหรือ? พวกเขาอาจหยุดแค่ยิงกัน แต่สงครามจะไม่ยุติลง …ความมีอยู่ของชาวยิวเป็นเป้าหมายสูงสุด ทหารอิสราเอลทั้งหมดเชื่อว่าการดำรงอยู่ของพวกเขาเป็นเดิมพัน”
ภาคหลังของบทความเฮิร์ชฉบับนี้พูดถึงวิธีการทำงานของกลุ่มข่าวกรองอเมริกัน เขาเล่าว่าพวกเขามีวิธีทางเทคนิคมากมาย รวมถึงการใช้ดาวเทียมสอดแนม เพื่อล้างข้อมูลจำนวนมหาศาลและจัดเรียงข้อมูลขึ้นใหม่เรียงตามความเกี่ยวข้อง
เขาเล่าย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่กำลังเขียนหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับวิธีการที่อเมริกาช่วยเปลี่ยนอิสราเอลให้กลายเป็นขุมนิวเคลียร์ และหัวข้อ “อเมริกาสอดแนมอิสราเอลได้อย่างไร” จากแหล่งข้อมูลภายในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NSA) การสื่อสารทางการทูตของอิสราเอลที่ถูกอเมริกาดักฟังนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้กำหนดนโยบายของอเมริกาในการกำหนดนโยบายต่ออิสราเอล
ทั้งหมดที่เฮิร์ชเล่าเพื่อเชื่อมโยงว่า “อเมริการู้มากน้อยขนาดไหนเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวประกันที่ถูกจับตัวในอุโมงค์ของกลุ่มฮามาส”
เครดิตภาพ: Illustrated by JOVANA MUGOŠA / The New Republic
เฮิร์ชเล่าถึงทรัพยากรต่างๆ ของอเมริกาที่ใช้ดักฟังในอิสราเอล รวมถึงอุปกรณ์ไร้คนบังคับจำนวนหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันออก ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งมายังสำนักงานใหญ่ของ NSA ในเขตชานเมืองแมริแลนด์ นอกจากนี้ยังมีศูนย์ดักฟังร่วมของ เอ็นเอสเอ-ซีไอเอ หรือที่เรียกว่า “ห้องลับ” ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในสถานทูตอเมริกันทั่วโลก รวมถึงในอิสราเอลด้วย
จุดดักฟังที่สำคัญอีกจุดหนึ่งคือที่ เมนวิธ ฮิลล์ ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศทางตอนเหนือของเมืองลีดส์ในอังกฤษ ซึ่งนักภาษาศาสตร์ชาวฮีบรูได้ติดตามข้อมูลที่รับมาจากดาวเทียมสอดแนม
แหล่งดักฟังเพิ่มเติมมาจากโครงการลาดตระเวนที่มีมายาวนานซึ่งเกี่ยวข้องกับเครื่องบินลาดตระเวนร่วมของ Air Force Rivet ซึ่งเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 707 ที่ได้รับการดัดแปลงซึ่งปฏิบัติการทั่วโลกในนามของเอ็นเอสเอ (เครื่องบินนี้ครั้งหนึ่งใช้เป็นส่วนหนึ่งในปฏิบัติการจุดชนวนระเบิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีมในทะเลบอลติก) เครื่องบินลาดตระเวนร่วมเป็นแหล่งข่าวกรองทางยุทธวิธีหลักเกี่ยวกับอิสราเอลเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่เฮิร์ชไม่แน่ใจว่าปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยดาวเทียมสอดแนมมากน้อยขนาดไหน
กองทัพเรือสหรัฐฯ ยังมีบทบาทสำคัญในการดักฟังการสื่อสารของอิสราเอลอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติได้มีการส่งเครื่องบินพิเศษของกองทัพเรือที่เรียกว่า “Whales” ไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กองเรือที่ 6 ของกองทัพเรือซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเนเปิลส์ของอิตาลีซึ่งได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังของเอ็นเอสเอที่ทันสมัยที่สุด
3
และจะถูกคัดลอกสำเนาไปเมื่อมีการสร้างท่าเรือในเมืองไฮฟาของอิสราเอล เรือดำน้ำโจมตีของกองทัพเรือที่เรียกว่า “Sturgeons” ได้รับมอบหมายให้ “ด้อมๆ มองๆ นอกชายฝั่งอิสราเอล” ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติ โดยได้สำเนาการจราจรทางการทูตและการทหารของอิสราเอล
เครดิตภาพ: illustration: Elise Swain/The Intercept; Photos: Getty Images
แน่นอนว่าเทคนิคการดักฟังเฉพาะจำนวนมากได้รับการปรับปรุงและทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในความสามารถในการสอดแนม แต่สัญญาณและข้อความของอิสราเอลจำนวนมหาศาลที่สามารถดักฟังได้ แม้ว่าจะเข้ารหัสแล้ว และนำไปใช้ทางยุทธวิธีก็ทำให้สำนักงานของอเมริกาได้รับรู้ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับจำนวนตัวประกันชายและหญิงจากกองทัพอิสราเอล เป็นที่ทราบกันว่าผู้นำกองทัพอิสราเอลใช้วิธีสุดโต่งในแง่ของการเสี่ยงชีวิต เพื่อรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับสถานะของตัวประกันภายในอุโมงค์ของกลุ่มฮามาส
1
อ้างอิงบทความฉบับล่าสุดของ “ซีมัวร์ เฮิร์ช” ที่ชื่อว่า ”WHAT DOES US INTELLIGENCE KNOW ABOUT THE HOSTAGES?” ได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
1
เรียบเรียงโดย Right Style
8th Mar 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: The Times (พื้นหลัง)>
โฆษณา